พลอยระวีขมวดคิ้วสงสัยทันที เพราะท่านวิมลพูดราวกับว่าจะทำให้เรื่องนี้เป็นการขัดแข้งขัดขากันระหว่างพรรคคู่แข่ง
“แล้วตอนนี้ทางพรรคสังกัดนักการเมืองท่านนั้นมีความเห็นยังไงบ้างคะ”
หนึ่งในนักข่าวถามขึ้น เป็นคำถามเดียวกับที่พลอยระวีเองก็อยากรู้เช่นกัน
“เราได้พูดคุยกันบ้างแล้วครับ ไม่ต้องห่วง ยังไงตำรวจต้องค้นหาความจริง และไม่มีทางปกปิดข้อเท็จจริงไม่ให้สังคมทราบแน่นอนครับ” ท่านวิมลพยายามอธิบายต่อไป
“ถ้ายื้อให้นานไปอีก นักการเมืองท่านนั้นยังจะมีสิทธิ์หาเสียงเลือกตั้งอยู่ไหมคะ” พลอยระวียิงคำถามต่อไป และแอบเห็นท่านวิมลลอบถอนหายใจกับคำถามของเธออีกครั้ง
“อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าเรากำลังหาทางออกหลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพนี้ออกไป อาจจะจากผู้ประสงค์ดีหรือร้าย อันนี้ต้องสืบกันต่อ”
ยิ่งท่านวิมลพูดเท่าไหร่ พลอยระวีก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล อะไรมันดูแปลกไปหมด เธอมั่นใจว่าท่าน ผบ.ตร.ต้องกำลังเกรงกลัวอำนาจอะไรบางอย่างอยู่แน่ๆ
“ยังไง วันนี้พอเท่านี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะแถลงข่าวอีกทีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ท่านวิมลทำท่าจะขอจบบทสัมภาษณ์เท่านี้ แต่พลอยระวีไม่ยอม เพราะยังไม่ได้คำตอบในสิ่งที่เธออยากรู้
“ใครคะท่าน ใครเป็นเจ้าของกาสิโนนี้”
หญิงสาวเอ่ยถามเสียงดัง จนนักข่าวคนอื่นๆ เงียบไปตามกัน ท่านวิมลเองก็มีชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมามองหน้าพลอยระวีตรงๆ อีกครั้ง เธอกับท่าน ผบ.ตร.ค่อนข้างคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีจากการลงพื้นที่ทำข่าวอาชญากรรมที่ผ่านมา และท่านวิมลเองก็รู้ดีว่าเวลาที่พลอยระวีอยากรู้อะไรก็กัดไม่ปล่อยเช่นกัน
“คนที่พวกคุณไม่ควรเข้าไปยุ่ง”
สิ้นคำตอบ ท่านวิมลก็เดินเลี่ยงฝูงนักข่าวออกไปทันทีโดยมีเหล่าตำรวจชั้นผู้น้อยคอยกันนักข่าวให้
พลอยระวีไม่ได้วิ่งตามท่าน ผบ.ตร.ไปแต่อย่างใด แม้จะไม่ได้คำตอบในสิ่งที่อยากรู้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้มั่นใจก็คือ เธอไม่เชื่อคำสัมภาษณ์ที่ท่านวิมลพูดในคราแรกแน่นอน! เพราะสีหน้าและแววตารวมถึงการกระทำที่เดินเลี่ยงนักข่าวไปแบบนั้นไม่ใช่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มือใส ใจซื่อ บริสุทธิ์และยุติธรรมอย่างที่เคยรู้จัก เรื่องนี้ต้องมีนอกมีในและเธอจะต้องหาความจริงให้ได้!
“พลอยใกล้เข้าข่าวแล้ว จะรายงานสดจริงๆ หรือจะสดหลอก”
นวกรเอ่ยถามขึ้น ‘สดหลอก’ ก็คือการที่นักข่าวยืนรายงานสถานการณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรูปแบบการอัดเทปและส่งให้ฝ่ายตัดต่อนำไปตัดออกอากาศอีกที ซึ่งวิธีนี้จะลดความผิดพลาดของเนื้อหาข่าวเพราะหากรายงานผิดก็สามารถแก้ไขก่อนนำออกอากาศได้ แต่หากรายงานสด ถ้านักข่าวไม่มีความพร้อมจริงๆ แล้วรายงานผิดออกไป บางข่าวอาจส่งผลกระทบต่อสถานีโทรทัศน์ขั้นร้ายแรง บางรายเคยถึงขั้นโดนไล่ออกเพราะอ่านชื่อบุคคลสำคัญผิดก็มี แต่ไม่ใช่กับพลอยระวี! ซึ่งคร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชนมาระยะหนึ่ง และรายงานข่าวมาเป็นร้อยข่าว ฉะนั้นเรื่องรายงานสดถือเป็นเรื่องง่ายสำหรับเธอไปแล้ว
“รายงานสดเลยค่ะพี่กร”
พลอยระวีตอบออกไป ไม่ใช่มั่นใจว่าตัวเองจะไม่พลาด เธอเองก็เคยพลาดเหมือนกัน แต่ไม่อยากให้ฝ่ายตัดต่อต้องมานั่งตัดข่าวหลายขั้นหลายตอน ให้ทางสถานียิงสัญญาณสดใส่เธอแล้วก็ยืนพูดไป 3 นาทียาวๆ น่าจะเป็นการแบ่งเบางานให้กับฝ่ายอื่นๆ ได้มากกว่า
“โอเค งั้นยืนนิ่งๆ นะเดี๋ยวอีกประมาณ 15 นาที ข่าวเข้า พี่ขอวัดแสงก่อน” นวกรเป็นช่างภาพมืออาชีพ เขารู้ดีว่าต้องทำอะไร
ขณะที่พลอยระวีก็ถือไมค์ยืนหน้ากล้องด้วยความมั่นอกมั่นใจ โดยแทบไม่มีสคริปต์ในมือ เพราะเธอตั้งใจจะรายงานสถานการณ์ล่าสุดจากความเข้าใจของตนเอง
“ลองเทสต์เสียงหน่อยพลอย” นวกรเอ่ยขึ้นพร้อมกับโทร.ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ออกอากาศที่อยู่ภายในสถานี
“ฮัลโหล เทสต์ค่ะ”
เมื่อพลอยระวีพูด นวกรก็ส่งสัญญาณโอเคเพื่อบอกว่าเสียงของเธอใช้ได้
“อีก 5 นาที ข่าวเข้า พลอยยืนนิ่งๆ เลย”
นวกรให้สัญญาณอีกครั้งในขณะที่พลอยระวีก็ยืนนิ่งๆ หน้ากล้องเพื่อทำสมาธิทบทวนบทข่าวที่จะรายงานให้ประชาชนรับรู้
ระหว่างที่กำลังเตรียมความพร้อมอยู่นั้น พลอยระวีไม่ทันสังเกตเห็นว่าลิฟต์ตัวหนึ่งได้เปิดออก ผู้ที่เดินออกมาส่งสายตามองไปยังเธอพร้อมกับขมวดคิ้วทันที
“นักข่าวยังไม่กลับไปอีกเหรอนี่” ชายใส่สูทสีดำ สวมแว่นกันแดดค่อยเดินมุ่งตรงไปยังล็อบบี้ในขณะที่สายตายังคงจับจ้องที่นักข่าวสาวไม่วางตา
‘เฮฟเว่น คอสเชีย’ หนุ่มลูกครึ่ง อเมริกัน-อิตาลี วัย 37 ปี ยืนมองพลอยระวีที่กำลังเตรียมจะรายงานข่าวอยู่ห่างๆ ตั้งแต่หัวจะจรดเท้าราวกับพิจารณาสิ่งของ
หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ตัวบอบบาง ผมยาวดำถึงกลางหลังถูกมัดขึ้นเป็นหางม้าเผยให้เห็นใบหน้าหวานและดวงตาคมที่อยู่ภายใต้แว่นสายตา เธอสวมเสื้อยืดสีขาว-กางเกงยีนส์ มีเสื้อคลุมยีนส์ทับอีกตัว ทำให้ภาพลักษณ์ที่ดูเหมือนสาวหวานกลายเป็นสาวมั่นทันที เห็นอย่างนั้น หนุ่มลูกครึ่งก็มุมปากเบาๆ
‘หน้าหวานขนาดนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากล้ามาทำข่าวอันตรายแบบนี้ได้’
เฮฟเว่นคิดในใจจากที่ตอนแรกเขากำลังรีบจะไปพบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อคุย ‘ความลับ’ เพียงลำพัง กลายเป็นอยากหยุดฟังนักข่าวสาวคนนี้รายงานข่าวจนจบเสียก่อน
“พร้อมนะพลอย ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง คิว!”
นวกรให้สัญญาณกับพลอยระวี และคำว่า ‘คิว’ ก็เป็นสัญญาณบอกให้นักข่าวรู้ว่า ตอนนี้ ใบหน้าของเธอกำลังปรากฏบนหน้าจอทีวีให้คนทั้งประเทศเห็น และคนทั้งประเทศกำลังรอฟังรายงานข่าวอยู่
“ขณะนี้นะคะ ดิฉันก็อยู่ที่โรงแรมเดอะไนน์ จากกรณีที่เมื่อคืนมีมือดีปล่อยภาพนักการเมืองคนดังที่กำลังเป็นผู้ลงสนามแข่งเลือกตั้ง สส. อยู่ที่กาสิโนหรู ในภาพลักษณะคล้ายกำลังโอบกอดหญิงสาว ผ่านเฟซบุ๊กพร้อมแคปชั่นระบุว่า กาสิโนดังกล่าวอยู่บนชั้น 30 ของโรงแรมเดอะไนน์ โรงแรมชื่อดังใจกลางเมือง มีนักการเมืองและคนมีสีหลายรายเข้าใช้บริการ คำถามคือ...ที่นี่เปิดให้มีการซื้อขายบริการทางเพศหรือไม่ แล้วนักการเมืองที่เห็นในภาพได้ซื้อขายหญิงสาวซึ่งขัดต่อนโยบายหาเสียงที่รณรงค์ให้ผู้หญิงเลิกขายบริการทางเพศหรือไม่…
“จากที่ดิฉันลงพื้นที่วันนี้พร้อมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เบื้องต้น ท่านได้ขึ้นไปตรวจสอบชั้น 30 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวและช่างภาพขึ้นไป เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี แต่จากการสัมภาษณ์ พล.ต.อ.วิมล เหล่าอารย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า กาสิโนที่เห็นมีอยู่จริง และมีนักการเมือง คนมีสี เข้าใช้บริการจนมีภาพหลุดออกมาจริง แต่ยังไม่สามารถให้ข้อมูลอย่างละเอียดได้ เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อน โดยท่านยังกล่าวอีกว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างละเอียดอีกครั้ง...
“ทั้งนี้ ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นคือใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและใครเป็นเจ้าของกาสิโนนี้กันแน่ มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมืองรายนั้นหรือไม่ หรือทางการกำลังปิดบังอะไรอยู่เพื่อปกป้องคนคนนั้นอยู่กันแน่? และนี่คือสถานการณ์ล่าสุดที่โรงแรมเดอะไนน์ หากมีอะไรคืบหน้า ดิฉันจะรายงานให้ทราบในช่วงข่าวถัดไป พลอยระวี รัตนแสง ทีมข่าวเดอะนิวส์ รายงาน”
“หึ”
สิ้นเสียงรายงานของนักข่าวสาว เฮฟเว่นถึงกับแค่นเสียงหัวเราะออกมาพลางคิดในใจว่า ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ยืนฟังรายงานข่าว นักข่าวคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ไม่เพียงแต่กล้าที่จะสงสัย แต่เธอกล้าที่จะประกาศสิ่งที่ตนเองสงสัยออกไปให้คนทั้งประเทศรับรู้ ไม่รู้ว่าฉลาดหรือโง่กันแน่ แต่จะโทษเธอก็คงไม่ได้ เพราะเจ้าหล่อนไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเล่นอยู่กับใคร!
เฮฟเว่นยังคงยืนมองจับจ้องไปที่นักข่าวสาวที่ตอนนี้เตรียมเก็บข้าวของจะออกจากโรงแรม ทุกการกระทำอยู่ในสายตาทั้งหมด เขาสนใจพลอยระวีตั้งแต่เห็นที่ผับ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นนักข่าว และไม่ใช่แบบที่ตัวเขาเคยคิดไว้
เจ้าหล่อนดูเป็นนักข่าวที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ และคงไม่ปล่อยข่าวนี้ไปง่ายๆ แน่ ส่วนเขาเองก็ไม่มีทางปล่อยให้เธอมาทำให้แผนธุรกิจที่วางไว้พังเช่นกัน!
‘แล้วเจอกันพลอยระวี’ เขาแอบคาดโทษเธอเอาไว้ในใจ
‘เราต้องได้เจอกันอีกแน่ๆ’