คู่สามีภรรยายังคงรักษาระยะห่างระหว่างกัน โดยเฉพาะแพรวาที่แทบไม่แตะต้องสิ่งมึนเมาเลยตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
นี่ก็ร่วมสัปดาห์แล้วที่ธีร์ทัพกลายเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อม แต่แพรวายังไม่รู้จะสรรหาวิธีไหนที่จะทำให้เขาจดจำเรื่องราวทั้งหมดได้ นอกจากคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิดเพียงเท่านั้น
ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในกลางดึก แพรวาที่นอนพลิกตัวไปมาด้วยอาการนอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นไปเปิดประตู ก่อนจะพบว่าเป็นธีร์ทัพที่มาพร้อมหมอนใบใหญ่
หากทว่าเขากลับสวมเพียงกางเกงขายาวตัวเดียว เผยให้เห็นหุ่นล่ำกำยำที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวดูแลตัวเองเป็นอย่างดี มิหนำซ้ำส่วนสูงราวกับนายแบบ ยังทำให้ธีร์ทัพดูดีมากเลยทีเดียว
“ยังไม่นอนเหรอ” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มดีใจที่เธอเปิดประตูให้
“คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ขอนอนด้วยได้มั้ย”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก สายตาเผลอคิดลามกมองกล้ามเนื้อบนร่างกายเขาอย่างถือวิสาสะ
“นอนด้วย.. จะมานอนห้องนี้เหรอคะ”
“อยู่ ๆ ฉันก็นอนไม่หลับขึ้นมา ไม่อยากนอนคนเดียวด้วย”
ธีร์ทัพในตอนนี้เหมือนเด็กน้อยสามขวบที่กอดหมอนใบใหญ่ไว้แนบอก นัยน์ตาคู่คมออดอ้อน ทั้งน้ำเสียงก็ยังใช้โทนที่นุ่มทุ้มในการขอนอนด้วย
“เธอคงไม่ใจร้ายปล่อยให้สามีที่ป่วยความจำเสื่อมนอนคนเดียวหรอกใช่มั้ย”
“แต่ว่าคุณทัพคะ”
“แค่นอนเอง ไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย”
พูดจบประโยคร่างสูงก็แทรกตัวเข้ามาในห้องนอน โดยที่ยังไม่ทันได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง
เขาเดินตรงไปยังเตียงกว้าง ตบหมอนเตรียมนอนซะดิบดี ก่อนที่จะถูกเรียวแขนเล็กรั้งแขนเขาเอาไว้
“นอนที่นี่ไม่ได้นะคะ” เธอส่ายหน้าปฏิเสธยกใหญ่ หากใกล้กันเกินไปคงไม่ดีแน่
“แค่นอนเอง นอนที่หมายความว่านอน” เขาเน้นย้ำคำว่านอน พลางกระตุกยิ้มร้ายบนมุมปาก
“แต่นี่มันห้องฉันนะ คุณจะบุกรุกเข้ามาแบบนี้ไม่ได้สิ”
“สามีภรรยาไม่มีพื้นที่ส่วนตัวหรอกนะ”
“คุณทัพ”
“บอกแล้วไงว่าใจฉันมันบอบบางมากตอนนี้ ใจดีกับฉันหน่อยไม่ได้หรือไง หือ”
ร่างสูงหลุบตามองคนตัวเล็กกว่าที่ทำตาโตได้น่ารักจับหัวใจ จนเผลอใจเต้นแรงกับภาพของแพรวาที่สวมชุดนอนผ้ามันสายเดี่ยว ปล่อยผมสยายไปด้านหลัง
“ถ้างั้นฉันจะไปนอนข้างนอกค่ะ”
“แพรวา”
“ถ้าคุณอยากนอนที่นี่ก็ตามใจนะคะ”
พูดจบแพรวาก็ทำท่าจะเดินไปหยิบหมอนตัวเอง แต่คนมือไวที่คว้าแขนเธอไว้กระตุกร่างบางเข้ามาประชิดกาย ส่งผลให้ร่างหนาล้มลงบนเตียงตามมาด้วยคนตัวเล็กที่ล้มทับเขาจากด้านบน
ร่างกายทั้งคู่แนบชิดสนิทกันแทบทุกสัดส่วน คนด้านบนดิ้นขลุกขลักในวงแขนแกร่งที่ยกขึ้นมากอดเธออัตโนมัติ
“ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจที่ฉันพูดนะเด็กดื้อ”
“เด็กดื้อเหรอ”
“ฉันไม่อยากนอนคนเดียว ก็เลยมาขอให้เธอนอนเป็นเพื่อน แล้วเธอจะหนีฉันไปนอนที่อื่นได้ยังไง”
สิ้นเสียงนั้นบนใบหน้าหล่อเหลาก็ปรากฏรอยยิ้มหวาน ชนิดที่แพรวาได้เห็นก็ถึงกับชะงักงันไปชั่วขณะ เผลอทิ้งตัวเข้าหาเขาโดยไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
“ใครกันแน่ที่ดื้อ” แพรวาทำเสียงดุ แต่กลับดูน่ามันเขี้ยวในสายตาธีร์ทัพเสียมากกว่า
“เธอไงที่ดื้อ” ธีร์ทัพย่นปลายจมูก มองเจ้าของพวงแก้มใสที่หลุบตามองไปทางอื่น
กระทั่งความเงียบก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่ แพรวาที่พยายามจะลุกออกจากตัวเขาก็ถูกธีร์ทัพดึงรั้งเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“คุณทัพไม่เล่นแบบนี้ได้มั้ยคะ” เจ้าของใบหน้าสวยหวานตวัดสายตามองเขา
“ทำไม..” ธีร์ทัพกระซิบข้างใบหู “กลัวใจตัวเองเหรอ”
“ทำไมฉันต้องกลัวใจตัวเองด้วยคะ” คนตัวเล็กเถียงกลับคอเป็นเอ็น
“กลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นแบบวันนั้นไง” เขาแยกยิ้มร้าย ทำให้ภาพวันนั้นปรากฏขึ้นมาในหัวทันที
สาวเจ้ากัดริมฝีปากอย่างไร้ข้อตอบโต้ อย่างน้อยทั้งคู่ก็ควรจะเว้นระยะห่างกันพอประมาณ ไม่ใช่ล้ำเส้นเข้ามาใกล้กันถึงขนาดนี้
“ถ้าคุณรู้แบบนั้นแล้ว เราก็ควรเว้นระยะห่างต่อกันไม่ใช่เหรอคะ”
“แปลว่าเธอกลัวใจตัวเองไม่ใช่หรือไง กลัวว่าจะห้ามใจไม่ไหว”
“คุณทัพ”
“ครับคุณภรรยา”
“อย่ามาเล่นตลกแบบนี้นะ ปล่อยฉันเลยนะคะ”
อีกครั้งที่เธอดีดดิ้นบนตัวเขา หากทว่าครั้งนี้ธีรทัพกลับพลิกตัวให้เธอมาอยู่ใต้ร่างเขาแทน
พอได้แกล้งคนหน้านิ่งแล้วเห็นเธอขลึงตาโมโหใส่ คนขี้แกล้งก็ยิ่งชอบใจจนอยากแกล้งเธอด้วยความมันเขี้ยวส่วนตัว
เขาวางวงแขนไว้เหนือศีรษะคนตัวเล็ก พลางโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ทีละนิด
“หึ” ธีร์ทัพแค่นหัวเราะในลำคอ หลังได้เห็นว่าแพรวาหลับตาปี๋
“คุณทัพ” พอลืมตาขึ้นมาเธอก็พบว่าเขากำลังยิ้มให้อยู่ ในระยะใกล้ขนาดที่จู่ ๆ หัวใจก็เต้นแรงขึ้นมาในฉับพลัน
แค่รอยยิ้มเขาเอง..
การแสดงออกภายนอกที่ดูเย็นชา ไม่ได้ปกปิดความรู้สึกของเธอได้เลย ว่าสุดท้ายเธอก็ปฏิเสธความต้องการเบื้องลึกภายในใจไม่ได้อยู่ดี
“คืนนี้ขอนอนด้วยนะครับ”
พูดจบประโยคเขาก็ทิ้งตัวนอนข้างเธอ ส่งผลให้คนที่เผลอกลั้นหายใจไปครู่หนึ่ง ผ่อนปรนลมหายใจทิ้งออกมาเฮือกใหญ่
เขาทำแค่นอนอย่างที่พูดไว้ ไม่ได้ล่วงเกินหรือล่วงล้ำเข้ามาแต่อย่างใด นั่นยิ่งทำให้แพรวาอดหน้าแดงไม่ได้ที่คิดเตลิดไปไกลอยู่ฝ่ายเดียว
เธอเผลอทำตัวน่าอายต่อหน้าเขาอีกแล้ว..