ตอนที่ 6 เพียงแค่เอื้อมมือ

1120 คำ
“มึงแกล้งความจำเสื่อมเนี่ยนะ” เสียงเตโชผู้เป็นเพื่อนสนิทของธีร์ทัพเอ่ยเสียงดัง หลังรับรู้ว่าเพื่อนตนแกล้งความจำเสื่อมเพื่อที่จะยืดระยะสัญญาหย่าออกไป แค่จะมาเยี่ยมคนป่วย แต่ใครจะรู้ว่าโดนคนป่วยต้มเละ ที่คิดว่าความจำเสื่อมก็เป็นแค่แผนของธีร์ทัพเท่านั้นที่อยากจะยื้อแพรวาเอาไว้ “มึงอยากให้คนอื่นเข้ามาได้ยินหรือไงวะ” ธีร์ทัพปรามเสียงค่อย สายตาก็เหลือบมองประตูห้องกลัวคนอื่นจะเข้ามาได้ยิน “มึงแกล้งความจำเสื่อมเหรอวะไอ้ทัพ” เตโชหรี่เสียงลงโดยอัตโนมัติ สายตาก็พลอยเหลือบมองประตูห้องด้วยความหวาดระแวงไม่ต่างกัน “แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ในเมื่อกูหมดปัญญาจะรั้งเธอไว้แล้ว” “โห ไอ้ทัพ” คนที่แค่มาเยี่ยมแต่ดันเจอข่าวใหญ่ยกมือขึ้นเสยผม พลางลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ “นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะมึง ถ้าเธอรู้เข้าจะทำยังไง” เตโชพูดต่อด้วยความเป็นห่วง “กูยังไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น” ธีร์ทัพเอ่ยอย่างหมดท่า ไม่เหลือมารยาอื่นมาหลอกล่อแล้ว “แล้วนี่เธอไปไหน” “กลับไปเอาเสื้อผ้า แล้วจะมานอนเฝ้ากู” “แผนมึงมันจะใช้ได้เหรอวะ ยังไงก็ต้องหย่าอยู่ดีนะไอ้ทัพ” ธีร์ทัพนิ่งเงียบเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าต่อให้ยืดระยะเวลาออกไป ทางออกสุดท้ายแพรวาก็ยังยืนกรานที่จะหย่ากับเขาอยู่ดี มีแค่หนทางเดียวที่จะทำให้เธออยู่กับเขาตลอดไป คือทำให้หัวใจของเธอเป็นของเขาให้ได้ “กูอยากทำให้เธอรักกู..” “เขาจะเกลียดที่มึงโกหกมากกว่า” “ทำไงได้วะ ในเมื่อมันเริ่มต้นขึ้นแล้ว” “เอาเถอะ กูเอาใจช่วยมึงละกัน” ธีร์ทัพพยักหน้ารับ พลางถอนหายใจทิ้งด้วยความวิตกกังวล เขาเองก็ไม่ได้อยากจะให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ แต่ทำยังไงได้ในเมื่อแพรวาไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองสักที ถ้าลดกำแพงระหว่างกันได้สักนิดก็คงจะดีเหมือนกัน.. ช่วงพลบค่ำที่แพรวากลับมายังห้องผู้ป่วยอีกครั้ง เธอนั่งข้างเตียงธีร์ทัพป้อนข้าวต้มให้เขาที่ข้อมือซ้นหยิบจับอะไรได้ไม่ถนัดมือ ดูเหมือนว่าคนป่วยจะลอบยิ้มมุมปากอยู่ตลอดเวลา เขามองเห็นแววตาที่ห่วงใยของเธอ แทนที่จะเป็นสายตาเฉยชาเมินหน้าเขาอย่างที่เคยเป็น “ร้อนมั้ยคะ” เธอถามเขา ขณะใช้มือรองใต้ช้อนแล้วป้อนข้าวต้มให้ “ช่วยเป่าให้นานกว่านี้ได้มั้ย มันยังร้อนอยู่เลย” เขาเอ่ยร้องขอด้วยสีหน้าออดอ้อน “ยังร้อนอยู่ใช่มั้ย เดี๋ยวรอหน่อยนะคะ” ว่าแล้วสาวเจ้าก็ตักข้าวต้มใส่ช้อน จ่อริมฝีปากเป่าเบา ๆ ด้วยสีหน้าตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะจ่อช้อนเข้าที่ปากของชายหนุ่มอีกครั้ง ธีร์ทัพอ้าปากอย่างว่าง่าย ข้าวต้มมื้อนี้ดูท่าจะหวานกว่าครั้งไหน ๆ เพราะนอกจากจะมีคนคอยนั่งเป่าให้แล้ว การได้เฉยชมใบหน้าสวยหวานระยะนี้ ก็ทำให้เขาชุ่มชื่นหัวใจเช่นกัน “ทานข้าวหรือยัง” ธีร์ทัพเอ่ยถามเสียงค่อย สายตาก็จดจ้องมองริมฝีปากเธอไปด้วย “ยังค่ะ รอคุณทานให้เสร็จก่อน แล้วฉันค่อยไปหาอะไรทาน” เธอบอกเขาไปตามตรง “ปกติทุกวันก็เป็นแบบนี้เหรอ” “แบบไหนคะ” “แบบที่เอาใจใส่กันแบบนี้” “ไม่หรอกค่ะ เราแทบไม่ร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน ถ้าไม่จำเป็น” ประโยคตอบตัดบททำเอาธีร์ทัพชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก ไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะใจแข็งแม้กระทั่งตอนที่เขาแสร้งว่าความจำเสื่อม เสมอต้นเสมอปลายเสียจริง.. “ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้คุณมาก่อน เพราะเราสองคนอยู่ใกล้กันมากไปก็มีแต่จะหาเรื่องมาทะเลาะซะมากกว่า” “งั้นเหรอ เราสองคนเป็นสามีภรรยาจอมปลอมที่ทะเลาะกันเป็นประจำสินะ” แพรวาทำได้แค่ยิ้มรับ “ทำนองนั้นมั้งคะ” “แต่เราสองคนไม่เหมือนสามีภรรยาที่ต้องหย่ากันเลยนะ” “ทำไมคะ เพราะฉันป้อนข้าวคุณ หรือเพราะฉันอยู่ใกล้คุณแบบนี้” “ไม่รู้สิ ความรู้สึกบอกแบบนั้นล่ะมั้ง” สำหรับเขาเธอไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเป็นอะไรในสายตาของธีร์ทัพ แต่สำหรับเธอเขาเป็นคนที่ห่างเพียงแค่เอื้อมมือ แต่กลับอยู่ไกลแสนไกลเหลือเกิน เขาเป็นเหมือนสายลมที่พัดวนอยู่รอบตัว แต่กลับโอบกอดหรือรั้งเอาไว้ให้อยู่กับตัวนานไม่ได้ สุดท้ายเจ้าสายลมก็ต้องผ่านพัดไป.. “บางครั้งเราก็ไม่ควรเชื่อความรู้สึกตัวเองมากเกินไป” “.....” “มีแต่จะทำให้คุณรู้สึกแย่เสียเปล่า ๆ ถ้ารู้ว่าเราต้องหย่ากันจริง ๆ” แววตาของแพรวายังคงดูเย็นชา แต่การกระทำของเธอนั้นแสนจะอ่อนโยน แบบนี้จะไม่ให้ธีร์ทัพหลงรักเธอได้ยังไงกัน.. เธอก็แค่สวมหน้ากากเอาไว้เท่านั้น เพราะงั้นเขาหวังว่าสักเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกเธอที่ขาดหายไป เขาจะได้เป็นคนที่ต่อเติมให้มันเต็มจนสมบูรณ์ ต่อให้แสงลิบหรี่แต่ธีร์ทัพยังมีหวังอยู่.. “ส่วนเรื่องมอเตอร์ไซค์ที่ตัดหน้า ทางตำรวจจะดำเนินคดีต่อนะคะ ไม่ต้องห่วงค่ะ” เธอพูดต่อ มือก็จ่อช้อนที่ปากเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ธีร์ทัพเบือนหน้าหนีออกไปอีกทาง “พอแล้ว” “แต่คุณทานไปนิดเดียวเอง” “แค่ความจำเสื่อมก็แย่มากพอแล้ว ฉันไม่อยากเป็นภาระเธอมากกว่านี้” “ฉันไม่ได้พูดสักหน่อยว่าคุณเป็นภาระ” ทั้งสองสบประสานสายตากันหลังพูดจบประโยค เขาพยายามอ่านใจเธอผ่านแววตา ก่อนสุดท้ายจะเป็นธีร์ทัพที่เบนสายตามองไปทางอื่นแทน แพรวาระบายลมหายใจ ละมือวางช้อนใส่ถ้วยข้าวต้มแล้วพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย “ถ้าอิ่มแล้วงั้นฉันเก็บนะคะ” เธอว่าแล้วทำท่าจะลุก หากทว่ากลับถูกใครบางคนคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน “เดี๋ยว” “มีอะไรหรือเปล่าคะ” เจ้าของใบหน้าสวยหลุบตามองมือหนาที่รั้งเธอไว้ ก่อนจะขยับสายตามองชายหนุ่มอีกครั้ง “คืนนี้ช่วยอยู่เป็นเพื่อนหน่อยได้มั้ย” “คะ” “ฉันไม่อยากอยู่คนเดียว.. ได้มั้ย อยู่ด้วยกันก่อนได้มั้ยครับ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม