เธอมองเขาที่ใช้หลังมือเช็ดลิปสติกบนริมฝีปากออก ก่อนแค่นเสียงในลำคอคล้ายว่าพึงพอใจ
“ทำบ้าอะไรของคุณ”
“มากกว่านี้ก็ทำมาแล้วนี่”
“คุณทัพ.. ถึงเราจะนอนด้วยกัน แต่ก็ใช่ว่าคุณจะทำอะไรตามอำเภอใจได้” เธอต่อว่าเขาที่ล้ำเส้น หากไม่ได้อยู่บนเตียง พวกเขาก็ไม่ควรแสดงตัวเหมือนเป็นคู่รักกัน
สถานการณ์เข้าสู่สภาวะน่าอึดอัดใจอีกเหมือนเคย ส่งผลให้คนที่วู่วามเริ่มได้สติกับสิ่งที่ทำลงไป
“เพราะเธอเอาแต่เมินฉันไงแพรวา” เขาพรั่งพรูความรู้สึกในใจออกมาด้วยความน้อยใจ
“ฉันไม่เคยเมินคุณ ฉันเองก็พยายามจัดการกับความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน” เธอตอกกลับด้วยการสบสายตาเขาไม่ละไปไหน
“หมายความว่ายังไง” ธีร์ทัพเอ่ยถามด้วยแววตาที่มีความหวัง ก่อนถูกดับฝันหวานด้วยคำปฏิเสธจากแพรวาอีกเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
“ฉันจะไม่ล้ำเส้นคุณค่ะ เพราะงั้นอย่าล้ำเส้นฉันไปมากกว่านี้เลย”
“.....”
“ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”
แม้ว่าเรือนหอแห่งนี้จะราคาหลักสิบล้าน แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ทั้งคู่ปรับความเข้าใจกันได้โดยง่าย
มิหนำซ้ำเรื่องบนเตียงก็เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบของชีวิต ไม่ได้ทำให้พวกเขาทั้งสองคนใกล้ชิดกันมากขึ้นเลยสักนิด
มีแต่จะห่างเหินออกไป..
“แพรวา”
“ฉันขอตัวค่ะ”
สิ้นประโยคนั้นคนตัวเล็กก็หมุนตัวหันหลังหนีเขา เป็นภาพจำที่ธีร์ทัพเคยชินแล้วเหมือนกัน กับการที่เห็นเธอเดินหนีทุกครั้งหลังปะทะคารม
เขาอยากจะยื่นมือไปรั้งเธอไว้ แต่หลังจากที่ทบทวนการกระทำของตัวเอง เขาจึงทำได้แค่มองเธอเดินจนลับสายตาไป
ธีร์ทัพเดินกลับเข้าห้องทำงานด้วยอาการเหนื่อยล้า เขาไม่รู้จะหาวิธีไหนเพื่อเอ่ยรั้งผู้เป็นภรรยาเอาไว้ มิหนำซ้ำยังปากหนักไม่กล้าพูดคำว่ารักออกไป
เขากลัวถูกปฏิเสธ..
ใครจะอยากพูดในสิ่งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว
ร่างสูงเดินไปหยิบขวดไวน์ที่วางเรียงไว้ในห้องทำงาน รินใส่แก้วแล้วกระดกดื่มประทังความเครียดที่รุมเร้า ในหัวคิดแต่วิธีรั้งเธอไว้ไม่ให้ไปจากตน
“ฉันควรจะทำยังไงดี.. แพรวา”
มือหนายกขึ้นเสยผมอย่างหัวเสีย เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงาน ทั้งที่ในหัวมีแต่ภาพของแพรวาเต็มไปหมด
เธอเคยสดใสเหมือนแสงอาทิตย์ในยามเช้า หากทว่ากลับกลายเป็นคนเย็นชาเหมือนหมอกเย็นยะเยือกตั้งแต่รู้ว่าใกล้ถึงเวลาหย่ากัน
แต่ธีร์ทัพอยากพาแพรวาคนเดิมกลับมา..
แม้ว่าเขาจะไม่รู้เลยว่าเริ่มหลงรักผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะรู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากให้เธอหายไปจากมองเห็นเสียแล้ว
“โธ่เว้ย” ธีร์ทัพสบถพลางยกมือขึ้นลูบใบหน้า ปลอบประโลมตัวเองที่อยากร้องไห้เต็มประดา แต่ทำได้แค่กลั้นน้ำตาเอาไว้เงียบ ๆ คนเดียว
อีกฝั่งของบ้านมีหญิงสาวที่สวมชุดนอนผ้าลื่นยืนรับลมอยู่ที่หน้าต่าง เธอเหม่อมองท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยหัวใจที่โดดเดี่ยวและแววตาที่ว่างเปล่า
“อย่าลังเลที่จะหย่ากับตาทัพเลยนะหนูแพรวา”
“เธอไม่ใช่คนโง่นี่ น่าจะรู้ใช่มั้ยว่าลินดาเหมาะกับตาทัพแค่ไหน”
“หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ ที่ผ่านมา.. เราช่วยเธอมามากพอแล้ว”
แพรวายกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเบา ๆ เธอปล่อยให้ความคิดไหลผ่านเข้ามาในหัวราวกับสายลม แต่กลับไม่สามารถละทิ้งคำพูดของคนเป็นแม่ได้เลย
“ฉันขอโทษนะคะคุณทัพ แต่คุณ.. ควรได้เจอคนที่ดีกว่าฉันจริง ๆ”
ประโยคที่เอ่ยผ่านสายลม ส่งผลให้น้ำตาเอ่อรื้นคลอเบ้าขึ้นมา ใต้ตาร้อนผ่าวกับน้ำตาที่จะไหลอยู่รอมร่อ ก่อนร่วงหล่นบนแก้มขาวบ่งบอกว่าเธอเสียใจแค่ไหนที่ต้องปล่อยมือเขาไป
ทุกรอยจูบบนริมฝีปากยังตราตรึงอยู่ในใจ ทำให้ภายในอกวูบโหวงไปหมด เมื่อรู้ว่าเวลาหย่าร้างใกล้เข้ามาทุกที
ได้เวลาปล่อยมือจากสามีจอมปลอมแล้ว..
จวบจนเวลาล่วงเลยผ่านไป แพรวาที่ผล็อยหลับไปบนเตียงก็รู้สึกตัวขึ้นมา เพราะรู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังกอดรัดเอาไว้
เปลือกตาบางขยับลืมตาขึ้นมองไปรอบบริเวณห้องที่เงียบสนิท จนได้ยินเสียงลมหายใจของใครบางคนดังกรอกอยู่ข้างใบหู
เธอตัวแข็งทื่อในฉับพลัน เมื่อหลุบตามองเห็นเรียวแขนแกร่ง กำลังกอดรั้งเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง
ครั้นจะโพล่งออกไปก็กลัวว่าจะรบกวนคนที่นอนหลับสนิท เธอรวบรวมสติอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ จับแขนเขาที่พาดเอวออกอย่างเชื่องช้า
เขาล้ำเส้นเธออีกแล้ว..
“คุณทัพ..” เธอเอ่ยชื่อเขาเสียงผะแผ่วท่ามกลางความเงียบ
กลิ่นเหล้าปะทะเข้าที่ปลายจมูกทันทีที่เธอขยับตัว เขาดื่มจนเมาหนักแล้วเดินมาทิ้งตัวลงบนที่นอน หลังจากเห็นคนตัวเล็กนอนคุดคู้เหมือนแมวตัวน้อยใต้ผ้าห่ม
ปกติแล้วธีร์ทัพเขาจะไม่เข้ามาก้าวก่ายในพื้นที่ส่วนตัวของแพรวา เธอเอ่ยขอเขาตั้งแต่วันแรกที่ต้องแต่งงาน ว่าจะมีโซนปลอดภัยของทั้งคู่และไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวกันและกัน
ใครจะรู้ว่าเขาอดทนมานานแค่ไหน แล้วใครจะคิดว่าวันนี้ความอดทนนั้นจะหมดลง
“อือ” เสียงครางงัวเงียดังในลำคอชายหนุ่ม เมื่ออีกคนขยับตัวจะหนีห่าง
“คุณ..”
“อื้อ”
ตอนนี้ธีร์ทัพเหมือนเด็กน้อยที่ถูกขัดใจตอนหลับ เขาโอบรั้งเอวบางด้วยความโหยหา ขณะที่ดำดิ่งสู่ห้วงนิทราเสียสนิท
ส่วนแพรวาก็ไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมากลางดึกเหมือนเธอ ใบหน้าขาวเห่อร้อนกับลมหายใจอุ่น ๆ จากเขาที่เป่ารดต้นคอเป็นระยะ
เนิ่นนานหลายนาทีที่แพรวาปล่อยให้เขากอด ถึงจะมีความคิดที่อยากจะผละออก แต่อ้อมกอดของเขามันอุ่นเหลือเกิน
อย่างน้อยหวังว่าเขาจะได้สติเมื่อรุ่งสางมาถึงก็แล้วกัน..