ควรเป็นแม่เมื่อพร้อม
1
ควรเป็นแม่เมื่อพร้อม
“แกแน่ใจนะนาดว่าจะยกเจ้าอาทิตย์ให้เป็นลูกฉัน”
“แน่ใจสิพี่ ฉันจะไปเลี้ยงมันไหวได้ยังไงกันกำลังตกงานอยู่แบบนี้ พี่มีผัวดีมีบ้านอยู่ลูกก็ยังไม่มี ก็ช่วย ๆ รับมันไปเลี้ยงให้หน่อยก็แล้วกันนะ” ชมนาดยังยืนกรานเรื่องยกลูกให้พี่สาวไปเลี้ยงดู
“นาดแกไม่คิดถึงลูกแกเลยเหรอวะ” คนเป็นพี่สาวถึงกับย้อนถามแบบไม่ใจเข้า
“แล้วพี่จะให้ฉันทำไงล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดมานี่นา พี่ดูที่ที่ฉันอยู่สิ สลัมเก่าโทรมแบบนี้ ฉันไม่อยากให้ลูกเกิดมาในสิ่งแวดล้อมแบบนี้หรอกนะ” คนพูดปรายตามองสังกะสีมุงข้างฝา นั่งคุยกันอยู่กลิ่นน้ำครำยังโชยมาเตะจมูก
“แล้วพ่อมันล่ะ” ชิดชนกกลอกตามองน้องสาวแบบเหนื่อยหน่ายเต็มที
“โอ๊ย ไม่รู้มันเหมือนกันพี่ มันหายไปจากชีวิตฉันตั้งแต่ไอ้อาทิตย์มันยังไม่เกิดด้วยซ้ำ ซวยชะมัดมันหายหัวไปฉันก็ท้องเลย เหมือนฟ้าดินจะเล่นตลกกับฉันพี่ว่าไหม” คนพูดไม่คิดโทษตัวเองเลยแม้แต่น้อย
“คิดดีแล้วเหรอนาด” ชิดชนกมองดูทารกเพศชายในวัยหนึ่งเดือน เงยหน้าขึ้นมองน้องสาวอีกครั้ง ตนเองนั้นแต่งงานมาได้สองปีแล้ว และย้ายไปอยู่กับสามีที่ภาคเหนือ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ยังไม่สามารถมีลูกได้อย่างใจนึก หลังจากได้รับสายจากน้องสาวว่า ต้องการมอบลูกชายที่เพิ่งคลอดให้เป็นลูกบุญธรรม ตนกับสามีรีบขับรถลงมาดูหน้าหลานชายในทันที
“ฉันคิดดีแล้วพี่ ฉันว่าฉันยกมันให้พี่กับพี่เดชเลย” ชมนาดไม่ได้มีท่าที อาลัยอาวรณ์ลูกชายตัวเองแม้แต่น้อย
“ยกให้เลยเหรอ พี่เดชว่าไง” ชิดชนกหันไปถามสามี ที่กำลังนั่งมองหลานชายบนเบาะ สายตาอ่อนโยนหลังได้เห็นเจ้าตัวน้อย หันซ้ายหันขวาตามเสียงของคนพูด
“พี่แล้วแต่นกเลยจ้ะ” สายตาของปองเดชนั้น แสดงความยินดีออกมาอย่างชัดเจน สองสามีภรรยาเห็นพ้องต้องกัน เรื่องที่จะรับหลานชายคนนี้ไปเป็นลูกบุญธรรมของพวกเขา แต่ด้วยชมนาดค่อนข้างมีนิสัยเอาแน่เอานอนไม่ได้ ทั้งคู่จึงอยู่ที่นี่เพื่อดำเนินการเรื่องกฎหมาย ให้เสร็จเรียบร้อยเสียก่อน ถึงสามารถพาหลานชายกลับไปเลี้ยงดูที่บ้านได้
“ไปอยู่กับป้าเขาก็ทำตัวดี ๆ นะเรา” เป็นคำพูดสั้น ๆ ที่คนเป็นแม่พูดกับลูกชายตัวน้อยของตน ก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าห้องไป สองสามีภรรยาหันไปมองสบตากัน แล้วส่ายหน้าเบา ๆ เหมือนหน่ายใจเหลือเกิน
“ไปกันเถอะนก”
“จ้ะพี่เดช”
ปองเดชเดินไปเปิดประตูรถให้ภรรยา ที่กำลังอุ้มหลานชายได้ขึ้นไปนั่ง ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับ แล้วขับออกจากหน้าห้องเช่าในสลัมของน้องเมียไป
“น้องสาวนกนี่ไม่มีความพร้อมที่จะเป็นแม่คนเลยนะ” ปองเดชเอ่ยกับภรรยาเบา ๆ หลังขับรถออกมาได้สักพัก
“นิสัยมันเป็นแบบนี้มานานแล้วพี่เดช ฉันไม่รู้จะไปห้ามอะไรมันได้ โต ๆ กันแล้ว”
“ยังไงก็น่าจะป้องกันบ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ท้องไม่มีพ่อแบบนี้”
“มันก็พลาดกันได้แหละพี่เดช นาดมันบอกว่ามันป้องกันแล้วแต่ก็ยังพลาด”
“ยังไงก็เถอะนะ แต่ว่าลูกทั้งคนยังทิ้งได้ นี่ก็เกินจะเยียวยาแล้วล่ะพี่ว่า”
“ช่างมันเถอะพี่เดช ชีวิตใครชีวิตมัน ฉันเองก็คงไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของนาดมันไม่ได้เหมือนกัน มันเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก ถือว่าเป็นลูกคนสุดท้อง อยากได้อะไรก็ต้องได้ มันได้เรียนจบมอหกขณะที่พี่ ๆ คนอื่นจบแค่ปอหกกัน แต่ดูชีวิตมันสิติดเหล้าติดผู้ชาย” พูดถึงเรื่องในครอบครัวแล้ว ชิดชนกมีสีหน้าไม่สบายใจขึ้นมา คนเป็นสามีเห็นแล้วก็นึกเห็นใจเหมือนกัน พี่น้องคนอื่นก็ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้ว เหลือก็แค่ชมนาดนี่แหละที่ยังติดต่อกันอยู่
“อย่างที่นกพูดแหละชีวิตใครชีวิตมัน ปล่อยไปตามบุญตามกรรมก็แล้วกัน เรามาช่วยกันเลี้ยงเจ้าอาทิตย์นี่ให้โตมาเป็นคนดี เอาให้ดีกว่าแม่มันเลยดีกว่านะ”
“จ้ะพี่เดช”
ปองเดชกับชิดชนกได้เลี้ยงดูเด็กน้อยอาทิตย์เป็นอย่างดี กระทั่งสามปีผ่านไปชิดชนกก็ให้กำเนิดลูกสาวของตัวเอง สร้างความยินดีให้แก่ทั้งคู่เป็นอย่างมาก แต่การดูแลเด็กน้อยสองคน ทำให้ต้องใช้เงินมากขึ้นตามมาด้วย แม้จะชิดชนกจะเคยเกริ่นเรื่องเงินทองกับน้องสาวไปบ้าง แต่คำตอบคือไม่มีเหมือนเดิมทุกครั้ง จนแล้วจนรอดก็ท้อใจที่จะเอ่ยขออีกต่อไป
“โอ๊ยพี่นกจะโทรมาขอเงินฉันทำไมพี่ บอกไปแล้วไงว่าฉันไม่มีให้หรอก ลำพังค่าเช่าห้องค่ากินค่าอยู่ ก็ไม่พอจ่ายอยู่แล้วนี่” ชมนาดโวยวายใส่พี่สาวทันทีที่กดรับสาย เพราะคิดว่ามีแค่เรื่องนี้ที่ทำให้พี่สาวของตนโทรมาหาได้
“ฉันไม่ได้โทรมาขอเงินแกนะยัยนาด ฉันแค่โทรมาบอกว่าวันนี้วันเกิดของอาทิตย์มัน ครบสามขวบพอดี แกมีอะไรจะให้ลูกชายไหม” เสียงของชิดชนกฟังเหมือนคนเอือมระอาน้องสาวเต็มทน
“ไม่มีหรอกพี่นก ไม่ต้องไปจัดวันกงวันเกิดให้มันหรอก เดี๋ยวมันจะติดใจ ปีต่อไปก็คาดหวังอยากได้อีก”
“วันเกิดลูกทั้งทีนะนาดทำไมพูดแบบนี้”
“ก็มันจริงนี่นาดูอย่างพี่กับฉันสิ เคยมีกับเขาหรือไอ้วันเกิดนี่”
“ก็เพราะว่าไม่เคยมีน่ะสิถึงได้อยากจัดให้เด็ก ๆ เขา สองปีแรกพี่ก็จัดไปแล้วด้วย”
“แล้วพี่จะมาถามฉันทำไม แค่นี้นะฉันยุ่ง ติ๊ด !” ชมนาดตัดสายทิ้งอย่างไม่ไยดี
“ทำหน้าแบบนี้อีกแล้วนะนก พี่ว่าเลิกคิดที่จะให้นาดมาสนใจอาทิตย์ได้แล้วล่ะ จำไม่ได้เหรอว่านาดยกอาทิตย์ให้เป็นลูกของเราแล้ว”
“ฉันรู้พี่เดช แต่ฉันสงสารอาทิตย์ วันเกิดทั้งทีก็อยากให้แม่แท้ ๆ ได้พูดได้คุยกับลูกบ้าง หรือไม่ก็ส่งของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้ แต่นี่”
“สงสารทำไมเราเลี้ยงดูอาทิตย์มาอย่างดี ดีเสียอีกลูกสาวของเราจะได้มีพี่ชายคอยดูแล เรานี่แหละคือพ่อแม่ของอาทิตย์ คือคนที่เลี้ยงดูอาทิตย์มาตั้งแต่แบเบาะนะนก”
“เฮ้อ หรือว่าฉันต้องตัดใจ เรื่องที่จะให้นาดมันมาสนใจลูกชายตัวเองแล้วล่ะพี่” ฟังเหตุผลของสามีแล้วชิดชนกรู้สึกลำบากใจขึ้นมา
“ทำใจเถอะนกมาสนใจครอบครัวของเราดีกว่า เรื่องอื่นก็ปล่อยวางมันไปเถอะ คนไม่มีความรับผิดชอบแบบนาด ต่อให้นกโทรไปด่ายังไงก็คงไม่สนใจหรอก” ปองเดชลูบศีรษะภรรยาเบา ๆ ก่อนจะหันไปเล่นกับลูกชาย ที่กำลังนอนมองน้องสาวตัวเองอย่างสงสัย
“น้องสาวของอาทิตย์ไงลูก น้องชื่อปลายฝนนะ เราเป็นพี่ชายแล้วต้องดูแลน้องดี ๆ นะลูก” ปองเดชใช้ฝ่ามือลูบศีรษะลูกชายด้วยความเอ็นดู ซึ่งเจ้าตัวน้อยก็ยิ้มร่าอย่างดีใจ โผเข้าหาอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อในทันที ชิดชนกเห็นแล้วยิ้มบาง ๆ ออกมา คงต้องตัดใจเรื่องน้องสาวอย่างที่สามีของตนพูดจริง ๆ
ผ่านมาครึ่งปีชีวิตของชิดชนกกับสามี ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ทว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่น แตกต่างจากคนเป็นน้องสาวอย่างชมนาด ซึ่งทำพลาดอีกหนด้วยการท้องไม่พ่ออีกครั้งจนได้
“นาดฉันช่วยแกไม่ได้แล้วนะ ฉันเลี้ยงเด็กเล็กกับเด็กอ่อนสองคนก็หนักพอแล้ว แกยังจะเอาลูกในท้องมาให้ฉันอีกเหรอ นี่แกมีสมองคิดบ้างไหม” ชิดชนกเหลืออดกับน้องสาวคนนี้แล้วจริง ๆ คนเดียวยังพอทนนี่สองคนรับไม่ได้จริง ๆ
“พี่นกฉันไม่รู้จะทำยังไง ฉันไม่อยากทำบาป”
“โอ๊ย ไม่รู้โว้ย ตึ๊ด !” การเลี้ยงเด็กสองคนในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด สามีของชิดชนกต้องทำงานหนักขึ้น งานบ้านกับการเลี้ยงลูกจึงตกอยู่ที่ชิดชนกคนเดียว ยิ่งทำให้รู้สึกเครียดกับชีวิตในแต่ละวัน พอถูกรบกวนในเรื่องที่ตนไม่ได้ก่อ จึงได้ระเบิดอารมณ์ใส่น้องสาวไปแบบนั้น