เช้าวันรุ่งขึ้นที่ธีร์ทัพสร่างเมา เขาจัดการอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้าบริษัท ก่อนจะลงมานั่งดื่มกาแฟในยามเช้า ทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อคืน
เมื่อคืนเขานอนกอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนทั้งคืน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนเช้าที่แพรวาขยับตัว
ใบหน้าขาวดูไร้เดียงสาเหมือนเด็กน้อยยามหลับ ธีร์ทัพแอบเฝ้ามองใบหน้าสวยหวานนานหลายนาที ถึงได้ลุกจากที่นอนออกมาก่อนที่อีกคนจะรู้ตัว
“มีประชุมเช้าเหรอวันนี้” เขาเงยหน้าถามหญิงสาวที่เดินลงมาจากชั้นสองพอดี
“ใช่ค่ะ แล้วคุณล่ะ ประชุมเช้าเหมือนกันเหรอคะ” เธอถามกลับ ขณะเบี่ยงตัวเดินไปชงกาแฟในยามเช้าดื่ม อีกทั้งยังพยายามหลบเลี่ยงการสบสายตากับอีกฝ่ายโดยตรง
ธีร์ทัพพยักหน้ารับแทนคำตอบ เขาเองก็ไม่กล้าสบตาเธอโดยตรงเหมือนกัน
ดูเหมือนว่าคำร้องขอจากแพรวาจะไม่เป็นผล ยิ่งให้เขารักษาเส้นกั้นระหว่างกันเอาไว้มากเท่าไหร่ ธีร์ทัพก็ยิ่งล้ำเส้นเธอเข้ามามากเท่านั้น
“เมื่อคืน..” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นเชิงเกริ่นนำ ทำเอาอีกคนหันขวับมองทันที
“เมื่อคืนทำไม” ร่างบางเปรยสายตามอง ก่อนยกมือขึ้นทัดหูกลบเกลื่อนพิรุธเมื่อครู่
“ฉันแค่จะถามว่าเมื่อคืนหลับสบายดีหรือเปล่า”
“หลับสบายดีค่ะ”
หลังจากพูดจบใบหน้าของแพรววาก็ขึ้นสีระเรื่อ ธีร์ทัพที่ไม่ทันสังเกตก็นึกว่าเธอกำลังโกรธเรื่องเมื่อคืน เขาถึงกำลังจะเอ่ยขอโทษเธอหลังจากกระทำเรื่องน่าอายลงไป
“ขอโทษที่ทำแบบนั้นกับเธอ”
“ทำอะไรคะ”
“ทั้งกอด ทั้งจูบก่อนได้รับอนุญาต”
ในแววตาหญิงสาววูบไหวครู่หนึ่ง แต่ซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ทั้งที่ในใจเต้นตึกตักกับอ้อมกอดอุ่นบนเตียงกว้างที่ไม่ต้องมีเซ็กซ์ ก็อบอุ่นมากอย่างบอกไม่ถูก
ธีร์ทัพไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ใช้การสบสายตาเพื่อจะสื่อสารกับเธอแทน
“ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ หวังว่าคุณจะไม่พูดถึงมันอีกนะคะ” แพรวาตอบตัดบท เธอคว้าแก้วกาแฟขึ้นมาดื่ม แล้วแสร้งเบือนสายตามองไปทางอื่น โดยที่รู้ตัวดีว่าถูกสายตาจับผิดของธีร์ทัพมองอยู่
เนิ่นนานหลายวินาทีที่ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบงัน คำตอบจากเธอทำเอาธีร์ทัพไปต่อไม่เป็น ริมฝีปากสั่นจนพูดอะไรไม่ออก
“เป็นเธอก็ดีเหมือนกัน”
“จะหาเรื่องทะเลาะแต่เช้าเหรอคะ”
“เปล่า ฉันแค่คิดว่าเป็นเธอมันก็ดี ลืมอะไรได้ง่ายดี”
สิ้นประโยคนั้นร่างสูงก็ผุดลุกจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินออกไปทิ้งให้แพรวาอยู่เพียงลำพัง
ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาในหัว ภาพจำรอยจูบและอ้อมกอดอุ่นยังฝังลึกในความรู้สึกไม่หายไปไหน
“นี่เขา.. โกรธฉันเหรอ”
รถหรูราคาแพงกำลังขับเคลื่อนไปบนท้องถนน โดยที่มีธีร์ทัพขับอยู่หลังพวงมาลัยด้วยอารมณ์คุกรุ่นกับคำพูดที่ดูไม่แยแสของแพรวา
พอได้เห็นสายตาเมินเฉยของเธอบ่อย ๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกหมดหนทางจะฉุดรั้งเธอเอาไว้
ใจของเธอทำจากหินหรือยังไง ถึงได้ใจแข็งกับเขาถึงขนาดนี้
เสี้ยววินาทีที่ธีร์ทัพเผลอปล่อยใจให้ล่องลอย เป็นวินาทีเดียวกันกับที่รถมอเตอร์ไซค์ชายชุดดำขับตัดหน้ารถเขา ส่งผลให้เจ้าตัวหักพวงมาลัยเบี่ยงหลบโดยอัตโนมัติ
หากทว่ารถของเขากลับเสียการทรงตัว พุ่งชนข้างทางจนร่างของธีร์ทัพที่ถูกกระแทกนิ่งงันไปในทันที
ในขณะเดียวกันแพรวาที่กำลังประชุมอยู่ก็ได้รับสายเรียกเข้าจากพ่อของธีร์ทัพ ส่งสารถึงเธอว่าผู้เป็นสามีประสบอุบัติเหตุกำลังอยู่ในห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล
เพียงเท่านั้นเธอก็รีบยกเลิกการประชุม เพื่อรีบมาหาเขาถึงโรงพยาบาล ที่ตอนนี้หน้าห้องฉุกเฉินมีแม่และพ่อของธีร์ทัพยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“คุณทัพ..”
เธอทำได้แค่ยืนรอคุณหมอออกมาทั้งน้ำตาเอ่อคลอ สองขาแทบอ่อนเรี่ยวแรงที่รับรู้ว่าเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
หัวใจดวงน้อยเต้นล่ำไม่เป็นส่ำ ขอบตาร้อนผ่าว ริมฝีปากสั่นเทาเกินกว่าจะอ้าปากถามอาการเขาในตอนนี้
จวบจนคลื่นพายุของความเศร้าหมองสงบลง ตรงที่คุณหมอออกมาบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้ว แพรวาที่คอยอยู่ข้างเตียงธีร์ทัพไม่ห่างก็คอยจับมือเขาเอาไว้ไม่ปล่อย
ถึงคุณหมอจะบอกว่าอาการปลอดภัยดี แต่สำหรับเธอการที่เขาตื่นมาต่างหากถึงจะทำให้โล่งใจ
“รีบตื่นขึ้นมานะคะ ฉันรอคุณอยู่” เธอเอ่ยบอกกับร่างที่ยังไม่ได้สติ ฉับพลันน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่
ในเวลานี้มีเพียงแค่เธอกับเขาในห้อง ภายในอกมันสั่นระรัว กลัวว่าคนตรงหน้าจะเป็นอะไรไป
เขาจะทิ้งเธอไปแบบนี้ไม่ได้..
นานหลายชั่วโมงที่แพรวาเฝ้าอยู่ข้างเตียงธีร์ทัพไม่ห่างไปไหน เหล่าญาติผู้ใหญ่ฝั่งเขาต่างก็แวะเวียนเข้ามาเยี่ยม จนตอนนี้ทุกคนกลับไปพักผ่อนเหลือให้เธอเฝ้าเขาไว้ในฐานะภรรยาธีร์ทัพ
ใช่ เธอยังเป็นภรรยาเขาอยู่
แม้ว่าอีกสองวันจะถึงวันที่ต้องหย่าร้างกัน แต่ตอนนี้ในใบทะเบียนสมรสยังปรากฏชัดเจน ว่าเธอมีเขาเป็นเจ้าของตีตราจองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
“เป็นเธอก็ดีเหมือนกัน”
“เปล่า ฉันแค่คิดว่าเป็นเธอมันก็ดี ลืมอะไรได้ง่ายดี”
แพรวานึกหวนถึงคำพูดที่เสียดแทงความรู้สึกของตัวเอง แต่ความจริงคือไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เธอจะลืมเลือนเรื่องราวที่ผ่านมา
พวกเขาแค่มองกันคนละมุมเท่านั้นเอง..
ร่วมสามชั่วโมงที่แพรวายังนั่งรอให้เขาตื่น ความรู้สึกกระวนกระวายใจทำให้เธอไม่มีอารมณ์ทำอะไร นอกจากจดจ้องมองใบหน้าของเขาในยามหลับ
กระทั่งเปลือกตาของคนบนเตียงค่อย ๆ ปรือขึ้นมองไปรอบบริเวณห้อง นิ้วมือกระดิกหลังจากรู้สึกตัว ส่งผลให้แพรวาลุกพรวดขึ้นมาดูอาการเขาทันที
“คุณทัพคะ”
คนบนเตียงไม่ตอบแต่ขมวดคิ้วมุ่นแทน
“คุณทัพได้ยินฉันมั้ย พูดอะไรหน่อยสิคะ”
หยาดน้ำตาไหลอาบแก้มขาวได้น่าสงสารจับใจ ทำเอาอีกฝ่ายไปต่อไม่ถูกว่าควรพูดอะไรหรือปลอบใจเธอแบบไหนดี
คนป่วยที่เพิ่งจะฟื้นคืนสติ กวาดสายตามองไปรอบบริเวณห้อง ก่อนจะหันกลับมาวางสายตาที่หญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง
“คุณทัพได้ยินฉันได้มั้ยคะ” แพรวาร่ำไห้ต่อหน้าเขาอย่างไม่อายอีกต่อไป
นัยน์ตาคู่คมมองเธอไม่ละสายตา ฉับพลันหัวใจก็เจ็บแปลบขึ้นมาที่ได้เห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้
เขายื่นมือไปประคองพวงแก้มขาว ไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างกัน มีเพียงแค่สายตาของเขาเท่านั้นที่มองเธออย่างลึกซึ้ง
“ฮึก” แพรวาสะอื้นไห้ เธอจับมือเขามาแนบข้างแก้ม ก่อนจะมุ่นคิ้วเล็กน้อยที่จู่ ๆ ธีร์ทัพก็ถอนฝ่ามือออกไปซะอย่างนั้น
“ที่นี่ที่ไหน”
“คะ”
“แล้วเธอเป็นใคร”
“คุณทัพ”
“เกิดอะไรขึ้น”
ในดวงตาคู่สวยสั่นไหวไปมา มองใบหน้าคมคายที่ดูตื่นตระหนกกับสถานการณ์ตรงหน้า
หากทว่าแต่ละประโยคที่เขาพูดออกมา ทำเอาใจแพรวาเสียขึ้นมาทันที อีกทั้งการแสดงออกของเขายังผิดปกติ ส่งผลให้เธออ่อนไหวกับเขามากกว่าเดิม
“ฉันถาม.. ว่าเธอเป็นใคร”