เช้าของวันที่แพรวาตื่นมาด้วยอาการระบมไปทั้งตัว ปวดเมื่อยช่วงล่างรวมถึงปวดศีรษะในคราวเดียวกัน
เธอหยีตาลงไม่สู้แดดในยามเช้าที่สาดส่องเข้ามาในห้อง ก่อนจะหันใบหน้าหนีแล้วค่อย ๆ ลืมตามองไปรอบบริเวณห้องแทน
ใช้เวลารวบรวมสติไม่นาน ใบหน้าขาวก็ร้อนฉ่าขึ้นมา ภาพจำเมื่อคืนยังชัดเจนว่าเธอทำอะไรลงไปบ้าง หลังห้ามใจตัวเองไม่อยู่บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอล์ยิ่งทำให้ทุกอย่างเตลิดไปไกล
“โอเคใช่ไหม”
“ไหวนะ”
เสียงนุ่มทุ้มของใครบางคนดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาท ก่อนภาพของเมื่อคืนทั้งหมดจะไหลย้อนกลับมาในหัว เล่นเอาคนตัวเล็กหน้าเหลือสองนิ้วเพราะสิ่งที่ทำลงไป
ร่างบางบนเตียงยกมือขึ้นยีผมตัวเองคล้ายคนขาดสติ กัดริมฝีปากกรีดร้องอยู่ในลำคอกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“แย่แล้ว..” เธอโอดครวญ ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะมีหน้าไปเจอเขายังไง
ไม่ใช่แค่เรื่องราวบนรถหรูที่ย้อนกลับเข้ามาในหัว แต่ช่วงที่เธอออดอ้อนเขาก็ยังปรากฏชัดเจนหลังสร่างเมา
“แต่เมื่อกี้เธอเป็นคนจูบฉันก่อนนะ”
“นั่นสิ ฉันจูบคุณก่อนได้ยังไงกัน น่าอายชะมัดเลย”
แพรวายกมือขึ้นปิดใบหน้าที่แดงฉาน หัวใจเต้นล่ำไม่เป็นส่ำ จนเหมือนมันจะระเบิดอยู่ในอกยังไงยังงั้น
เธอจูบเขาก่อน หนำซ้ำยังนั่งออดอ้อนเขาด้วยความน้อยใจ ทั้งที่ความจริงพยายามรักษาภาพพจน์ไม่ให้เป็นแบบนั้นแทบตาย สุดท้ายแพ้ใจตัวเองซะยังงั้น
“ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ฮือ” เธอครางฮือในลำคอ หาทางออกไม่เจอว่าจะแก้ต่างยังไงให้ตัวเองดี
เธอเผลอมีอะไรกับสามีที่ความจำเสื่อมเสียแล้ว..
หลังรวบรวมสติว่าร่างกายนี้เคยผ่านศึกหนักมาเมื่อคืน แพรวาก็ติดต่อเลขาส่วนตัวว่าจะไม่เข้าบริษัท เพื่อใช้เวลาทบทวนตัวเองสักพักว่าจะเอายังไงต่อดี
เธอจัดการทำความสะอาดร่างกาย ที่มีรอยคิสมาร์กปรากฎเด่นหราบนเนื้อตัว แต่แพรวาเลือกที่จะมองข้ามมันไปแล้วใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแทน
เมื่อเดินลงมาข้างล่างเธอก็ได้ยินเสียงทำอาหารอยู่ในครัว แพรวาที่ย่องเบาก็รีบเดินลงจากบันได หวังว่าจะออกจากบ้านไปได้โดยไม่ต้องสบสายตาผู้เป็นสามี
หากทว่า..
“จะไปไหนแต่เช้าเหรอ หือ”
ไม่ทันจะได้ก้าวขาไม่ไปไหน เสียงหนึ่งก็เรียกรั้งเธอเอาไว้เสียก่อน
“ว่าไงครับ จะไปไหนเหรอ” ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาวก่อนเธอจะหนีไปได้ทัน
“เอ่อ” แพรวาไปต่อไม่ถูกได้แต่อ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะสบสายตากับธีร์ทัพโดยตรง
แผนที่คิดไว้ในหัวพังไม่เป็นท่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่เพิ่งจะเริงรักกันไปเมื่อคืน
ตอนนี้เธออับอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี แต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการเอาไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบเหมือนเคย
“อย่าบอกนะว่าเธอพยายามจะหลบหน้าฉัน”
“ทำไมต้องฉันหลบด้วยคะ”
“แล้วที่เดินย่องเบาเหมือนขโมยเมื่อกี้ล่ะ ถ้าไม่เรียกว่ากำลังหลบหน้า จะให้เรียกว่าอะไร”
พอถูกโจมตีด้วยความจริง แพรวาก็ใช้วิธีนิ่งเงียบไม่ตอบโต้ เพราะเธอทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนขโมยที่ย่องเบาจริง ๆ นั่นแหละ
“ฉันทำอาหารเช้าเผื่อเธอด้วย มาทานด้วยกันสิ” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ ก่อนจะขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้
“ไม่เป็นไร ฉันไม่หิวเท่าไหร่ค่ะ” แพรวาบอกปัดปฏิเสธ พร้อมกับก้าวเท้าถอยหลังอัตโนมัติ
“อยากให้ฉันจำตัวเองได้ไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มต่ำกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าเธอไม่ช่วยแล้วเมื่อไหร่ความทรงจำฉันจะกลับมาล่ะ”
เจ้าของใบหน้าสวยหวานได้แต่ระบายลมหายใจ หากรู้ว่าเรื่องราวจะจบลงแบบนั้น เธอจะไม่แตะต้องขวดเหล้าเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว..
เธอเงยหน้าขึ้นสบสายตาคู่สนทนา แต่เหมือนมันจะพาเธอย้อนกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อคืน จนแพรวาต้องหลุบตามองพื้นแทนที่จะสบตาเขา
“แล้ว.. คุณพอจำอะไรได้บ้างหรือเปล่า”
“ยังจำอะไรไม่ได้หรอก แต่ว่าเมื่อคืน..”
น้ำเสียงของธีร์ทัพดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ ซึ่งเธอก็พอจะเดาได้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อถึงได้แทรกขึ้นมากะทันหัน
“ฉันขอโทษ”
“ขอโทษเหรอ ขอโทษทำไม”
“ขอโทษที่เมื่อคืนล่วงเกินคุณ ฉันเมาจนห้ามตัวเองไม่อยู่เอง”
สิ้นประโยคนั้นทั้งคู่ก็ตกอยู่ในภวังค์ความเงียบ ส่งผลให้แพรวาทำหน้าเหมือนคิดผิดที่พูดออกไป
ธีร์ทัพลอบถอนหายใจ ก่อนจะเชยปลายคางหญิงสาวให้เงยหน้ามองตน
“เมื่อคืนมันดีมากไม่ใช่เหรอ”
“.....”
“ไม่เห็นจำเป็นต้องขอโทษเลย”
แพรวาเผลอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พวงแก้มใสแดงระเรื่ออย่างไม่อาจปกปิด ดวงตาสั่นไหวกับสายตาของธีร์ทัพที่มองมาราวกับจะกลืนกิน
เธอเผลอจดจ้องเจ้าของนัยน์ตาสีรัตติกาลนานหลายวินาที ก่อนที่เธอจะเบือนหน้าหนีมือเขาที่เชยปลายคางอยู่ออก
“เอาเป็นว่าฉันจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีกค่ะ” เธอกล่าวเสียงนิ่งเรียบ ทั้งที่อัตราการเต้นของหัวใจสูงลิ่ว
“แล้วถ้าฉันอยากให้มันเกิดขึ้นอีกล่ะ” ธีร์ทัพแสยะยิ้มมุมปาก สีหน้าบ่งบอกได้ถึงสิ่งที่เขาคิดในหัว
“คุณทัพ”
“ฉันว่าฉันเห็นภาพเธอซ้อนกับเหตุการณ์อื่น โดยเฉพาะ.. เรื่องบนเตียง”
แพรวาขยับสายตาเปรยขึ้นมองเขา พลางกัดริมฝีปากด้วยความอับอาย แทนที่จะจำเรื่องราวอื่นได้กลับจำเรื่องบนเตียงขึ้นมาซะยังงั้น
แบบนี้จะให้เธออธิบายมันยังไงล่ะ..
“เธอพอจะมีเวลาว่างอธิบายความสัมพันธ์ของเรามั้ย” เขาพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง แต่กลับมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนมุมปากแทน
“ความสัมพันธ์ของเราเหรอคะ” เธอเลิกคิ้วถาม ในแววตาตื่นตระหนกเหมือนกระต่ายตัวน้อยไม่มีผิด
“ฉันว่าเราสองคนไม่ใช่แค่สามีภรรยายที่กำลังจะหย่ากันอย่างเดียว..” ธีร์ทัพพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ได้แต่หวังในใจว่าจะเติมเต็มช่องว่างที่อ้างว้างของเธอได้
เรียวคิ้วสวยกระตุกเข้าหากัน มองใบหน้าผู้เป็นสามีด้วยสายตาคาดหวังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“แต่เป็นคู่นอนชั่วคราวให้กันด้วย.. ใช่มั้ย”
“คุณทัพ..”