“อื้อ”
สิ้นเสียงเธอริมฝีปากสีระเรื่อก็ถูกธีร์ทัพจูบปิดปากในทันที มือหนาโอบรั้งแผ่นหลังร่างบาง มอบจูบที่ดูดดื่มให้แก่คนที่กล้าท้าทายอำนาจมืดตน
ด้านนอกยังคงมีฝนสาดกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย บรรยากาศเป็นใจให้ทุกอย่างเตลิดไปไกล
ริมฝีปากเรียวเล็กถูกบดขยี้อย่างดิบเถื่อน ธีร์ทัพห้ามใจตัวเองไว้ไม่ไหว ส่วนแพรวาก็เปิดทางให้เขาได้เข้ามาลองลิ้มชิมจูบรสหวานด้วยความเต็มใจ
“แน่ใจเหรอว่าจะไม่เสียใจทีหลัง” เขาเอ่ยกับคนที่ผละริมฝีปากออกไปอย่างอ้อยอิ่ง
ไม่มีคำตอบจากแพรวา เธอหลุบตาด้วยความเขินอาย ก่อนสุดท้ายจะถูกมือหนาถอดเสื้อเธอออก เผยให้เห็นบราเซียลูกไม้เป็นประจักษ์แก่สายตา
ไม่ใช่แค่เขาต้องการเธอ ตัวเธอเองก็ต้องการเขาเหมือนกัน
“รู้ตัวใช่มั้ยว่าทำอะไรอยู่”
“อื้อ”
“แล้วรู้หรือเปล่า ว่าถ้าเริ่มแล้วมันจะหยุดไม่ได้”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ตัวเอง ถึงจะสติไม่ครบถ้วนแต่สัมผัสจากเขาที่คุ้นเคย มันทำให้แพรวาไม่ปฏิเสธหรือขัดขืนแต่อย่างใด
เธอจับฝ่ามือหนามาแนบแก้ม เพิ่มไออุ่นจากสายฝนที่หนาวเย็น ริมฝีปากจูบซับที่ฝ่ามือธีร์ทัพย้ำ ๆ เล่นเอาใจชายหนุ่มเต้นระรัว
“ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ” สิ้นประโยคนั้นแพรวาก็โน้มใบหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากอีกฝ่ายทีนึง
เขาอาจไม่รู้ว่าแค่ช่อดอกไม้ในทุกเช้า ก็สามารถสร้างวันที่ดีให้เธอได้แล้ว
“ชอบมั้ย ถ้าชอบจะส่งให้ทุกวันเลย” ธีร์ทัพพูดพลางประคองใบหน้าสวยหวานอย่างเอ็นดู
“ชอบค่ะ” แพรวาพยักหน้ารับรัว ๆ ก่อนจะระบายยิ้มส่งไปให้คนตรงหน้า
มือหนาเริ่มล่วงเกินร่างกายหญิงสาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เขากอบกุมเต้าสวยทั้งสองเอาไว้ ก่อนที่จะยื่นใบหน้าซุกไซ้ลำคอขาวด้วยความกระหาย
พอผละใบหน้าออกเขาก็ประกบจูบเธออีกครั้ง คราวนี้ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปกวาดต้อนลิ้นเล็ก พรากลมหายใจแพรวาด้วยการดูดดุนเบา ๆ
แพรวาตัวสั่นเทิ้ม เธอส่งสายตาเชื้อเชิญ ซึ่งธีร์ทัพก็ตอบรับด้วยการปลดตะขอกางเกงออก ยกก้นขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้บางสิ่งที่ประท้วงอยู่ใต้กางเกง ได้ออกมาสู่โลกภายนอก
“ถอดนะ” คนมือไวตะปบตะขอบราเซียออก ส่งผลให้เนินหน้าอกขาวเปลือยเปล่าไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิด
แพรวาเอียงใบหน้าด้วยความเหนียมอาย ก่อนจะเชิดดวงหน้าขึ้นเมื่อมือหนาบีบคลึงเต้าสวย
ธีร์ทัพใช้ปลายลิ้นดุนยอดอกสีระเรื่อ มือก็บีบเค้นคลึงไปพร้อมกัน ขณะเดียวกันเจ้าตัวก็ปรับเอนเบาะให้มีที่กว้างพอ ที่จะให้เธอถอดเสื้อผ้าช่วงล่างออก
ชายหนุ่มรูดรั้งแก่นกายที่พร้อมเผด็จศึก จ่อเข้าที่ช่องทางสีหวานที่เปียกแฉะ ก่อนจะกดส่วนหัวบานดันลึกเข้าไปข้างใน แล้วดันไหลเข้าไปจนสุดลำ
แพรวาได้แต่อ้าปากร้องไม่ออกด้วยความจุกหน่วงท้องน้อย เธอกำลังนั่งทับอยู่บนตอใหญ่ที่ขนาดของมันไม่ใช่เล่น ๆ
“ขยับสิครับ”
“มันจุก”
“เดี๋ยวก็หาย”
เขาปลอบประโลมเธอด้วยโทนเสียงอ่อนละมุน ส่งผลให้ร่างบางเริ่มผ่อนคลาย แล้วเป็นฝ่ายเริ่มขย่มหมุดใหญ่ในจังหวะนาบเนิบ
กระโปรงของแพรวาถูกล่นขึ้นมากองไว้ที่สะโพก บั้นท้ายกลมกลึงถูกมือหนาบีบขย้ำจนเกิดรอยแดง
เธอเริ่มเสพสมกับเขาจนอาจลืมไปว่าธีร์ทัพเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อม เพราะตอนนี้สัมผัสของเขาเป็นสิ่งที่เธอคุ้นเคยมากกว่าสิ่งอื่นใด
“โอเคใช่ไหม”
“โอเค..”
“ไหวนะ”
“ไหว อื้อ ไหวค่ะ”
ริมฝีปากสีระเรื่อครางเสียงหวาน ใบหน้ามีเหงื่อผุดซึม เนื้อตัวมีรอยคิสมาร์กจากธีร์ทัพที่ประทับตราเอาไว้
สะโพกบางแอ่นอัดบดขยี้บนตักแกร่ง ท่อนเอ็นอุ่นร้อนขยับเข้าออกในช่องทางรัก สร้างความเสียวกระสันไปทั้งร่าง
ธีร์ทัพครางทุ้มต่ำในลำคอ มือก็ประคองเอวคอดกิ่วแล้วสวนสะโพกเข้าใส่ถี่ระรัว
แพรวาเชิดดวงหน้าครวญคราง มือเกาะบ่าแกร่งเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ขย่มตัวขึ้นลงในจังหวะที่เร็วขึ้น
ใบหน้าสวยหวานอัดแน่นไปด้วยความสุขสม ทั้งแววตาและรอยยิ้มบ่งบอกถึงความสุขที่เธอได้รับจากเขา
“อ้ะ”
“อีกนิด”
คนที่ใกล้ถึงฝั่งฝันอย่างธีร์ทัพเร่งเร้าจังหวะถี่ระรัว มือประคองแผ่นหลังเธอเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว สายตาก็มองเต้าสวยที่กระเพื่อมขึ้นลงตาเป็นมัน
ทั้งคู่โน้มตัวเข้าหากันอีกครั้ง ริมฝีปากแนบชิดแลกเปลี่ยนเอนไซม์ในโพรงปากจนเสียงดังชุ่มแฉะ
เสียงฝนยังคงสาดกระหน่ำ สลับกับเสียงฟ้าร้อง โดยที่มีร่างชายหญิงบนรถหรูกำลังเริงสวาทกันอย่างเมามัน
อารมณ์ชายแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย หญิงสาวที่อยู่บนตักเขาเริ่มจิกและขีดข่วนหน้าอกเขา ก่อนที่แพรวาจะกระตุกเกร็งถี่ ๆ พร้อมกับทิ้งศีรษะลงที่บ่าแกร่งของธีร์ทัพ
ชายหนุ่มไม่รอช้าเร่งเร้าจังหวะรักให้รุ่มร้อน มือประคองบั้นท้ายแล้วกระทุ้งเข้าใส่ร่องสวาทถี่ระรัว ก่อนจะเสร็จสมตามอารมณ์หมายอัดฉีดน้ำรักจากแก่นกายจนไหลเยิ้มออกมา
“อุ่นจัง” แพรวาเอ่ยเสียงอู้อี้ในลำคอ ขณะซุกอกแกร่งของธีร์ทัพ
เสียงลมหายใจสอดประสานกันด้วยอาการเหนื่อยหอบ พลันรอยยิ้มหวานก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย
เธอสบตาเขาครู่หนึ่งด้วยแววตาออดอ้อน ก่อนที่จะจูบซับบนแก้มขวาของธีร์ทัพเบา ๆ โดยที่เขาเองก็จูบซับที่ขมับเธอคืนเช่นกัน
ทั้งสองแสดงบทบาทราวกับเป็นคู่รักที่รักกันปานจะกลืนกิน หากแต่บทสรุปสุดท้ายที่ทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่ามันจะมีแต่ความเฉยชาที่มอบให้แก่กัน
หากทว่าถึงกระนั้นการได้บรรเลงเพลงรักอันเร่าร้อน ก็ทำให้พวกเขารู้จักร่างกายกันดีมากขึ้น
แค่มองตาก็รู้ใจแล้ว..
“แพรวา”
“อื้อ”
“ฉันรัก..”
คำว่ารักที่เกือบจะหลุดออกจากปาก ถูกกลืนหายไปในลำคอ ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงด้วยความเงียบงัน และสายฝนพรำในค่ำคืนยามราตรี
ให้ตายก็ไม่กล้าพูดคำว่ารักออกไป..