ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแพรวาพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะดึงความทรงจำของธีร์ทัพกลับมา แต่เหมือนว่าการบอกเล่าหรือพาเขาไปที่เดิม ๆ จะไม่ได้ผล
เพราะงั้นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ตอนนี้ คือการดูแลเขาอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งพ่อแม่เขา แต่การอยู่ใกล้เขาเกินไปนี่แหละคือปัญหา
คนที่เย็นชาคอยจะอ่อนไหวอยู่เรื่อยเลย..
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสามีแกจะความจำเสื่อม” เอวาเอ่ยบอกอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
สองสาวเพื่อนสนิทนั่งดื่มแอลกอฮอล์รสเข้มกันบนพื้นห้อง เพราะชีวิตที่ขมขื่นตอนนี้ ทำให้เหล้ามันหอมหวานขึ้นเยอะเลย
“นั่นสิ แถมยังชอบทำตัวแปลก ๆ อีก” แพรวาตอบกลับ พลางเอนหลังพิงโซฟา
“แปลกยังไงวะ”
“เขาส่งดอกไม้มาให้ฉันทุกวัน คอยอยู่รอรับเวลาฉันกลับบ้านด้วย”
ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี ทำการส่งดอกไม้กลิ่นหอมไปให้เธอที่บริษัททุกวัน ตอนกลับบ้านก็มักจะได้เห็นเขาฟุบหลับรออยู่เสมอ
ที่บอกว่าจะจีบแบบนี้เองเหรอ..
การกระทำของเขาทำให้หัวใจที่เหน็บหนาวของเธออบอุ่นขึ้นมา คนบ้างานยิ่งกว่าอะไรดีที่กลับบ้านมาแล้วเจอใครสักคนรออยู่ มันรู้สึกดีจนบอกไม่ถูกเลยล่ะ
“ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ที่แกทำตัวเย็นชาเหมือนทุกวันนี้ก็เพราะขาดคนเอาใจใส่ไง”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
“แกเหงาแค่ไหนที่แม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่แกก็ไม่เคยเรียกร้อง”
“ฉันไม่อยากให้แม่ต้องเหนื่อยใจ”
“แต่นี่แกมีสามีที่คอยดูแลเอาใจใส่แบบนี้ไม่ดีเหรอ ฉันว่าเขาดีกว่าคุณธีร์ทัพในเวอร์ชั่นก่อนเยอะเลย” เอวาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง ในดวงตาฉายชัดถึงความปิติหากเพื่อนรักจะมีใครสักคนคอยดูแล
“มันไม่ดีตรงที่เราต้องหย่ากัน ต่อให้สิ่งที่มีจะดีแค่ไหน.. สุดท้ายก็ต้องหย่ากันอยู่ดี” แพรวาเอ่ยเสียงเศร้า แววตาสีหม่นของเธอฉายชัดถึงอารมณ์ที่กำลังดิ่งในตอนนี้
“ทำไมแกถึงยึดมั่นสัญญาขนาดนั้น ถ้าสองคนรักกัน..”
“ฉันรักเขาไม่ได้หรอกเอวา มีผู้หญิงคนนึงที่แม่เขาอยากให้แต่งงานด้วยแล้ว ฉันก็เป็นแค่ตัวรอเวลาให้สัญญาสิ้นสุดลง หลังจากนั้นเราคงไม่มีพันธะเกี่ยวข้องกันอีก”
“แต่แกเองก็มีความรักที่ดีได้นะ”
“ไม่รู้สิ ฉันมองตัวเองตอนมีความรักไม่ออกหรอก”
ตั้งแต่จำความได้แพรวาก็เห็นแม่ทำงานหนักเพื่อสร้างทุกอย่างไว้ให้เธอ โหมงานหนักจนสัมพันธ์รักกับพ่อแตกหักลงเพราะความระหองระแหงไม่เข้าใจกัน
ถึงสุดท้ายแล้วพวกเขาจะจบกันด้วยดี แต่แพรวาก็ยังรู้สึกขาดหายความรักจากพ่อแม่อยู่ดี แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยเรียกร้องหรือร้องขอ ส่งผลให้ความทรงจำเหล่านั้นหล่อหลอมกลายเป็นเธอในวันนี้
“แล้ววันนี้คิดไงถึงดื่มหนักขนาดนี้ ปกติแกดื่มแค่สังสรรค์ไม่ใช่เหรอ” เอวาอดที่จะถามไถ่ไม่ได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกแก้วดื่มราวกับคนอกหักมา
ถึงมันจะไม่เชิงอกหัก แต่พอรับรู้ว่าเธอมีเหตุผลให้รักสามีตัวเองไม่ได้ เหล้ารสเข้มก็เป็นสิ่งที่ย้อมใจได้ดีเลยทีเดียว
“เพราะเขาชอบทำตัวแปลก ๆ ให้ใจมันเต้นแรงอยู่เรื่อย ฉันถึงต้องดื่มไง”
“แปลว่าแกชอบเขาหรือเปล่า”
“เปล่าสักหน่อย”
เพื่อนรักอย่างเอวายิ้มกรุ้มกริ่ม มองอีกคนที่สองแก้มขึ้นสีระเรื่อเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยความเอ็นดู
“เดี๋ยวก็เมาหรอกแก ยกดื่มเป็นน้ำเปล่าเลย”
“ไม่เมาหรอกน่า”
พูดจบแพรวาก็ยกนิ้วว่าเธอโอเค มือก็คว้าแก้วเหล้าขึ้นกระดกดื่ม พลางยกขาขึ้นมานั่งกอดเข่าเอาไว้
ตลอดทั้งคืนที่สองสาวนั่งดื่มด้วยกันที่คอนโดของเอวา คนที่เอาแต่ดื่มไม่พักก็อยู่ในอาการเมามายจนพูดไม่ค่อยได้ศัพท์ แต่ตั้งท่าจะกลับบ้านลูกเดียวเลย
เอวาที่ไม่อยากให้เพื่อนต้องขับรถกลับบ้านคนเดียว ถือวิสาสะขอโทรศัพท์จากแพรวาเพื่อที่จะโทรตามธีร์ทัพให้มารับเธอกลับไป
ใช้เวลาไม่นานธีร์ทัพก็ขับรถมาหาถึงคอนโด ใบหน้าของเขาแสดงถึงความเป็นห่วง ก่อนจะพบกับสภาพของแพรวาที่นั่งกอดเข่าหน้าแดงหมดท่าตรงหน้าตน
“เดี๋ยวผมจัดการต่อเองครับ” เขาหันไปบอกเอวาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะหุบยิ้มทันทีที่เห็นสภาพแพรวาที่เมามายจนไม่ได้สติ
“คุณทัพ..” แพรวาผงกหัวขึ้นจากแขน ก่อนจะยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริที่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามี
ข้างนอกมีฝนตกพรำ ๆ และธีร์ทัพก็ขับรถแล้ววิ่งฝ่าฝนออกมารับเธอ ซึ่งพอแพรวาได้เห็นฝนตกบวกกับสภาพของธีร์ทัพริมฝีปากก็เบะคล้ายคนจะร้องไห้ทันที
ร่างสูงตรงปรี่เข้าไปคว้าแขนแพรวาเอาไว้ มือก็กวาดกระเป๋าเจ้าตัวมาสะพาย มือก็กอดเอวประคองเจ้าตัวไม่ให้ล้มลง
“ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลเธอให้” เขาหันไปคุยกับเอวาที่ยืนยิ้มแก้เก้ออยู่ด้านหลัง
หลังจากแบกแพรวาเข้ามาในรถ ฝนชุดใหญ่ก็สาดกระหน่ำลงมา คนเมานั่งมองใบหน้าคมคายแล้วเลื่อนสายตาเห็นเสื้อเจ้าตัวเปียก เธอก็รีบเอ่ยปากบอกเขาในทันที
“คุณเปียกฝนเหรอคะ” เธอเอียงคอมองเขาตาหวานหยาดเยิ้ม
“แค่นิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ฉันเป็นนี่ ถอดเสื้อมาสิคะ ฉันจะรีบเอาไปซักให้”
ไม่พูดเปล่าแพรวายังทำท่าจะถอดเสื้อให้เขา ด้วยอาการที่สติไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่สายตาแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วงเขาที่ฝ่าฝนมาหาตัวเอง
ธีร์ทัพมองแพรวาที่พยายามจะถอดเสื้อตัวเอง ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กแล้วกระตุกเข้าหา จนใบหน้าสวยหวานเกือบจะจมอกเขาเมื่อครู่
“แน่ใจเหรอว่าถ้าถอดแล้วจะดีกับตัวเธอ”
“ก็คุณเปียก..”
“งั้นก็ถอดสิ ถ้าเธอเป็นคนทำฉันเปียก มันก็เป็นหน้าที่ของเธอไม่ใช่เหรอ”
ไม่พูดเปล่าธีร์ทัพยังจับมือเธอมาวางทาบบนอก ส่งผลให้ใบหน้าขาวแดงระเรื่อ หัวใจเต้นล่ำไม่เป็นส่ำแข่งกับเสียงห่าฝนชุดใหญ่ที่สาดซัดลงมา
“ถอดสิครับ”
“คุณทัพ..”