3
ไม่ใช่สเปก ขอผ่าน
จันทร์เจ้านั่งรอให้สว่างที่ป้ายรถเมล์แห่งหนึ่ง ระหว่างรอไม่กล้าโทรไป ขอความช่วยเหลือจากใครเลย เพราะยังไม่รู้ว่านายธนพัตตายจริงหรือเปล่า พอเช้าก็เดินไปซื้อยามาล้างแผลที่ฝ่าเท้า ดีที่เธอเอาผ้ามาพันแผลไว้ เพื่อหยุดเลือดได้ทันเวลา แผลไม่ลึกมากจึงไม่จำเป็นต้องเย็บ จากนั้นก็เดินกะเผลก ๆ ไปหาข้าวเช้ากิน พอท้องอิ่มก็เริ่มตั้งสติได้ มองกระเป๋าใบย่อมที่หิ้วติดมือมา แบบคนไม่รู้จะไปที่ไหนต่อ เงินเก็บอันน้อยนิด ไม่พอที่จะไปมัดจำจ่ายค่าเช่าห้องอยู่เป็นแน่ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เลื่อนดูข้อมูลไปเรื่อย ๆ กระทั่งเจอเข้ากับไลน์ของยิปซี ชั่ววูบหนึ่งน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว เหมือนว่าเธอกำลังแตกสลายกลายเป็นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไป
ซีเรามีเรื่องจะรบกวนหน่อยได้ไหม
นิ้วสั่น ๆ กดส่งข้อความออกไป เธออับจนหนทางแล้วจริง ๆ น้ำตาร่วงเผาะลงมาไม่ขาดสาย ไม่คิดว่าอีกคนจะตอบกลับมาในทันที
มีเรื่องอะไรเหรอจันทร์เจ้า
จันทร์เจ้าไม่รู้จะตอบยังไงได้แต่นั่งร้องไห้อยู่เงียบ ๆ แต่แล้วเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น คนโทรเข้าเป็นยิปซีนั่นเอง กลั้นใจเลื่อนหน้าจอเพื่อนรับสาย
“ซี ฮะ...ฮรึก ฮื้อ ๆ ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ดังขึ้นแทนคำทักทาย เพียงเท่านี้ยิปซีก็รู้แล้วว่า เพื่อนของตนคงเจอเรื่องลำบากเข้าเสียแล้ว
“ไม่ต้องร้องนะจันทร์เจ้าตอนนี้อยู่ไหน เดี๋ยวซีขับรถไปหาเอง” จันทร์เจ้าไม่เคยติดต่อเธอมาก่อน แม้เดือดร้อนแค่ไหนยังไม่คิดโทรหา นี่คงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงกว่าทุกครั้งเป็นแน่
“เอ่อ ตอนนี้อยู่หน้าตลาดสด ตรงที่มีม้านั่งใกล้ศาลพระภูมิน่ะซี”
“ได้ ๆ รอซีแป๊บนึงนะเดี๋ยวรีบไปหา ซีอยู่ไม่ไกลจากที่นั่นหรอกจันทร์เจ้า อย่าเพิ่งไปไหนนะ”
“ได้ ขอบใจนะซี”
ยิปซียังไม่อยากถามรายละเอียดในตอนนี้ รีบสะบัดผ้าห่มลุกขึ้นจากเตียงนอน ล้างหน้าแปรงฟันแบบลวก ๆ แล้วขับรถออกไปรับจันทร์เจ้าที่ตลาดทันที
สภาพของจันทร์เจ้านั้น เรียกได้ว่าเหมือนคนผ่านศึกมาอย่างหนักหน่วง ยิปซีรีบลดกระจกลงตะโกนเรียกเพื่อนให้ขึ้นรถ
“จันทร์เจ้าทางนี้ ๆ”
“ซี ฮื้อ ๆ” แค่เห็นหน้าคนมารับ จันทร์เจ้าก็ร้องไห้ออกมาอีกรอบ ไม่คิดว่าเพื่อนจะมาหาอย่างที่พูดเอาไว้จริง ๆ
“ขึ้นรถเร็วจันทร์เจ้าตรงนี้จอดนานไม่ได้”
“ได้ ๆ ฮะฮรึก ๆ” คนสะอื้นฮัก ๆ ไม่หยุด หิ้วกระเป๋าเดินช้า ๆ ไปเปิดประตูรถ
“เท้าไปโดนอะไรมาจันทร์เจ้าทำไมเดินแบบนั้น”
“เหยียบโดนเศษแก้วน่ะซี”
“แล้วเป็นอะไรมากไหม ต้องไปหาหมอหรือเปล่า”
“ไม่ต้องหรอก เมื่อกี้หายามาล้างแผลแล้ว”
“เอากระเป๋าไว้เบาะหลังก่อนก็ได้ ไม่ต้องหอบบนตักแบบนั้นหรอกจันทร์เจ้า ให้ถึงห้องก่อนค่อยเล่าให้ซีฟังว่าเกิดอะไรขึ้น โชคดีที่คุณโรมเขาไปนอก เลยพาจันทร์เจ้าไปที่ห้องได้ ไม่งั้นก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน” คนพูดตามองรถราบนท้องถนนไปด้วย
จันทร์เจ้าไม่เคยรู้ว่ายิปซีมีรถขับ ยิ่งไม่รู้ว่าการรบกวนเพื่อนในเวลาแบบนี้เป็นเรื่องสมควรทำไหม นั่นเพราะเธอหมดหนทางแล้วจริง ๆ
“ซีขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไร ๆ เอาไว้ถึงห้องก่อนค่อยคุยกัน” คนขับหันมายิ้มให้เล็กน้อย จากนั้นสองสาวก็นั่งเงียบ ๆ ไปจนถึงห้องคอนโดมิเนียมสุดหรูของยิปซี
“เอ่อ ที่นี่เหรอซี” จันทร์เจ้ายังสงสัยในความอลังการของสถานที่ หลังรถแล่นเข้ามาจอดภายในตัวตึก และคนขับได้ดับเครื่องเรียบร้อยแล้ว
“ใช่สิ ที่นี่แหละไปลงรถได้แล้ว”
ด้านนอกว่าหรูหราแล้ว พอเข้ามาในห้องของยิปซียิ่งตระการตาไปกันใหญ่ จันทร์เจ้าเหมือนคนตัวเล็กตัวน้อย มองไปทางไหนก็แปลกที่แปลกทางไปหมด
“นั่งโซฟาก่อนสิจันทร์เจ้า ไปยืนอยู่ตรงนั้นทำไมล่ะ” เจ้าของห้องมองคนที่เอาแต่ยืนตัวลีบอยู่ที่เดิม ไม่เดินตามหลังตัวเองมาที่โซฟารับแขก
“เอ่อ”
“อะไร”
“เท้าเราสกปรกน่ะ เราใส่รองเท้าแตะมาด้วย แล้วยังมีเลือดซึมจากผ้าพันแผลอีก กลัวว่าจะทำพรมสวย ๆ ของซีเลอะ” จันทร์เจ้าไม่กล้าขยับเดินไปใกล้พรมสีขาวฟูปุกปุยตรงหน้า
“เอ่อ งั้นก็ไปอาบน้ำก่อนไหม แล้วค่อยมาทำแผลใหม่ เมื่อกี้คงทำลวก ๆ มาล่ะสิ ซีมีกล่องยากับอุปกรณ์ทำแผลเบื้องต้นอยู่”
“เอ่อ แบบนั้นก็ได้”
“ห้องน้ำอยู่ตรงโน้น เดี๋ยวซีไปหยิบผ้าขนหนูให้นะ จันทร์เจ้ามีเสื้อผ้ามาด้วยใช่ไหม”
“มีมาอยู่”
“โอเค” ยิปซีเดินเข้าไปในห้องนอนของตนเอง ส่วนจันทร์เจ้าก็เดินขอบ ๆ ผนังห้อง เลี่ยงไม่ให้เหยียบโดยพรมไปยังห้องน้ำแขกด้านนอก สักพักหนึ่งเจ้าของห้องก็นำผ้าขนหนูมาให้เธอใช้อาบน้ำ
“สระผมไปเลยก็ได้นะจันทร์เจ้า เดี๋ยวซีรอข้างนอก”
“ขอบใจอีกทีนะซี”
“พอได้แล้วคำนี้ ไปอาบน้ำให้เรียบร้อย ออกมาจะได้คุยกัน ว่ามันเกิดอะไรขึ้นนะ”
“อื้อ”
จันทร์เจ้าใช้เวลาในห้องน้ำไม่นานนัก เพราะเกรงใจว่าเพื่อนจะรอนาน รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาข้างนอก เจอยิปซียืนมองเธอด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ
“นั่งลงสิเดี๋ยวซีเป่าผมให้ เสร็จแล้วค่อยทำแผลกัน”
“เกรงใจน่ะซี เราเป่าผมเองได้”
“มานั่งเถอะจันทร์เจ้า” เจ้าของห้องดึงมือเพื่อนให้มานั่งบนโซฟา จัดการเป่าผมให้จนแห้งดี ลุกไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมา พร้อมกับนั่งลงกับพื้น
“แผลเราทำเองได้ซี ไม่ต้อง ๆ” จันทร์เจ้าเกรงใจเพื่อนเป็นอย่างมาก พยายามจะดึงให้ลุกขึ้นมานั่งบนโซฟาด้วยกัน
“นั่งเฉย ๆ สิจันทร์เจ้า ซีเก่งนะเรื่องทำแผล เพราะแฟนเก่าซีชอบไปต่อยตีกับคนอื่นเป็นประจำ” มือทำแผลไปปากก็เล่าเรื่องราวในอดีตไปด้วย เล่าให้เหมือนเป็นเรื่องตลกทั้งที่ขมขื่นอยู่ไม่น้อย พอเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจ เพราะจันทร์เจ้าเม้มปากเข้าหากันแน่น หยาดน้ำตาร่วงเผาะ ๆ ลงมา
“ร้องไห้ให้พอจันทร์เจ้า ระบายมันออกมาให้หมดอย่าเก็บเอาไว้ ซีพร้อมฟังทุกเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว” ยิปซีทำอย่างที่พูดจริง ๆ นั่งฟังเรื่องราวแสนหดหู่จากจันทร์เจ้าตั้งแต่ต้นจนจบ เสียงถอนหายใจดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า สงสารเพื่อนขึ้นมาจับใจ
“ที่ตัดสินใจออกมานี่ เพราะคิดว่าตัวเองฆ่าคนตาย อย่างนั้นเหรอจันทร์เจ้า” ยิปซีถามเหมือนไม่แน่ใจว่าใช่เหตุผลนี้ไหม
“เราเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนั้นเรากลัวมาก เลยทำตัวไม่ถูกน่ะซี เรียกว่าไม่มีสติเลยล่ะ ไม่รู้ว่าลุงพัตตายหรือแค่สลบไป มีเลือดไหลนองพื้นห้องไปหมดเลย แต่เราโทรแจ้งให้คนเข้าไปดูที่ห้องเช่าแล้วนะก่อนออกมา ไม่ได้คิดปล่อยลุงพัตนอนจมกองเลือดแบบนั้น” คนเล่าออกอาการหวาดผวาอยู่ เพราะยังไม่รู้ความจริงว่านายธนพัตนั้นเป็นหรือตาย
“ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวซีจะลองแง้ม ๆ ถามแม่ให้นะ ตอนนี้จันทร์เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อนนะ คุณโรมแกไปนอกอาทิตย์หนึ่งน่ะ หลังจากนั้นไปแล้วจันทร์เจ้าต้องหาที่อยู่ใหม่นะ คุณโรมแกไม่ชอบให้คนอื่นมายุ่งวุ่นวายกับที่นี่ ขนาดแม่แกยังไม่อนุญาตเลย”
“เราเข้าใจซีไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้นหรอก เดี๋ยวเราคงหาทางออกได้เองแหละ” เธอรู้สึกซึ้งใจในความช่วยเหลือของเพื่อนมากแล้ว ไม่คิดจะอยู่สร้างความลำบากใจให้แน่นอน
“งั้นเดี๋ยวซีมานะ” ยิปซีไม่อยากให้เพื่อนสะเทือนใจมากกว่าไปกว่านี้ เลยเลือกที่จะคุยโทรศัพท์ที่นอกระเบียงห้องแทน ราวอึดใจใหญ่ ๆ จึงเดินกลับเข้ามา
“ว่าไงบ้างซี” จันทร์เจ้าเงยหน้าขึ้นมองคนเป็นเพื่อน แววตาไหวระริกเหมือนคนไม่มั่นคงทางอารมณ์
“ยังไม่ตาย”
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังขึ้น พร้อมกับใบหน้าสวยที่ซบเข้ากับฝ่ามือของตัวเอง แล้วขยี้หน้าแรง ๆ บนฝ่ามือ
“ไม่ต้องเครียดไปนะจันทร์เจ้า แล้วก็อย่าเพิ่งกลับตอนนี้เลย”
“มีอะไรเหรอซี” จันทร์เจ้ารีบเงยหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างไม่เข้าใจ
“เห็นว่าตำรวจมากันเต็มห้องเช่าเลย คงนึกว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้น”
“อ้อ ตอนนั้นเราตกใจมาก เลยบอกไปว่ามีคนตายในห้องน่ะ ก็เลือดนองพื้นแบบนั้น แถมลุงพัตก็ไม่กระดิกตัวด้วย”
“ซะงั้นนะจันทร์เจ้า”
“เอ่อ แล้วแม่ล่ะซีน้าก้อยได้พูดถึงแม่ไหม” คำถามของจันทร์เจ้าทำให้ยิปซีมีสีหน้าอึดอัดใจขึ้นมา เพราะว่าบางเรื่องก็ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาทั้งหมดได้
“คือว่าน้านาดเขาเสียใจมากที่จันทร์เจ้าไปทำร้ายผัวเขาน่ะ” เลยเลือกที่จะเล่าแบบกระชับแทน
“ฮะ อะไรนะ” จันทร์เจ้าถึงกับทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว เอียงหน้ามองยิปซีอีกครั้ง เหมือนไม่แน่ใจในเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่นี้
“ซีถึงบอกว่าอย่าเพิ่งกลับไปตอนนี้ไง”
“นี่แม่ไม่ไม่ได้ห่วงเราเลยใช่ไหมซี แต่ไปห่วงไอ้ผัวบ้ากามนั่นแทนใช่ไหม”
“เห็นแม่ว่าน้านาดเพิ่งสร่างเมา สมองแกอาจยังไม่เข้าที่เข้าทางก็ได้ ตอนนี้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด”
จันทร์เจ้ามองโทรศัพท์มือถือที่ตัวเองปิดเครื่องไว้ ไม่ต้องการรับสายจากใครทั้งนั้น เกรงว่าจะเป็นตำรวจโทรมาตามตัวเธอ
“อย่าเพิ่งโทรไปหาแกเลยจันทร์เจ้า” ยิปซีแนะนำด้วยความหวังดี เพราะเรื่องที่ได้ยินมาเมื่อกี้นั้น มันค่อนข้างอ่อนไหวสำหรับคนเป็นลูก
‘นาดมันรักผัวยิ่งกว่าอะไร มันเอาแต่บอกกับตำรวจว่าจันทร์เจ้าไม่น่าทำแบบนี้เลย ยังไม่ได้ถามลูกสักคำมาพูดเหมือนลูกผิด แย่จริง ๆ’