บริเวณตลาดสดในยามเช้า พลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ต่างก็มาจับจ่ายซื้อของกินและของใช้กันเป็นประจำอย่างเนืองแน่นแบบนี้แทบจะทุกวัน...
มืดเมื่อเลี้ยวรถยนต์เข้ามาเทียบจอดยังบริเวณตลาดสด จึงค่อยๆหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทาง เมื่อเห็นว่าที่เมียของเจ้านาย เตรียมล้วงกระเป๋าสะพาย เพื่อชำระค่าโดยสารประจำทางกับพี่วินมอเตอร์ไซค์เจ้าประจำที่เธอมักใช้บริการอยู่บ่อยๆ...
“เมียนายมาซื้อของในตลาดนี่เอง เป็นแม่บ้านแม่เรือนเสียด้วยแฮะ ถูกใจมืดอีกแล้วอะนาย...” สายตาดำเข้มทอประกายออกมาด้วยความชื่นชม แต่มันก็ทอประกายออกมาได้เพียงเดี๋ยวเดียว เมื่องเสียงดุกร้าวของคนด้านข้างดังขึ้นมาทำลายแสงนั้นเสียก่อน
“ดัดจริตนะสิไม่ว่า...ว่าแต่แล้วแม่คนนั่นมาเป็นเมียข้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันวะไอ้มืด เอ็งนี่มีปากก็ดีแต่พูดส่งเดชไปเรื่อย พูดแบบนี้ข้าเสียหายนะโว้ย เอ็งคิดมาได้ยังไง จะให้ข้ายกย่องแม่นั่นให้เป็นนายหญิงของไร่ราชพยัคฆ์ เหอะ!อย่างดีก็เป็นได้แค่คนงานในไร่นั่นแหละ ข้าไม่มีทางจะยกย่องผู้หญิงแบบนั้นให้ขึ้นมาชูคอเป็นคางคกขึ้นวอร์แน่ๆ เอ็งจงจำใส่กะลาหัวขี้เลื่อยของเอ็งเอาไว้ให้ดีๆ...” แค่ได้ยินลูกน้องยกย่องแม่นั่นให้เป็นเมียเขา โหนกแก้มทั้งสองข้างกลับเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ ดังนั้นคนเริ่มอายจึงต้องหาคำพูดแรงๆขึ้งมาบดบัง ประเดี๋ยวจะโดนไอ้ลูกน้องทรยศมันล้อไปจนตายได้
“แหะๆ คร้าบ ไ****ดคนนี้จะจำใส่สมองเอาไว้อย่างดีเลยละนายจ๋า...แล้วไ****ดจะคอยดู...”
“ทะลึ่งนักนะไอ้นี่...เดี๋ยวเหอะ บาทาข้าจะลอยไปอยู่บนหน้าเอ็งเข้าให้...” เมื่อหันไปมองสายตาของลูกน้องคู่ใจ ก็ยิ่งทำให้คนขี้หงุดหงิด เกิดอาการอยากจะยันมันตกรถสักโครมให้หายหมั่นไส้ขึ้นมาตงิดๆ มีอย่างที่ไหนมายกแม่นั่นให้เป็นเมียของเขาขึ้นมาได้ เขาไม่เอาหรอกแต่ถ้าให้เอาเล่นๆก็ไม่แน่นะ ไม่รู้เนื้อหนังมังสาจะผ่านมือใครต่อใครมากี่คนต่อกี่แล้วก็ไม่รู้ คงจะคาวโลกีย์น่าดู...
“เอ็งรอข้าอยู่ในรถนี่ล่ะ ไม่ต้องตามลงมาหรอก หรือถ้าหิวก็ไปหาซื้ออะไรกินรอได้เลย ถ้าข้าเสร็จธุระเมื่อไหร่จะโทรตามเอ็งอีกที...” น่านพยัคฆ์สั่งลูกน้องคนสนิท ก่อนร่างใหญ่จะเปิดประตูรถออกมายืนด้านนอก บิดเนื้อบิดตัวเพื่อแก้เมื่อยอยู่สักครู่ ชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังเป้าหมายตาไม่กระพริบ
“จ้ะนาย...ไม่ต้องรีบนะ ตามสบายเลย มืดขอนอนพักสายตาสักตื่นก่อนแล้วกัน รู้สึกหนังตามันหนักๆอย่างไงไม่รู้อ่ะนาย...” ตอบรับผู้เป็นนายเสร็จ มืดก็จัดแจงปรับเบาะรถลงเอนร่างลงนอนอย่างหมดสภาพ เนื่องจากต้องขับรถมาเป็นระยะไกล กว่าจะมาถึงกรุงเทพก็เล่นเอามืดแทบสลบหมดแรงไปเหมือนกัน...
ส่วนน่านพยัคฆ์เมื่อก้าวขาขึ้นมาเดินบนฟุตบาทในตลาดสด เขาก็ทำทีเป็นเดินดูของนู้นนี่ไปเรื่อย แต่ปลายหางตาสีสนิมเหล็กกล้า ไม่ได้คลาดเคลื่อนห่างไปจากร่างอรชรแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ...
น่านพยัคฆ์เลือกจะสวมหมวกแก็ปเพื่อใช้ปิดบังอำพรางใบหน้า ประจวบเหมาะกับหนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาหลายวัน จึงทำให้ชายหนุ่มมองดูเผินๆ ไม่ต่างอะไรกับพวกโจรเลยสักนิด แม่ค้าบริเวณแถวนั้นต่างก็จ้องมองเขาด้วยสายตาแปลกพิกล แต่น่านพยัคฆ์ทำทีเป็นไม่สนใจ แกล้งทำเดินดูของไปจนเกือบชิดร่างงาม...
“ขอบใจนะจ๊ะพี่ศร...” เมื่อนิดามาถึงก็รีบชำระค่าโดยสาร วันนี้คงต้องรีบดูของสด เนื่องจากออกจากบ้านมาสายกว่าทุกวัน กลัวของสดจะหมดเสียก่อน และยังมีภารกิจต้องรีบไปทำให้สุดาพรรณต่ออีกด้วย
“น้องนิ... แล้ววันนี้จะให้พี่รอรับกลับไปพร้อมกันเลยไหม เดี๋ยวพี่วิ่งเอาน้ำเต้าหู้ไปให้เจ้าสินมันก่อน จะได้วกกลับมารับตอนขากลับไปพร้อมกันเลย...” ศร มอเตอร์ไซค์รับจ้างเจ้าประจำ ไม่ลืมจะหันมาถามหญิงสาวก่อนจะสตาร์ทติดเครื่อง
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่ศร วันนี้นิมีธุระต้องไปทำต่อให้คุณแพรนะคะ”
“อ้อ...อย่างนั้นหรอกเหรอ งั้นพี่ไปก่อนแล้วกันนะ” ศรโบกมือลา
“ขอบคุณค่ะพี่ศร...” นิดาไม่ลืมยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับกล่าวขอบคุณ
ทุกการกระทำของนิดาตกอยู่ในสายตาของตัวร้ายแทบทุกอย่าง ในใจก็เอาแต่ฮึมๆ คอยแต่จะหมั่นไส้ไปเสียทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่ยามที่หญิงสาวส่งยิ้มให้มอเตอร์ไซค์รับจ้าง เขาก็แทบอยากจะเข้าไปกระชากร่างอรชรนั้นมากกกอดเสียให้หายหมั่นไส้เพื่อเป็นการทำโทษ...
************************