พวงชมพูรู้สึกถึงอาการสั่นของขาที่กำลังก้าวเดินเข้าไปในห้องนอนของปราณปวิช และหัวใจที่เต้นแรงขณะมองร่างสูงใหญ่ที่นั่งรอตนอยู่บนเตียง ยิ่งเขาส่งยิ้มให้ตน ใจสาวก็ยิ่งสั่น เพราะทำให้ใบหน้าเขาหล่อและมีเสน่ห์มากขึ้น
พวงชมพูแพ้รอยยิ้มปราณปวิช...
“พี่พร้อมแล้ว ชมมานวดให้พี่ได้เลยนะ” ปราณปวิชเอ่ยเสียงนุ่ม ทำตัวเหมือนพี่ชายใจดี “แล้วนั่นถืออะไรมา หรือว่าเป็นน้ำมันนวด”
“ใช่ค่ะ เป็นน้ำมันนวดตัวค่ะ แล้วก็ผ้าขนหนูค่ะ เอาไว้เช็ดหลังนวดเสร็จ” พวงชมพูตอบ “เมื่อกี้ที่นวดให้คุณป้า ชมใช้น้ำมันแค่ตรงท้ายทอยค่ะ อยากนวดตรงไหนก็ทาตรงนั้นค่ะ”
“มันต่างกับไม่ใช่น้ำมันนวดยังไงล่ะ” ข้อนี้ปราณปวิชถามด้วยความอยากรู้
“น้ำมันนวดตัวเป็นการบำบัดอย่างหนึ่งค่ะ กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ลดอาการตึงเครียด ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า กระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือดด้วยค่ะ แล้วยังมีประโยชน์อีกหลายอย่างค่ะ” พวงชมพูตอบเท่าที่รู้
“ประโยชน์เยอะดีนะ พี่ไม่ยักกะรู้ เคยแต่นวดธรรมดา” ปราณปวิชพูดตอบโต้ “ชักอยากลองแล้วสิ งั้นนวดน้ำมันให้พี่นะ พี่เมื่อยมากเลย”
“ถ้าพี่ปราบอยากนวดทั้งตัว ต้องเปลี่ยนชุดนะคะ ใส่แค่กางเกงขาสั้นค่ะ” พวงชมพูบอก
“ได้สิ ไม่มีปัญหา” เขาลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบกางเกงบ็อกเซอร์ในตู้เสื้อผ้า ก่อนเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อผลัดเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นกางเกงเพียงตัวเดียว พอเดินออกมาก็พบว่าพวงชมพูกำลังเตรียมการนวดอยู่บนเตียง เธอกำลังใช้ผ้าสีขาวปูลงบนที่นอนกันน้ำมันนวดตัวไหลซึมเลอะที่นอนขณะนวด
พวงชมพูมองเจ้าของห้องที่เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วใจสั่น พอใจในหน้าตาอันหล่อเหลาไม่พอ ตอนนี้เธอกำลังหลงใหลรูปร่างกึ่งเปลือยของเขา เธอเคยเห็นนายแบบหรือผู้ชายที่ออกกำลังกายเรียกกล้ามเนื้อให้ได้สัดส่วนเช่นเขาแต่ในทีวี นิตยสารหรือในอินเตอร์เน็ต เพียงแค่เห็นผ่านสื่อต่างๆ ก็แทบจะกรีดร้อง ทว่าเวลานี้เธอเห็นด้วยตาตัวเองในระยะใกล้ อีกทั้งเรือนร่างของเขายังสวยกว่าชายหลายคนที่เห็นผ่านสื่อ ใจพวงชมพูเต้นแรง มือเท้าเย็นไปหมด
“ไม่เคยเห็นผู้ชายแต่งตัวแบบนี้หรือไง มองพี่ตาค้างเชียว” เสียงปราณปวิชดึงสติพวงชมพูให้กลับมา ดวงหน้าหวานเห่อร้อน แก้มทั้งสองข้างขึ้นเลือดฝาด “ว่าไง ไม่เคยเห็นเหรอ”
หัวใจพวงชมพูเต้นโครมครามหนักมาก เพราะตอนนี้เขามาหยุดยืนตรงหน้าตน ระยะห่างเพียงแค่หนึ่งศอก เธอหลุบตามองต่ำไม่กล้าสบตาเขา ทว่าเธอรู้สึกหวิวๆ ในอกคล้ายเป็นลม เมื่อเห็นความกำยำอันสวยงามตรงช่วงอกและหน้าท้องของปราณปวิช
โอ้...แม่เจ้า อยากจะเป็นลม
“ว่าไง ไม่เห็นตอบพี่เลย” เขาโน้มศีรษะลงมาถาม เป็นจังหวะที่พวงชมพูเงยหน้าหมายจะตอบเขา ส่งผลให้ใบหน้าของทั้งคู่ชิดใกล้กัน ปลายจมูกสัมผัสกันอย่างไม่ตั้งใจ
ไม่ได้ตั้งใจน่ะหรือ...ปราณปวิชตั้งใจเต็มๆ
พวงชมพูที่ไม่เคยใกล้ชิดชายใดมากก่อน ถึงกับตกใจ ร่างแข็งดุจหิน ทำอะไรไม่ถูก อยากก้าวถอยหลังเพื่อให้ร่างกายตนออกห่างร่างหนา ทว่าเท้าก็แข็งเหลือเกินไม่ขยับไปไหน มองเขานิ่งค้างอยู่อย่างนั้นพร้อมกับหัวใจเต้นระส่ำจากความตื่นเต้น
กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างอรชรที่ปราณปวิชสูดดมเข้าไป ช่างหอมเย้ายั่วอารมณ์ดีแท้ มันไม่ใช่ความหอมจากน้ำหอม แต่เป็นกลิ่นกายสาวหอมจรุงใจ ความหอมตอนนี้แผ่กระจายไปทั่วร่างเขา มีปฏิกิริยากับต่อมความใคร่ เพียงแค่ได้กลิ่นหอมจากกายสาวเขายังรู้สึกเช่นนี้ หากได้สัมผัสแตะต้องโลมไล้ทั่วเรือนร่าง เขาไม่อาจคาดเดาได้เลยว่า อารมณ์ตอนนั้นอยู่ในระดับใด
ริมฝีปากสีชมพูอ่อนรูปกระจับของพวงชมพูที่มองเห็น ทำให้เกิดประโยคหนึ่งขึ้นในใจ “ปากน่าจูบชะมัด” ปราณปวิชอยากจูบปากสาวจนตัวเนื้อสั่น อยากรั้งร่างเธอเข้ากอดแล้วบดจูบให้หนำใจ
ยังก่อน...เขาต้องระงับความปรารถนาไว้ก่อน รอให้เหยื่อติดเบ็ดมากกว่านี้ รับรองว่า ปราณปวิชจะทำให้เธอรักและหลงเขาจนโงหัวไม่ขึ้น
“พี่ขอโทษนะชม พี่ไม่ได้ตั้งใจ” เขาเป็นฝ่ายถอยหลังหนึ่งก้าว ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษสุดๆ
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ปราบ” พูดไปหัวใจยังเต้นแรงไป “เรามาเริ่มนวดกันเลยดีไหมคะ พี่ปราบเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก คงอยากพักผ่อน”
“ได้สิ เมื่อยตัวมากเลย” คนพูดทำตัวเนียน ทำให้สมจริงว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศหมาดๆ
“ชมขอยืมมือถือพี่ปราบค่ะ ชมจะเปิดเพลงค่ะ”
“ทำไมต้องเปิดเพลงด้วยล่ะ” ปราณปวิชเป็นจอมสงสัย
“เสียงเพลงเบาๆ อย่างเช่นดนตรีคลาสสิกเปิดระหว่างนวดจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายค่ะ บางคนหลับตอนนวดก็มีค่ะ” เธอตอบเหตุผล
“อ๋อ ได้สิ” เขาเดินไปหยิบมือถือส่งให้พวงชมพู ที่ก่อนส่งก็กดรหัสล็อคเครื่องให้เสร็จสรรพ จากนั้นร่างสูงใหญ่ได้เอนกายลงนอนกลางเตียง
การนวดตัวเริ่มขึ้นหลังจากพวงชมพูวางมือถือที่เปิดเพลงดนตรีคลาสสิกลงบนโต๊ะหัวเตียง พวงชมพูใช้น้ำมันนวดตัวกลิ่นกุหลาบทาลงบนขาและเท้าของปราณปวิช เริ่มต้นนวดจากเท้า เรื่อยมาจนถึงน่องและเลยหัวเข่ามาเล็กน้อยตามลำดับ
“ชมไปฝึกนวดที่ไหนมา นวดดีจัง” ปราณปวิชไม่คิดว่า มือเล็กๆ ของพวงชมพูยามนวดจะมีความหนัก และกดจุดได้ดีเหลือเกิน ตอนแรกก็คิดไว้ว่า เธอคงนวดแบบธรรมดาไม่มีเทคนิคอะไร แต่พอได้ลองทำความผ่อนคลายเกิดขึ้นในความรู้สึก ราวกับว่าขับไล่ความตึงของเส้นเอ็นให้คลายลง
“ยายข้างบ้านที่อยู่เก่าสอนค่ะ แกเป็นหมอนวดมาสี่สิบกว่าปีค่ะ นวดคลายเส้นเอ็น นวดเพื่อสุขภาพ นวดให้คนท้องใกล้คลอด แกนวดเก่งค่ะ ชมเลยไปอ้อนให้แกสอน เผื่อว่าจะได้ใช้วิชาที่แกสอนไปสร้างรายได้ช่วยแม่ค่ะ”
หากพวงชมพูไม่ใช่ลูกสาวของเอมอร ปราณปวิชคงชื่นชมกับความคิดของเธอที่อยากช่วยแม่หารายได้ ทว่าเธอคือลูกเมียน้อยบิดา เขาคงคิดเช่นนั้นไม่ได้
“แล้วเคยนวดให้ใครหรือยังล่ะ” เขาถามต่อ
“ถ้านวดเป็นเรื่องเป็นราวก็ยังค่ะ เพราะเข้ามาอยู่ที่นี่ก่อน คุณลุงไม่ให้ทำงานอะไร ให้เรียนอย่างเดียวค่ะ” เธอตอบตามจริง “แต่ก็นวดให้แม่ คุณลุง คุณป้าแล้วก็มานวดให้พี่ปราบค่ะ”
“ฝีมืออย่างนี้เปิดร้านได้เลยนะ นวดดีมาก”
ปราณปวิชชมจากใจ เสียงเพลงเบาๆ บวกกับการนวดที่ดี ส่งผลให้ดวงตาเขาค่อยๆ ปรือ คล้ายคนกำลังจะหลับ พวงชมพูไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ เธอทำหน้าที่หมอนวดจำเป็นจนกระทั่งนวดฝ่าเท้าและขาทั้งสองข้างของเขาเสร็จ ก็สั่งให้ชายหนุ่มนอนคว่ำเพื่อที่เธอจะได้นวดหลัง บ่าและไหล่
คนกำลังถูกนวดห่างหายการนวดมานานหลายปี พอมาได้นวดปราณปวิชรู้สึกดีมาก การใช้น้ำมันหอมระเหยนวดตัวช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้ดีจริง เสียงเพลงทำให้จิตใจสงบ เขาค่อยๆ ด่ำดิ่งลงสู่ห้วงนิทรา
พวงชมพูใช้เวลานวดแผ่นหลัง ท้ายทอย บ่าและหลังของเขาราวยี่สิบนาที การนวดหลังจึงเสร็จสิ้น เธอใช้ผ้าขนหนูเช็ดบริเวณที่ใช้น้ำมันนวด ก่อนทาด้วยแป้งเพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึกเหนียวเหนอะเหมือนกับที่ทำกับขา
“พี่ปราบคะ พี่ปราบ” พวงชมพูเรียกคนกำลังนอนหลับ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะตื่น ซึ่งเธอเองก็ไม่เรียกซ้ำ ปล่อยให้เขานอนหลับต่อไป
ความที่เข้าใจว่าปราณปวิชหลับ เธอนั่งริมเตียงเพื่อพับผ้าขนหนูและนำน้ำมันนวดกับแป้งวางลงบนผ้าผืนนั้น พร้อมกับหยิบมือถือเขามากดปิดเพลงและวางลงตามเดิม และกำลังลุกขึ้น
“ว้าย!” พวงชมพูอุทานตกใจ เมื่อลำแขนของปราณปวิชสอดรัดเอวคอดกิ่วของตน และรั้งเข้าไปกอด เธอไม่ทันตั้งตัวบวกกับความตกใจ จึงไม่ได้ขัดขืนส่งผลให้ตอนนี้พวงชมพูเอนกายข้างร่างหนาที่กอดตนไว้ “พี่ปราบคะ ปล่อยค่ะ”
ไม่มีเสียงตอบรับของชายร่างโต นอกจากเสียงกรนเบาๆ พวงชมพูเข้าใจว่า เขาคงละเมอคิดว่าเธอเป็นหมอนข้าง มือเล็กจับลงบนท่อนแขนกำยำยกขึ้นอย่างเบามือเพราะเกรงว่าเขาจะตื่น แต่พอยกขึ้นร่างหนาก็ขยับ รัดร่างเธอแน่นขึ้น
“พี่ปราบคะพี่ปราบ” เธอเรียกเขา หมายจะให้ปราณปวิชตื่น เพื่อที่ตนจะได้หลุดออกจากอ้อมแขนนี้
“ใครมาพูดอะไรแถวนี้นะน่ารำคาญ คนจะนอน”
ได้ยินประโยคนี้พวงชมพูถึงกับตัวแข็ง ไม่กล้ากระดุกกระดิกตัว เกรงว่าคนหลับจะตื่น แล้วหากรู้ว่าตนเป็นตัวต้นเหตุให้เขาตื่น ปราณปวิชอาจไม่พอใจได้ แต่ถ้าให้อยู่ท่วงท่านี้ก็ไม่ไหว ใจสาวเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ตื่นเต้นเป็นที่สุด
เอาไงดีเนี่ย...
พวงชมพูพูดกับตัวเอง ตัดสินใจยกแขนเขาขึ้นอีกครั้งเบามือกว่าครั้งก่อนหน้า แต่ดูเหมือนว่าแขนเขาเหมือนเชือกที่รัดแน่นจนแทบขยับไม่ได้ มิหนำซ้ำตอนนี้ขาปราณปวิชก่ายช่วงขาเธอ
ปราณปวิชคงคิดว่าพวงชมพูเป็นหมอนข้าง...
“พี่ปราบคะ พี่ปราบ” พวงชมพูอยู่ท่านี้นานไม่ได้แน่ ใจเธอเต้นระส่ำ ตัวก็สั่นไปด้วย มือเรียวสวยเขย่าแขนเขาพร้อมกับเรียกชื่อ “พี่ปราบคะ ตื่นก่อนค่ะ”
“หนวกหูชะมัด พูดมากอยู่ได้ คนจะนอน”
พวงชมพูถึงกับเงียบเสียง ไม่กล้าพูดและยกแขนเขาออกจากตัว เธอคิดว่าถ้าอยู่อย่างนี้สักพัก รอให้ปราณปวิชหลับสนิทกว่านี้ ค่อยขยับแขนขาให้ออกจากตัวตน เธอจึงไม่คิดทำอะไรนอกจาก นอนเฉยๆ เป็นหมอนข้างให้เขากอดก่าย
ปราณปวิชไม่ได้หลับดั่งที่พวงชมพูเข้าใจ เขานอนลืมตาแล้วแสยะยิ้มกับแผนการของตนที่รุกคืบสมดังใจ เขาคิดว่า แม่เป็นอย่างไรลูกก็เป็นอย่างนั้น เอมอรใจง่ายเป็นเมียน้อยบิดาตน คนเป็นลูกคงใจง่ายไม่ต่างกัน ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมให้กอดง่ายๆ แบบนี้ ต้องร้องลั่นห้องบอกหาทางให้ตัวเองเป็นอิสระ เมื่อคิดว่าพวงชมพูเป็นสาวใจง่าย ปราณปวิชจึงมั่นใจว่า อีกไม่นานเหยื่อก็จะติดกับ พอถึงตอนนั้นเขาจะกระทำต่อเธอให้สาสมใจ