ข้ายั่วยวนให้สามีคลั่งราคะ

ข้ายั่วยวนให้สามีคลั่งราคะ

book_age18+
1.1K
ติดตาม
4.9K
อ่าน
จบสุข
คลุมถุงชน
คนใช้แรงงาน
หวาน
ความลับ
like
intro-logo
คำนิยม

หน้าที่ของข้าคือตั้งครรภ์ทายาทสกุลโจว ทว่าสามีรูปงามกลับพิการมิหนำซ้ำยังเป็นใบ้ ข้าจึงต้องยั่วยวนขึ้นคร่อมสามีอย่างด้อยประสบการณ์ หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้ว...สามีคือเสือร้ายเจ้าเล่ห์ที่แสร้งเป็นชายพิการ!

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
บทนำ เลือกแม่พันธุ์
บทนำ เลือกแม่พันธุ์ ชีวิตที่ไร้ทางเลือก ชีวิตที่ไร้หลักพักพิงดั่งเรือที่ลอยคว้างท่ามกลางมหาสมุทรกว้างใหญ่โดยไม่อาจมองเห็นฝั่ง คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล มีแต่ความอ้างว้างและโดดเดี่ยว เฉกเช่นเดียวกับชีวิตของทายาทตระกูลหวาง สี่พี่น้องสูญเสียบิดามารดาไปกว่าเจ็ดปีแล้ว บิดาถูกโจรป่าปล้นชิงทรัพย์ระหว่างเดินทางยังต่างแคว้น เมื่อมารดาทราบข่าวก็ล้มเจ็บจนทำให้คลอดบุตรชายคนเล็กก่อนกำหนด ตกเลือดหลังคลอดจนเสียชีวิต ราวกับผืนฟ้าถล่มลงมา... ครอบครัวที่เคยอบอุ่นหายวับไปกับตา เวลานั้นคุณหนูหวางเชียงอิงในวัยสิบเอ็ดปีกลายเป็นเสาหลักของครอบครัวโดยไม่ทันตั้งตัว นางต้องดูแลน้องรอง ‘หวางซีอิ๋ง’ อายุเก้าปี น้องสาม ‘หวางซูลี่’ อายุห้าปี และน้องสี่ ‘หวางต้าเจิง’ ยังเป็นทารกชายแรกคลอดที่ยังไม่ลืมตา อีกทั้งยังมีร่างกายอ่อนแอเพราะคลอดก่อนกำหนด ยังไม่ทันครบร้อยวันหลังพิธีศพของบิดามารดา ท่านลุงท่านป้าก็ยักยอกเงินทองไปจนหมด โดยอ้างเอกสารกู้ยืมเงินที่มีตราประทับของบิดา คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหวางยังเด็กนัก ไม่เข้าใจเล่ห์กลผู้ใหญ่อีกทั้งยังไว้ใจญาติพี่น้องท้ายที่สุดทุกอย่างจึงอันตรธานหายไปหมดสิ้น สาวใช้บ่าวไพร่ที่เคยมีเต็มจวนก็ค่อยๆ ทยอยจากไป เหลือเพียงสี่พี่น้องสกุลหวาง และเรือนหลังใหญ่ที่เงียบเหงาราวกับเรือนร้างจนน่าใจหาย แม้หยาดน้ำตาแห่งความสูญเสียยังไม่ทันแห้งเหือดไปจากใบหน้า หวางเชียงอิงจำต้องลุกขึ้นหยัดยืนและเป็นเสาหลักให้กับน้องๆ นางนำข้าวของตกแต่งภายในจวนไปขาย ไม่ว่าจะเป็นแจกัน รูปปั้น รูปวาด ผ้าไหม แล้วนำเงินมาใช้จ่ายดูแลน้องๆ โชคดีที่น้องสองอายุไล่เลี่ยกับนางจึงช่วยเลี้ยงน้องชายคนเล็กซึ่งเป็นทารกในขณะที่นางช่วยหุงหาอาหาร เด็กหญิงทั้งสามคนขยันขันแข็งหนักเอาเบาสู้ พวกนางเปลี่ยนสวนสวยกลางจวนให้กลายเป็น ‘แปลงผัก’ เมื่อได้เงินจากการนำของไปขายก็จะซื้อเมล็ดผักต่างๆ กลับมาปลูกด้วยทุกครั้ง จากนั้นจึงซื้อไก่ไข่มาอีกสิบตัว เพื่อที่จะได้เก็บไข่กินเป็นอาหารได้ในทุกๆ วัน แม้จะช่วยกันประหยัดทุกทาง ทว่าค่าหมอค่ายาในการรักษาน้องชายคนเล็กนั้นหนักเกินกว่าบ่าเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยในวัย สิบเอ็ดปี เก้าปี และห้าปีจะรับไหว ทรัพย์สินที่เหลืออยู่มีมูลค่าไม่มากนัก ทยอยขายเพื่อนำเงินมารักษาน้องชายคนเล็กจนหมดสิ้น ท้ายที่สุดหวางเชียงอิงจึงต้องออกไปรับจ้างเป็นเสี่ยวเอ้อร์ที่โรงน้ำชาเพื่อหาเงินมาเป็นค่ายา วันเวลาล่วงเลยกว่าห้าปีเด็กๆ ในจวนสกุลหวางเริ่มเติบโตขึ้นอย่างทระนง ดั่งดอกหญ้าที่ผุดขึ้นกลางผืนดินแตกระแหงไม่หวาดหวั่นแม้แสงแดดจะแผดเผา ไม่ย่อท้อแม้หยาดฝนจะซัดกระหน่ำ ไม่ถอดใจแม้ลมพายุจะพัดลู่จนล้มคว่ำไปสักกี่ครั้ง แต่ถึงกระนั้นราวกับสวรรค์กลั่นแกล้งเมื่อจู่ๆ หวางต้าเจิงอาการทรุดหนัก ตัวยาสำหรับการรักษามีมูลค่าถึงสองตำลึงทอง ทว่างานใช้แรงงานที่โรงน้ำชากลับได้เงินรายวันเพียงไม่กี่อีแปะ หวางเชียงอิงก้มหน้าล้างจานในขณะที่หยาดน้ำใสจากดวงตาไหลรินเป็นสาย สะอึกสะอื้นจนตัวโยนด้วยจนปัญญาที่จะหาเงินมารักษาน้องชายตัวน้อย เมื่ออับจนหนทางนางก็คิดที่จะก้าวเข้าไปใน ‘หอโคมแดง’ หวังขายพรหมจรรย์ ขายเรือนร่าง แลกเงินมารักษาน้องชาย วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่นางจะทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในโรงน้ำชา เพราะพรุ่งนี้นางได้ตัดสินใจว่าจะไปทำงานในหอโคมแดงโดยมี ‘นายหน้า’ คอยให้ความช่วยเหลือพานางไปสมัครงาน อีกทั้งนายหน้ายังบอกว่าจะสามารถต่อรองเบิกเงินกับแม่เล้าในหอให้นางเป็นเงินสองตำลึงทองเพื่อมาเป็นค่ารักษาน้องชายอีกด้วย ข้อเสนอดีถึงเพียงนี้ ต่อให้ต้องเจ็บปวดและฝืนใจสักเพียงใดหวางเชียงอิงก็พร้อมจะกระโจนลงไป ขอเพียงนางสามารถดูแลน้องๆ ให้เติบโตได้อย่างแข็งแรงก็เพียงพอแล้ว “อาเชียงอิง!” เสียงเถ้าแก่โรงน้ำชาตะโกนดังมาจากทางหน้าร้าน “เจ้าค่ะเถ้าแก่” “มีคนมาขอพบเจ้า” “เจ้าค่ะ ข้าจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้” หวางเชียงอิงรีบรามือจากถ้วยชามกองโตหลังร้าน ก่อนจะรีบก้าวกึ่งวิ่งไปยังหน้าร้านด้วยความแปลกใจ ก่อนนี้ใครล้วนก็เรียกนางว่า ‘คุณหนูใหญ่’ แต่พอสิ้นบิดามารดา สิ้นเงินทอง สิ้นอำนาจวาสนา นางก็เพียง ‘เชียงอิง’ อีกทั้งญาติที่เคยไปมาหาสู่ก็พากันเมินหน้าหนี ด้วยกลัวว่าสี่พี่น้องจะไปขออยู่อาศัยทำตัวเป็นภาระให้ต้องเลี้ยงดู และกลัวว่าพวกนางจะมาขอหยิบยืมเงินทอง ยิ่งเติบโตเชียงอิงก็ได้รู้ซึ้งถึงสัจธรรมของชีวิต ได้เห็นถึงความหน้าซื่อใจคดของมนุษย์ ว่าเวลาที่นางมีเงินกับไม่มีเงินนั้นได้รับการปฏิบัติแตกต่างกันเช่นไร “นายท่านต้องการพบข้าหรือเจ้าคะ” หวางเชียงอิงเอ่ยถามหญิงวัยกลางคนที่ยืนกอดอกเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ แล้วปรายตามองมายังนางตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าอย่างประเมิน ‘หน้าตาสะสวยใช้ได้ รูปร่างดี ดูแข็งแรง เหมาะแก่การเป็นแม่พันธุ์ตั้งครรภ์ทายาทสกุลโจว’ “ไม่ต้องเรียกข้าว่า ‘นายท่านหรอก’ เรียกข้าว่า ‘หัวหน้าสาวใช้’ ก็พอแล้ว วันนี้ที่ข้ามาหาเจ้าถึงที่นี่ก็เพราะว่าเจ้านายของข้าต้องการพบเจ้า ตามมาสิ...” เชียงอิงถึงกับงุนงงไม่น้อย ก่อนจะหันไปมองเถ้าแก่ที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเถ้าแก่พยักหน้าอย่างอนุญาตนางจึงเดินตามหญิงผู้นั้นไป โรงน้ำชาที่หญิงสาวทำงานอยู่นั้น เป็นโรงน้ำชาขนาดเล็ก มีโต๊ะสำหรับลูกค้าเพียงแค่สิบโต๊ะ ทว่าภัตตาคารที่นางเดินตามหญิงผู้นี้เข้าไปนั้นหรูหรา เป็นตึกสูงกว่าสี่ชั้น อีกทั้งยังตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามเพื่อรองรับลูกค้ากระเป๋าหนัก แม้ทั้งสองแห่งจะตั้งอยู่ข้างกันแต่ก็แตกต่างกันราวผืนฟ้ากับก้นเหวลึกเลยทีเดียว นางจำได้ว่าเมื่อครั้งยังเล็กบิดามารดาเคยพานางมารับประทานอาหารเลิศรสที่นี่ แต่มันก็เป็นเพียงอดีตไปเสียแล้ว เวลานี้แม้แต่จะเหยียบตีนบันไดสถานที่แห่งนี้นางยังรู้สึกว่าตนเองสกปรกและไม่คู่ควรเอาเสียเลย “เข้าไปสิ ฮูหยินโจวกำลังรอเจ้าอยู่” “ฮะ...ฮูหยินโจวหรือเจ้าคะ” หวางเชียงอิงทวนถามอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ใครบ้างไม่รู้จักฮูหยินโจวเล่า เพราะที่ดินแสนแพงใจกลางย่านการค้าแห่งนี้ล้วนเป็นของ ‘สกุลโจว’ ทั้งสิ้น สกุลโจวเป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเทียนไท่ ต้นตระกูลทำการค้าขายจนร่ำรวย ลูกหลานทายาทก็ล้วนหลักแหลมบริหารเงินทองจนเพิ่มพูน อีกทั้งยังตบเท้าเข้ารับราชการเป็นขุนนางระดับสูง ช่วยให้ตระกูลมั่งคั่งยิ่งๆ ขึ้นไป ทว่า... เรื่องน่าเศร้าของสกุลโจวเมื่อสี่เดือนก่อนยังคงกระจ่างชัดในความทรงจำ ด้วยหญิงสาวทำงานเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในโรงน้ำชา ข่าวลือข่าวโคมลอยข่าวซุบซิบใดๆ ล้วนเข้าหู ประมุขโจวและคุณชายโจวได้ประสบอุบัติเหตุ รถม้าพลิกตกจากขอบหน้าผา ประมุขโจวนั้นเคราะห์ร้ายเสียชีวิตคาที่ ส่วนคุณชายโจวอาการสาหัสนอนรักษาตัวอยู่เกือบสองเดือนจึงฟื้นคืนสติ ทว่ากลับกลายเป็นชายพิการไม่อาจเดินเหินได้อีกต่อไป อีกทั้งยังเป็นใบ้พูดไม่ได้เพราะได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างแสนสาหัส เวลานี้อำนาจทุกอย่างในตระกูลจึงตกอยู่ที่ ‘ฮูหยินโจวเล่อเสีย’ ผู้เป็นมารดาเลี้ยงของ ‘คุณชายโจวเหวินหลง’ แต่เพียงผู้เดียว “แม่นางหวางเชียงอิงมาแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน” “เข้ามาสิ” น้ำเสียงเย็นใสกังวานทำให้สตรีตัวเล็กถึงกับห่อไหล่ลงด้วยความยำเกรง “ข้าน้อยหวางเชียงอิงขอคารวะฮูหยินโจวเจ้าค่ะ” เชียงอิงเดินเข้าไปในห้องรับประทานอาหารส่วนตัวซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของภัตตาคาร ก่อนจะยอบกายทำความเคารพอย่างอ่อนย้อม เมื่ออีกฝ่ายผายมือให้นั่ง นางจึงยอบกายขอบคุณอีกครา ก่อนจะค่อยๆ ทรุดกายลงนั่งตรงข้ามฮูหยินโจวเล่อเสียที่กำลังมองนางอย่างสำรวจตรวจตรา “มารยาทใช้ได้ สมแล้วที่เติบโตมาในตระกูลของขุนนาง ประมุขและฮูหยินหวางคงดูแลสั่งสอนเจ้ามาอย่างดีสินะ” “ฮูหยินยกยอเกินไปแล้วเจ้าค่ะ” เชียงอิงก้มหน้านิ่ง สายตามองต่ำอย่างรักษามารยาท ทว่าในสมองกลับยังงุนงงครุ่นคิด ด้วยไม่เข้าใจว่าสตรีสูงศักดิ์ผู้นี้ต้องการอะไรจากตนกันแน่ ฮูหยินเล่อเสียหันไปพยักหน้าช้าๆ ให้กับพ่อบ้านสูงวัยที่ยืนอยู่ด้านหลัง พ่อบ้านจึงได้นำตำลึงทองมาวางไว้บนโต๊ะ “ทั้งหมดห้าสิบตำลึงทอง มันจะเป็นของเจ้าทันทีหากเจ้าตกลงรับข้อเสนอของข้า” ฮูหยินโจวไม่อารัมภบทให้มากความ จึงตรงเข้าประเด็นสำคัญทันที ด้วยสืบพื้นเพกำพืดของอีกฝ่ายมาจนหมดแล้ว ในบรรดาหญิงสาวทั้งหมดที่นางหมายตา หวางเชียงอิงมีคุณสมบัติเหมาะสมมากที่สุด นั่นเพราะเด็กสาวกำลังจนตรอกเพราะน้องชายป่วยหนัก เติบโตมาในตระกูลที่สิ้นไร้อำนาจวาสนาจึงมีความเจียมตัวเจียมตน ไร้ตระกูลใดๆ หนุนหลังดั่งไร้ญาติขาดมิตร อีกทั้งเมื่อสืบดูจึงพบว่ากรรมพันธุ์ฝ่ายมารดาของหญิงผู้นี้นั้นมีบุตรง่าย จะเห็นว่านางมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน หากฮูหยินหวางไม่สิ้นไปเสียก่อนคงจะตั้งท้องบุตรอีกหลายคนเลยทีเดียว อีกทั้งเมื่อสืบไปถึงผู้เป็นยายก็มีบุตรถึงสิบสองคน เช่นนี้แล้วหวางเชียงอิงจึงยิ่งเหมาะสมกับการทำหน้าที่ ‘แม่พันธุ์’ ตามที่นางต้องการ

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

ไฟรักซาตาน

read
53.3K
bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
11.9K
bc

ซาตานร้ายเดิมพันรัก

read
10.8K
bc

สอนรัก ลูกสาวท่านประธาน

read
1.0K
bc

อ้อนรักพ่อผัว

read
1K
bc

ปราบพยศรักยัยรุ่นพี่

read
1.0K
bc

วิวาห์(ไม่)ไร้รัก

read
9.3K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook