เวลาของการหย่าร้างใกล้เข้ามาทุกที แต่ทั้งคู่ก็ยังทำหน้าที่เบื้องหน้าฉากได้ดีไม่เคยเปลี่ยน
ทั้งสองควงกันมางานสังสรรค์เปิดตัวคอนโดใหม่ย่านตัวเมืองของบริษัท มีแขกเหรื่อมากมายให้ความสนใจ มองไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คนที่ยืนพูดคุยและดื่มสังสรรค์ร่วมกัน
หากทว่าสิ่งเดียวที่ธีร์ทัพให้ความสนใจคือแพรวา เธออยู่ในชุดราตรีหรูหราสวยหมดจดจนละสายตาไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว
“วันนี้เธอสวยมาก รู้ตัวมั้ย” เขาเอ่ยชมความสวยสะพรั่งไม่ขาดปาก ทำเอาอีกคนชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก แต่รับรู้ได้เลยว่าข้างแก้มร้อนผ่าว ๆ ด้วยความเคอะเขิน
แพรวาหันไปมองหน้าเขาแล้วยิ้มรับเพียงเท่านั้น ก่อนเก็บอาการเขินอายด้วยการหันหน้าหนี
“แต่มันคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่..”
“ทำไมคะ”
“หวง”
เขาหวงแต่พูดอะไรมากไม่ได้..
สุดท้ายก็ทำได้แค่แสดงความเป็นเจ้าของด้วยการโอบเอวเธอไว้ สายตาเหลือบมองเหล่าชายอื่นที่มองมายังภรรยาตัวเองตาไม่กะพริบ
แบบนี้จะไม่ให้หวงได้ยังไงกัน..
ธีร์ทัพและแพรวาควงคู่กันเพื่อพบปะพูดคุยกับเหล่าผู้อาวุโสของงาน จนกระทั่งพบกับคุณหญิงฉัตรเพชรที่ควงลูกสาวคนสวยอย่างลินดามาด้วย ใบหน้าสวยหวานก็ชะงักงันไปในทันที
ทั้งสองยกมือไหว้คุณหญิงอย่างนอบน้อม ก่อนแพรวาจะหันไปยิ้มให้ลินดา เจ้าของใบหน้าสวยที่มีคุณสมบัติครบเครื่องไร้ที่ติ
ผู้หญิงที่แม่ของเขาอยากได้เป็นสะใภ้
ธีร์ทัพเลื่อนมือลงประคองเอวแพรวา เธอสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของเขา
ยังไงคนอื่นก็มองว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากันอยู่ดี หากจะให้ปฏิเสธไปคงดูไม่ดีเท่าไหร่สำหรับเขาแน่
“ช่วงนี้น้าไม่ค่อยว่างไปเจอแม่เราเลย สบายดีกันนะ” คุณหญิงฉัตรเพชรเอ่ยอย่างเป็นกันเอง
“คุณแม่ท่านสบายดีครับ”
“แล้วพ่อเราล่ะ”
“คุณพ่อก็สบายดีเช่นกันครับ”
ธีร์ทัพแสดงท่าทีอ่อนน้อมต่อคนตรงหน้า แต่สายตาคอยสังเกตสีหน้าของแพรวาเป็นระยะ
“ถ้างั้นเดี๋ยวน้าขอตัวก่อนดีกว่า จะได้ให้เด็ก ๆ วัยรุ่นเขาคุยกัน” พูดจบคุณหญิงก็แตะบ่าลูกสาวก่อนเดินออกจากวงสนทนาไป พร้อมกับยิ้มให้ลินดาที่ยืนอยู่ข้างธีร์ทัพ
ยิ่งยืนเทียบแพรวาก็ยิ่งรู้สึกตัวเล็กลง..
เธอไม่เหมาะสมกับเขาเลยสักนิดเดียว
แพรวาในวัยยี่สิบห้าปีกำลังเรียนรู้ที่จะกัดฟันอดทนกับความรู้สึกประหม่า เมื่อต้องยืนต่อหน้าหญิงสาวที่แม่ของธีร์ทัพเคยวางตัวไว้ให้ด้วยความกระอักกระอ่วนไม่น้อย
“ช่วงนี้พี่ทัพ.. สบายดีนะคะ” ลินดาเอ่ยถาม พลางระบายยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติ
“สบายดีครับ” ธีร์ทัพยิ้มรับ ก่อนจะหันมองสีหน้าแพรวาด้วยแววตาเป็นกังวล
เธอดูนิ่งและพูดน้อยทันทีที่ต้องเข้าวงสนทนา ซึ่งธีร์ทัพมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่
บางทีทั้งคู่อาจรู้สึกตรงกัน แค่ไม่เคยแสดงออกมาก็เท่านั้นเอง
“ฉันขอตัวไป..” เสียงของแพรวาเอ่ยผะแผ่ว แต่กลับถูกชายหนุ่มรั้งเอวไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหน
เขารู้ดีว่าเธอพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ หรือไม่ก็อยากให้เขาอยู่กับลินดาสองคน แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อเขาไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นเลยสักนิด
“คุณทัพต้องการอะไรอีกหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีฉันจะขอตัวไป..”
“ฉันไม่อนุญาต เราจะเสียมารยาทต่อหน้าลินดาได้ยังไง จริงมั้ย”
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ พี่ทัพอย่าพูดแบบนั้นสิคะ” ลินดายิ้มรับแกมเกรงใจ “คุณแพรวาสบายดีนะคะ”
“สบายดีค่ะ” แพรวาตอบกลับด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก สายตาก็กวาดมองหาผู้เป็นมารดาของธีร์ทัพไปด้วย
หากได้เห็นว่าเธอยืนเป็นก้างขวางคอลูกชายเธอ มีหวังได้โดนเรียกไปดุอีกแน่
ผิดถนัดกับธีร์ทัพที่ค่อนข้างจะหัวเสีย เธอดูจะผลักไสเขาให้เข้าหาลินดา ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่เคยคิดอะไรกับลินดามากกว่าน้องสาว
จะมีก็แค่แพรวาที่ผลักไสเขาตลอดมา..
เมื่อเห็นว่าไม่อาจหลบเลี่ยงได้ แพรวาจึงยืนร่วมวงสนทนาด้วย ในเรื่องจิปาถะทั่วไปที่มีแค่ธีร์ทัพและลินดาที่คุยกันอย่างสนุกสนาน
จนเธอรู้สึกเป็นส่วนเกิน..
จวบจนกระทั่งงานเลี้ยงสิ้นสุดลง แพรวาที่ขึ้นรถมาก็ลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อบนรถมีแค่เธอกับเขาทำเอาบรรยากาศอึดอัดไม่น้อยเลย
ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มและมีรอยยิ้มก่อนหน้านี้ได้เลือนหายไป หลงเหลือไว้เพียงแค่ใบหน้านิ่งเรียบ และแววตาเฉยชาที่มองไปยังผู้เป็นสามีเท่านั้น
“เธอพยายามผลักไสฉันให้คนอื่นเหรอแพรวา” ธีร์ทัพเป็นคนเปิดบทสนทนา หลังปล่อยให้ความเงียบทำงานอยู่นานหลายนาที
“ฉันทำแบบนั้นเหรอคะ” แพรวาตอบกลับเชิงไม่ได้สนใจหัวข้อที่เขาชวนคุย ขณะเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่ได้สบตาคู่สนทนาแต่อย่างใด
“ใช่ มองดูก็รู้ว่าเธอพยายามจะทำอะไร” เขาขึ้นเสียงคล้ายว่าต้องการเค้นคำตอบจากเธอ
“ถ้าคุณรู้แล้วจะถามฉันทำไมคะ”
“เพราะเธอทำเกินไปไง ตอนนี้ฉันยังเป็นสามีเธออยู่นะแพรวา”
หญิงสาวระบายลมหายใจทิ้ง รู้สึกว่าใจมันกระตุกวูบตอนที่เขาบอกว่าเป็นสามี
“อีกแค่สัปดาห์เดียวก็จะสิ้นสุดสัญญาแล้ว..” เธอหันหน้ากลับมามองธีรืทัพด้วยสายตาเรียบเฉย
“เธอก็เลยหยิบยื่นผู้หญิงคนใหม่ให้ฉันงั้นเหรอ”
“แล้วฉันทำอะไรผิดคะ ในเมื่อคุณแม่คุณเองท่านก็..”
แพรวาหยุดพูดไปกะทันหัน เธอสบสายตาเขาแล้วลอบถอนหายใจ คล้ายว่าไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดให้มากความ
“ยอมรับแล้วสินะ ว่าเป็นเพราะแม่ฉัน เธอถึงเลือกทำตามสัญญาไม่ใช่ความรู้สึกตัวเอง”
“ถ้าให้ทำตามความรู้สึกของฉัน มันก็ยังคงเป็นคำตอบเดิมค่ะคุณทัพ”
อีกครั้งที่เธอเลือนสายตาสบเข้ากับธีร์ทัพ ทุกความว่างเปล่าในแววตาฉายชัดถึงคำตอบที่แพรวากำลังจะเอ่ยปากพูด ที่ต่อให้ธีร์ทัพไม่อยากฟังมันก็ตาม
“ฉันต้องการหย่ากับคุณ..”
“เธอนี่มัน”
“ทำไมคะ”
“โอเค.. ได้ ฉันจะหย่าให้” เขาประชดเสียงแข็งแกมน้อยใจที่เธอเอาแต่ย้ำประโยคเดิม
แพรวากะพริบตาสองสามทีราวกับอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนหันหน้าเบือนหนีออกไปนอกรถเหมือนเดิม
ตลอดการเดินทางกลับมีแต่ความเงียบงันระหว่างพวกเขาทั้งสองคน กระทั่งรถเข้ามาจอดในรั้วบ้าน ทั้งคู่ต่างก็ลงประตูฝั่งใครฝั่งมันแล้วแยกย้ายกันเข้าบ้านเหมือนเดิม
แต่เหมือนธีร์จะมีความคิดบางอย่างแวบขึ้นมาในหัว เขามองเธอที่มักจะเอาแต่เดินหนีด้วยสายตาโหยหา
เขาอยากให้เธออยู่ตรงนี้.. ตลอดไป
เจ้าของนัยน์ตาคู่คมมองหญิงคนรักจากทางด้านหลัง รู้สึกไม่สบอารมณ์จนอยากทำบางอย่างเพื่อปราบเด็กดื้ออย่างเธอให้อยู่ในโอวาท
“แพรวา”
วินาทีที่เธอหันหลังกลับมามองเขา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ร่างสูงเดินตรงปรี่เข้าไปหา ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าแพรวาแล้วใช้มือคว้าใบหน้าเล็กเข้ามาประกบริมฝีปากจูบทันที
หญิงสาวเบิกตาโตเล็กน้อย พลางหลุบตามองริมฝีปากของตัวเองที่แนบชิดกับริมฝีปากเขา
ฉับพลันร่างกายก็ชาดิกขยับไม่ได้ วินาทีที่ธีร์ทัพเริ่มขยับริมฝีปากและบีบคลึงหน้าอก คือวินาทีที่สติของแพรวาเตลิดไปไกลจนเผลอขย้ำเสื้อเขาแทนที่จะผลักออก
เนิ่นนานหลายวินาทีที่ปล่อยให้เขาได้ทำตามอำเภอใจ ก่อนเธอจะตั้งสติได้แล้วเป็นฝ่ายผลักชายหนุ่มออก แต่นั่นมันก็ทำให้ลิปสติกบนริมฝีปากเธอเปื้อนริมฝีปากเขาไปด้วย
น่าอายเหลือเกิน..
แพรวามองหน้าเขาด้วยสายตาพร่ามัว แข้งขาอ่อนแรงจนธีร์ทัพต้องประคองเอวของเธอเอาไว้
“นี่แค่จูบก็แข้งขาอ่อนแรงแล้ว”
“.....”
“แน่ใจเหรอว่าอยากหย่ากับฉัน”