การนัดดูตัวกันนั้นเกิดขึ้นหนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ระหว่างนี้ยิปซีตัดสินใจให้จันทร์เจ้าอยู่ด้วยกันไปก่อน คุณโรมของเธอบอกว่าจะไม่ได้มาหาที่คอนโดเป็นสัปดาห์เลย เพราะพ่อแม่ของเขาอยากให้ลูกชายอยู่บ้านสักพัก หลังจากทัวร์ยุโรปไปเสียหลายวัน
“จันทร์เจ้าได้ยินที่ซีพูดไหม ทำไมเหม่อแบบนี้ล่ะ”
“อะไรนะ”
“ซีบอกว่าถ้าไม่มีคนรับเลี้ยง แต่ว่าจ่ายเป็นครั้งคราว หรือว่าแค่ครั้งสองครั้งจบล่ะ จันทร์เจ้าจะโอเคไหมเพราะคุณโรมบอกว่าไม่มีคนสนใจจริงจังเลย ตอนที่ซีส่งรูปไปให้ดู แต่อยากให้โอกาสจันทร์เจ้า ด้วยการนัดดูตัวกันก่อน”
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้นเราไม่ไปได้ไหมซี พวกเขาคงไม่ชอบเราจริง ๆ นั่นแหละ”
“ไม่เอาน่าจันทร์เจ้า ลองได้เจอกับตาตัวเองเดี๋ยวก็เปลี่ยนใจเองแหละซีว่า วันนั้นอาจดูธรรมดาเกินไปมั้ง แต่วันนี้ซีทำให้สวยหยาดเยิ้มไปเลยไม่เชื่อลองส่องกระจกดูสิ” ยิปซีดันคางเพื่อนให้เงยขึ้นมองกระจกบานตรงหน้า
จันทร์เจ้าในวันนี้ถูกจับแต่งหน้าทำผมอย่างสวยงาม เรียกว่าเผยสัดส่วนในชุดเดรสสีแดงสั้น เปลือยไหล่ทั้งสองข้าง โชว์เนินอกเล็กน้อยแต่พองาม ผมดัดลอนใหญ่ทิ้งตัวผ่านช่วงหัวไหล่อย่างน่ามอง ใบหน้าก็แต่งแต้มแต่พอดี ขนาดเจ้าตัวเห็นยังอดตะลึงไม่ได้
“สวยใช่ไหมล่ะ ฝีมือซีซะอย่างไม่อยากได้ก็ให้มันรู้ไป” คนแต่งให้กอดอกอย่างภาคภูมิใจในฝีมือของตนเอง คงมีแค่เรื่องแต่งตัวนี่แหละที่ยิปซีถนัด เพราะสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ตอนเป็นวัยรุ่น
“เอ่อ ซีจะไปกับเราด้วยใช่ไหม” จันทร์เจ้าทำหน้าเศร้าเหมือนกลัวไม่มีเพื่อนไปด้วย นั่นทำให้อีกคนหลุดหัวเราะออกมาอย่างนึกเอ็นดู
“ไปสิ ใครจะกล้าปล่อยให้ไปคนเดียว แต่ว่าซีไปในฐานะเด็กของคุณโรมนะ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไร ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับคุณ ๆ เขา เขาว่าไงก็ว่างั้น เรื่องนี้จันทร์เจ้าต้องเข้าใจนะ”
“อืม เราเข้าใจ” พอได้ยินแบบนี้จันทร์เจ้าเข้าใจว่า อาจไม่มีคนสนใจเธอเลยก็เป็นได้ ถือเสียว่าไปหาประสบการณ์แปลกใหม่ก็แล้วกัน
หนึ่งชั่วโมงต่อมาจันทร์เจ้าได้เดินทางมายังโรงแรม ที่ได้มีการนัดหมายกันเอาไว้ ยิปซีเดินนำหน้าเข้าไปยังห้องพักแสนหรูหราของที่นี่ หัวใจของจันทร์เจ้าเต้นตึกตักตั้งแต่วินาทีแรก ที่ก้าวเท้าเข้ามาภายในห้องแห่งนี้
“คุณโรมยังมาไม่ถึง ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังไม่เห็น คงให้เรามารอก่อนนั่นแหละ มานั่งนี่สิจันทร์เจ้าทำไมยืนตัวเกร็งแบบนั้นล่ะ” ยิปซีเดินไปดึงมือเพื่อนให้มานั่งตรงโซฟา
“ซีเรารู้สึกแปลก ๆ น่ะ” คนพูดยกมือขึ้นลูบต้นแขนตัวเองไปด้วย
“มันต้องใจกล้าหน้าด้านเข้าไว้นะจันทร์เจ้า ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรอก แม้แต่เรื่องที่คนอื่นบอกว่าง่ายแบบนี้ไง”
“เฮ้อ” จันทร์เจ้าถอนหายใจออกมาดัง ๆ เธอจะทำยังไงดี หันไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด มีแค่ยิปซีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในตอนนี้
ก่อนที่จันทร์เจ้าจะตอบตกลงปลงใจมากับยิปซีในวันนี้ หญิงสาวได้ลองโทรศัพท์กลับไปหาแม่อีกครั้ง แต่ว่าเรื่องเดิมที่แม่พูดกับเธอ คือการให้เธอเข้าไปมอบตัว และเข้าไปขอโทษนายธนพัต ไม่มีแม้แต่ความห่วงใยให้เธอ ทำไมแม่ของเธอถึงได้หลงผู้ชายคนนั้นมาก จนไม่เหลือความห่วงใยให้ลูกสาวอย่างเธอ ความอดทนขาดสะบั้นในตอนนั้น เธอรู้สึกว่าอยากจะช่างแม่งมันไปบ้าง กับชีวิตแสนบัดซบในตอนนี้
เสียงเปิดประตูดังขึ้น พร้อมกับผู้ชายสองคนที่เดินเข้ามาภายในห้อง จันทร์เจ้าแทบไม่กล้ามองหน้าใครสักคนในตอนนี้ ก้มหน้ามองพื้นห้องอยู่ตลอดเวลา จนถูกสะกิดจากยิปซีถึงได้ลุกขึ้นยืนตามคนเป็นเพื่อน
“จันทร์เจ้าค่ะคุณโรม” ยิปซีฉีกยิ้มหวาน ๆ พร้อมกระทุ้งข้อศอกใส่เพื่อน จันทร์เจ้าจึงยกมือขึ้นไหว้เขา
“ตัวจริงสวยกว่าในรูปอีกนี่ว่าไหมไอ้วิน อ้อ นี่คุณภูวินเพื่อนฉันเอง” โรมทำตาประกายหลังได้เห็นตัวจริงของจันทร์เจ้า ยิปซีเลยขึงตามองเขาแบบน้อยใจ ก่อนจะหันไปยกมือขึ้นไหว้ทักทายภูวินต่อ
“สวัสดีค่ะคุณภูวิน”
จันทร์เจ้ายกมือขึ้นไหว้ตามเพื่อน เธอเผลอเงยหน้าขึ้นมองสบสายตากับเขาแวบหนึ่ง วินาทีนั้นทุกอย่างก็นิ่งงันไป คล้ายเวลาหยุดหมุน กับสายตาคมเข้มคู่ตรงหน้า เขามองเหมือนเหยียดและดูถูกเธออยู่ในที หญิงสาวรีบกลืนน้ำลายลงคอ ขยับไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลังของยิปซี
“แล้วคนอื่น ๆ ไม่มากันเหรอคะคุณโรม” ยิปซีรีบเอ่ยขึ้นเกรงว่าบรรยากาศจะอึดอัดจนเกินไป
“พอดีเพื่อนคนอื่น ๆ เขาติดธุระกันหมดน่ะซี มีแค่ไอ้วินนี่แหละที่มา นั่งก่อน ๆ” โรมบอกยิปซีก่อนจะหันไปเชิญเพื่อนให้นั่งบนโซฟา
ยิปซีขยับไปนั่งอยู่ด้านข้างกับโรม ทิ้งจันทร์เจ้าให้นั่งเผชิญหน้ากับภูวินตัวต่อตัว เธออายจนอยากมุดพื้นหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ เหมือนตัวเองเป็นสินค้าวางโชว์ ลูกค้ากำลังตรวจตราว่าสมควรซื้อหรือไม่ มีบางครั้งที่เธอนึกอยากร้องไห้ อยากบอกยิปซีว่าเธอไม่เอาแล้ว ไม่อยากทำแล้ว
“ไม่ใช่สเปก ขอผ่าน” ภูวินเอ่ยขึ้นหลังสำรวจหญิงสาวตรงหน้าจนถี่ถ้วนดีแล้ว เขาแค่อยากลองมาดูตัวผู้หญิงแบบที่เพื่อน ๆ ของเขาทำกันบ้าง แต่ให้มองยังไงหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่แบบที่เขาชอบอยู่ดี
“แกว่างั้นเหรอวิน” โรมถอนหายใจเบา ๆ ไม่คิดว่าเพื่อนจะพูดตรง ๆ ต่อหน้าสาว ๆ แบบนี้
“อืม” ภูวินขานรับในลำคอสายตาเบนมองไปทางอื่นแทน เหมือนไม่ได้สนใจไยดีคนตรงหน้าแม้แต่น้อย
ขอบตาของจันทร์เจ้าร้อนผ่าว ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ความรู้สึกแปลก ๆ พุ่งเข้าใส่ ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร แต่ว่ามันเต็มไปด้วยความอดสูใจ
“เอ่อ คุณโรมคะ” ยิปซีเห็นท่าไม่แยแสของภูวินก็นึกสงสารเพื่อนตัวเองอยู่ไม่น้อย หันไปขอความเห็นใจจากคนด้านข้าง
“ให้เพื่อนกลับก่อนนะซี ส่วนซีน่ะอยู่นี่กับฉันก่อน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวัน” โรมกระซิบบอกเบา ๆ สายตาเว้าวอนด้วยความปรารถนา เหมือนบอกกลาย ๆ ว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีใครรับผิดชอบ
“ค่ะคุณโรม” หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำตามความต้องการของโรม ยิปซีเดินไปหาคนที่นั่งก้มหน้านิ่ง พร้อมกับสะกิดแขนเบา ๆ ให้ลุกขึ้นยืน
“จันทร์เจ้าต้องขอตัวกลับก่อนนะคะคุณภูวิน ลาคุณเขาซะสิจันทร์เจ้า” ยิปซีเป็นคนพูดแทนเพื่อน จันทร์เจ้ายกมือขึ้นไหว้ลาเขา แบบไม่กล้ามองสบสายตากับเขาอีกเลย เดินก้มหน้าก้มตาตามหลังเพื่อนออกจากห้องไป
“ขอโทษนะจันทร์เจ้า ซีไม่คิดว่ามันจะออกมารูปแบบนี้” ยิปซีเอ่ยขึ้นหลังลงมาส่งหญิงสาว ที่ห้องโถงด้านล่างของโรงแรม
“ไม่เป็นไรหรอกซี เขาบอกเองว่าเราไม่ใช่สเปกของเขาเราเข้าใจ แต่ว่าขอบใจมากนะ ที่ช่วยเหลือเราทุกอย่างเลย” จันทร์เจ้ารู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม้จะมีความอึดอัดใจก่อนหน้า พอลงมาด้านล่างเธอกลับรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีแล้ว คนอย่างเธอเหมาะกับชีวิตดิ้นรนไปวัน ๆ มากกว่าการทำงานง่าย ๆ แบบนี้ล่ะมั้ง
“แต่ซีกลับด้วยไม่ได้นะ คือว่าคุณโรมเขาอยากให้ซีอยู่ต่อ ก็เช่าห้องไปแล้วนี่คงอยากเปลี่ยนบรรยากาศน่ะ” ยิปซีพูดแล้วหน้าแดงขึ้นมา
“ไม่เป็นไร ๆ เรากลับเองได้ ซีกลับไปหาคุณโรมเถอะเดี๋ยวเขารอนาน” ทำไมจันทร์เจ้าจะไม่เข้าใจในความหมายคำพูดของเพื่อน
“กลับดี ๆ ล่ะ” สองสาวต่างโบกมือลาแยกย้ายกันไป
ขณะเดียวกันภายในห้องพักสุดหรู โรมได้แต่มองค้อนเพื่อนแบบไม่รู้จะพูดอะไรออกมา
“ความผิดฉันเหรอ” ภูวินเอ่ยขึ้นเมื่อถูกเพื่อนกลอกตามองใส่อยู่หลายหน
“แกนี่นารักษาหน้าน้องเขาหน่อยก็ไม่ได้ เห็นไหมหน้าเสียไปเลย” โรมมีบ่นเพื่อนเล็กน้อย อีกทั้งยังเห็นใจจันทร์เจ้าที่ถูกปฏิเสธตรง ๆ แบบนี้
“ก็ไม่ใช่สเปกจะให้ฉันบอกว่าไง”
“ลองสักครั้งก็ยังดี สวยขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ใช่สเปก ถ้าไอ้พวกนั้นมาเห็นตัวจริงของน้องเขาเข้า ไม่มีทางหลุดรอดถึงมือแกหรอก”
“ถ้าชอบขนาดนั้นทำไมไม่เก็บไว้เองล่ะ ดูแลสองคนจะเป็นไรไป ระดับแกขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก”
“ไม่อยากปวดหัวโว้ย อีกอย่างน้องสองคนเขาเป็นเพื่อนกัน ขืนทำอะไรแบบนั้นได้วุ่นวายตายชัก แล้วแกล่ะวินไม่ลองคิดดูใหม่อีกรอบเหรอ ฉันว่าเอาไปลอง ๆ ดูสักครั้งก็ได้มั้ง ดูน้องเขาร้อนเงินจริง ๆ”
“ไม่ล่ะ กะจะมาดูเจ้าพวกนั้นมันดูตัวหญิง ไหงกลายเป็นฉันต้องมาคนเดียววะเนี่ย” ภูวินรู้สึกเหมือนโดนเพื่อนในกลุ่มเล่นตลกเข้าให้เสียแล้ว เขาไม่อยากทำให้โรมต้องเสียหน้า เลยต้องเล่นตามน้ำไป
“ไม่รู้มันไม่มาก็ไม่บอกตรง ๆ เสียเวลาชะมัด” โรมส่ายหน้าให้เพื่อนที่เบี้ยวนัดในวันนี้
“ฉันกลับก่อนนะ แกจะได้มีเวลาหรรษากับเด็กของแก ได้อย่างเต็มที่ไงไอ้โรม” คนพูดลุกขึ้นยืนก่อนจะขยิบตาให้เพื่อนแล้วเดินออกจากห้องไป
“รู้ดีนะไอ้วิน” โรมหัวเราะไล่หลังเพื่อนไปเบา ๆ
ระหว่างทางที่เดินออกจากห้องมา ภูวินได้สวนทางกับยิปซี หญิงสาวรีบยกมือไหว้ลาเขาด้วยรอยยิ้มหวานหยด แอบเสียดายที่เขาไม่ชอบจันทร์เจ้า ความหวังจะช่วยเหลือเพื่อนเรื่องค่าเทอมเลยริบหรี่ตามไปด้วย
ส่วนภูวินที่กำลังขับรถออกจากโรงแรมมา ต้องถอนหายใจเบา ๆ กับสภาพท้องฟ้าที่มีเมฆครึ้มฝน รถเลี้ยวออกถนนใหญ่ฝนก็โปรยเม็ดลงมาในทันที ขณะที่รถแล่นไปอย่างช้า ๆ สายตาของเขากลับมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังเดินเท้าเปล่าบนถนน มือถือรองเท้าส้นสูงไว้ทั้งสองข้าง จู่ ๆ เจ้าตัวก็หยุดเดินแล้วเงยหน้ามองเม็ดฝนอยู่ข้างทาง เขาจะขับผ่านเลยไปก็ได้ แต่อะไรดลใจให้เขาจอดแล้วกดแตรเรียก
บรื้น ๆ ๆ พร้อมกับลดกระจกเรียกคนข้างทางดัง ๆ
“ขึ้นรถเร็ว !”