แพรวาจำใจต้องขึ้นมานอนบนเตียงข้างกายธีร์ทัพ คนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวแถมยังนอนหลับต่อหน้าเธอได้หน้าตาเฉย
ผิดถนัดกับหญิงสาวที่นอนหงาย มือประสานไว้บนหน้าท้อง นอนมองเพดานอยู่นานหลายวินาที
ไม่รู้ว่าเธอไม่เชื่อใจเขา หรือไม่ไว้ใจตัวเองกันแน่
เนิ่นนานหลายนาทีที่แพรวาพยายามข่มตานอนให้หลับ เธอขยับตัวยุกยิกใต้ผ้าห่มที่คลุมตัวถึงหน้าอก ส่วนธีร์ทัพนอนหลับสบายใจเฉิบ ราวกับห้องนี้เป็นห้องของตัวเอง
“นอนไม่หลับหรือไง ไม่ชินเหรอที่ฉันนอนด้วย” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ เขาลืมตาแล้วหันมองใบหน้าสวยผ่านความมืดสลัว
“มันแปลกที่มีคุณนอนด้วยค่ะ” แพรวาตอบกลับ แม้จะรู้ว่าเรือนร่างนี้เคยเปลือยเปล่าต่อหน้าเขามาก่อนก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าเธอจะไม่เคอะเขินหรือรู้สึกอะไรเลย
“ถ้าเราเป็นคู่นอนชั่วคราวให้กันได้ แค่นอนด้วยกันก็ไม่เห็นแปลกอะไรเลยนี่”
“แค่นอนนั่นแหละค่ะที่ผิดปกติ”
“ก็อย่าคิดว่ามันผิดปกติสิ ทำให้ชินเดี๋ยวก็ปกติเอง”
แพรวาหลับตาลงปรับอารมณ์ครู่หนึ่ง ถึงจะนอนด้วยกันก็จริง แต่ก็อย่างที่บอกว่าหลังเสร็จกิจต่างคนต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
ไม่ใช่ทำตัวเป็นคู่รักนอนด้วยกันแบบนี้..
“อ่า ใกล้กันก็มีแต่เรื่องให้ทะเลาะจริงด้วยสินะ” ธีร์ทัพพูดแกมหัวเราะเบา ๆ
ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เมื่อไหร่ก็ตามที่ทั้งคู่ใกล้กันก็มีแต่เรื่องจะให้ทะเลาะเสียเปล่า ๆ
ตอนแรกธีร์ทัพก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทะเลาะกันทุกที จนกระทั่งตกตะกอนความคิดได้ว่า แพรวามักวิ่งหนีความรู้สึกของตัวเอง ส่วนเขาก็เอาแต่เรียกร้องขอความรักจากเธอ
เพราะงั้นหนทางแก้คือปล่อยให้ทุกอย่างไปตามอารมณ์ อย่าเร่งรัดหรือรบเร้าให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ต้องค่อย ๆ เข้าหาหวังให้เธอเปิดใจเอง
“งั้นเราเลิกหาเรื่องชวนทะเลาะกันดีมั้ย”
“คะ”
“ไม่ทะเลาะกันอีกได้มั้ยครับ”
แพรวาเหลือบหางตามองเขาที่นอนตะแคงข้างหันมองเธอ ก่อนเธอจะพลิกตัวหันจ้องมองเขากลับอย่างไม่ยอมลดละเช่นกัน
“จะทำได้เหรอคะ เลิกหาเรื่องทะเลาะกันน่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ทำได้สิ” ธีร์ทัพยิ้มรับคำ “ถ้าเธอน่ารักเหมือนตอนเมาเราก็จะไม่ทะเลาะกันเลย”
“นี่แหนะ”
“โอ้ย ฉันเจ็บนะแพรวา”
ไม่ทันจะได้ปรับความเข้าใจอะไร ฝ่ามืออรหันต์ก็ตีเข้าไปที่ต้นแขนเขาทีนึง เล่นเอาเจ้าตัวร้องโอดโอยเกินจริงยกใหญ่
“บอกแล้วไงคะว่าเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก” แพรวากล่าวเสียงดุ แต่ในใจกลับสั่นไหวเสียเอง
ไม่ใช่ว่าเธอไม่คุ้นชินกับร่างกายของธีร์ทัพ เพียงแค่ตอนนี้ผู้เป็นสามีความจำเสื่อม เธอก็เลยวางตัวไม่ถูกว่าควรทำตัวยังไงเวลาอยู่ต่อหน้าเขา
“ให้ตายฉันก็ลืมคืนนั้นไม่ลง..” ธีร์ทัพยืนกรานเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับทำให้ใจอีกคนเต้นแรง
“นี่คุณจะยั่วโมโหกันให้ได้เลยใช่มั้ย”
“ฉันแค่พูดไปตามความจริง เธอในโหมดอ้อนน่ารักเป็นบ้าเลย”
สิ้นประโยคนั้นแก้มขาวก็ร้อนฉ่า ราวกับเอาหน้าเข้าไปอังใกล้เตาผิงไฟ
ในแววตาของเขาทอประกายระยิบระยับ ใบหน้าคมคายที่แค่มีรอยยิ้มบางเบาแต่งแต้ม ก็เรียกให้เธอเผลอสะกดจ้องมองอย่างลืมตัว
“เราลองลดกำแพงกันคนละครึ่งมั้ย”
เธอนอนมองเขา แต่ไม่ได้ตอบอะไร
“มานอนนี่มา”
“คุณทัพ..”
“ไหนบอกต้องดูแลฉันอย่างใกล้ชิดไง มานอนเร็ว”
ธีร์ทัพแย้มยิ้มเห็นไรฟันอย่างนึกเอ็นดูอีกฝ่าย ไม่ว่าเธอจะแสดงท่าทีเย็นชากับเขาแค่ไหน แต่ในสายตาของเขาเธอเหลือแค่มาดเจ้าแมวน้อยที่คอยออดอ้อนเท่านั้นแหละ
จะดุแค่ไหนก็แค่เจ้าแมวเหมียว
“เร็วสิ แค่นอนเอง ไม่ได้ทำอะไรหรอก”
ถึงจะดูต่อต้าน แต่ก็ทำตามอย่างว่าง่าย
เพียงแค่ธีร์ทัพเอ่ยคำสั่ง แพรวาก็ขยับตัวขึ้นไปนอนบนแขนเขา เหมือนเด็กน้อยที่ตั้งใจฟังคำสั่งอย่างดี แม้ภายนอกจะแสดงท่าทีต่อต้านมากก็ตาม
พอได้จังหวะธีร์ทัพก็โอบเรียวแขนกอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนแกร่ง มือประคองศีรษะเล็กให้ซุกแผงอก ก่อนจะฝังปลายจมูกลงบนเส้นผมหอม
“ฉันขอโทษที่ใจร้ายกับคุณ..” เสียงกล่าวขอโทษเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด “ฉันไม่ได้อยากให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้เลยค่ะ”
“ฉันก็ไม่ได้อยากให้ทุกอย่างกลายเป็นแบบนี้เหมือนกัน”
ธีร์ทัพเองก็ไม่ได้อยากแกล้งเล่นละครเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อม แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อเขาอยากรั้งเธอเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างน้อย ๆ เขาก็ยังยืดระยะเวลาสัญญาหย่าออกไปได้ และไม่ต้องสูญเสียเธอไป เพียงเพราะพันธะสัญญาที่เขาไม่อยากจะยอมรับมัน
“เธอใช้ชีวิตแบบนี้ไม่เหนื่อยเกินไปหน่อยเหรอ”
“แบบไหนคะ”
“แบบที่พยายามจะไม่รู้สึก.. ว่าเธอรักสามีตัวเองไง”
สิ้นประโยคนั้นเธอก็เงยหน้ามองเขาที่หลุบตามองมา จังหวะสอดประสานสายตาที่พาให้ใจเต้นแรง ท่ามกลางความเงียบสงบที่ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
“ฉันไม่..”
“อย่าโกหกหัวใจตัวเองดีกว่าแพรวา”
เธอเถียงไม่ออก ได้แต่ใช้วิธีนิ่งเงียบแบบที่เคยเป็นแทนคำโต้ตอบ
“เธอรักสามีตัวเอง แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอรักเขาไม่ได้ใช่มั้ย”
“คุณจะรู้ดีกว่าตัวฉันได้ยังไงคะ”
“เพราะเธอเป็นคนที่โกหกไม่เก่งเอาซะเลยไง”
สิ้นเสียงเขาเธอก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ดูเหมือนว่าธีร์ทัพคนใหม่จะคอยลอบอ่านใจเธอตลอดเวลาเลย
“ถ้างั้นก็บอกมาสิ ว่าเธอไม่ได้ใจเต้นแรงเวลาเราใกล้กัน”
“.....”
“รวมถึงตอนนี้ด้วย..”