คนที่ถูกตอกหน้าว่าใจร้าย แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนให้เขาอยู่ดี อีกหนึ่งเหตุผลก็เพราะเธอจำไม่ได้แล้วว่าดูหนังครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
ชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาแพรวาถวายให้การทำงานแทบทั้งหมด ทำให้คนรอบข้างเริ่มหายไปทีละคน จนรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เหลือตัวเธอแค่คนเดียว
“เสร็จแล้วครับ” คนที่อยากดูหนังกลับมาพร้อมตั๋วหนังในมือ
“คุณจะนั่งดูหนังกับคนที่ใจร้ายลงเหรอคะ” คนที่ถูกต่อว่าก่อนหน้านี้เอ่ยขึ้นแกมประชด หลังซื้อตั๋วหนังเข้าชมแล้วเรียบร้อย
“ยังติดใจกับคำพูดฉันอยู่หรือไง”
“แล้วอะไรที่คุณคิดว่าฉันใจร้ายล่ะคะ”
“ฉันไม่ได้หมายถึงว่าเธอใจร้ายใจดำแบบนั้น” ธีร์ทัพกล่าวเชิงอธิบายอย่างใจเย็น “ฉันแค่หมายถึงการโต้ตอบของเธอที่ดูไร้เยื่อใยต่างหาก.. ที่ดูใจร้าย”
ไม่พูดเปล่าเขายังมุ่ยปากประกอบท่าทางให้น่าเอ็นดู จนแพรวาเกือบหลุดยิ้มออกมาให้เห็น
“งั้นเหรอคะ”
“ถ้าเกิดว่ามีรอยยิ้มสักนิดคงจะดีเหมือนกัน”
แพรวากะพริบตาสองสามที ในหัวนึกย้อนถึงการกระทำของตัวเอง แล้วได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร
ถ้ามีรอยยิ้มสักนิดคงไม่กลายเป็นคนใจร้ายแล้วสินะ..
“งั้นฉันก็เป็นคนใจร้ายในสายตาคุณใช่มั้ย เพราะฉันไม่ชอบยิ้มเอาซะเลย”
“คนเราก็คงมีเหตุผลให้ใจร้ายทั้งนั้น ฉันจะไม่ถามเหตุผลของเธอก็แล้วกัน.. ถึงจะอยากรู้ก็ตาม”
สิ้นประโยคนั้นคนฟังก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะ สำหรับแพรวาแล้วถ้าไม่เย็นชาก็จะอ่อนไหว เมื่อไหร่ที่อารมณ์อ่อนไหว เธอก็จะเผลอใจถลำลึกลงไปมากกว่านี้
“แต่อย่าใจร้ายกับฉันเลยนะ หัวใจฉันไม่ค่อยแข็งแรง” ธีร์ทัพเอ่ยแล้วยกมือขึ้นทาบกลางอก ส่งผลให้หญิงสาวหลุดยิ้มออกมา แต่ก็ยังทำขรึมเวลาอยู่ต่อหน้าเขา
“พี่ทัพ” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากที่ไกล ๆ พอหันไปมองต้นตอของเสียงก็พบเข้ากับหญิงสาวใบหน้าสะสวยกำลังยืนโบกไม้โบกมือให้ทั้งคู่อยู่
“คุณลินดา..” ริมฝีปากสีระเรื่อพึมพำเจ้าของชื่อที่เรียกธีร์ทัพเมื่อครู่
แพรวามองคนตรงหน้าพร้อมระบายยิ้มบาง ๆ สลับกับมองธีร์ทัพที่ตีหน้านิ่งเลิกคิ้วมองอีกฝ่ายคล้ายว่าไม่คุ้นเคย
“สวัสดีค่ะคุณแพรวา” ลินดาที่รีบวิ่งมาหาหอบหายใจเหนื่อย ก่อนจะหันมองเจ้าของใบหน้าคมคายด้วยสายตาที่สั่นไหวไปมา
“นี่ใครครับ” เขาแสร้งเล่นละครผู้ป่วยความจำเสื่อมต่อเนื่อง
“พี่ทัพ..” ลินดามองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
ธีร์ทัพส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากแพรวา ซึ่งเธอก็ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันอีกครั้ง
“นี่คุณลินดาค่ะ เป็นลูกสาวคุณหญิงฉัตรเพชร คนที่..” แพรวาเอ่ยขึ้นเสียงค่อย ก่อนจะพูดต่ออีกว่า “คนที่สนิทกับครอบครัวคุณ”
“พี่ทัพจำลินดาได้ไหมคะ” เธอถามขณะที่จับมือเขา ก่อนยกมือขึ้นป้องปากที่เห็นปฏิกิริยาของธีร์ทัพเปลี่ยนไป
“จำไม่ได้ครับ”
“พี่ทัพ”
ภรรยาในนามได้แต่ยืนมองทั้งคู่คุยกัน พร้อมกับรอยยิ้มเจื่อน ๆ ที่ส่งไปให้ลินดา ว่าตอนนี้ธีร์ทัพไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เขากลายเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อมเสียแล้ว..
“คุณแม่บอกลินว่าพี่ทัพประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อมจริงเหรอคะคุณแพรวา”
“จริงค่ะ”
ลินดาตั้งท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เล่นเอาธีร์ทัพไปต่อไม่ถูก ได้แต่ขอความช่วยเหลือผ่านสายตาไปยังแพรวาที่ยืนข้างกาย
“ว่าแต่คุณลินมาทำอะไรแถวนี้คะ”
“ลินมาทำธุระให้คุณแม่น่ะค่ะ แล้วก็คิดว่าจะแวะไปหาพี่ทัพที่บ้านด้วย ไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่”
พอได้ยินดังนั้น แพรวาก็นึกแผนบางอย่างออก โดยที่ไม่ได้ถามความสมัครใจของอีกคนก่อนด้วยซ้ำ
“ถ้างั้นเราสามคนมาดูหนังด้วยกันมั้ยคะ คุณลินอาจจะทำให้คุณทัพจำอะไรขึ้นมาได้บ้างก็ได้” แพรวาออกความเห็นพร้อมรอยยิ้ม
“ถ้าลินช่วยได้ ลินก็อยากช่วยค่ะ”
“ดีเลยค่ะ”
หลังจากพูดจบประโยคใบหน้าของธีร์ทัพก็แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งเรียบ แต่ภายในอกร้อนรุ่มจนเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่
จนสุดท้ายทั้งสามคนก็เข้ามานั่งในโรงหนัง โดยที่มีธีร์ทัพนั่งตรงกลาง ทางขวาคือแพรวาและทางด้านซ้ายคือลินดาที่นั่งอยู่ด้วย
ทุกอย่างเข้าสู่โหมดเงียบสงบ ผลจากหนังที่เริ่มฉายแล้ว แต่ธีร์ทัพกลับอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องนั่งกลางระหว่างเธอทั้งสองคน
โดยเฉพาะแพรวา..
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพยายามจับคู่เขากับลินดา แต่จะให้โหวกเหวกโวยวายไปตอนนี้ แผนที่วางไว้ทั้งหมดก็คงจะล่มไม่เป็นท่า
เพราะงั้นเขาจะตามน้ำไปก่อนก็แล้วกัน..
“คุณทัพ” แพรวากระซิบข้างใบหู ก่อนจะหลุบตามองมือหนาที่คว้ามือเธอไปจับเอาไว้
เจ้าของใบหน้าสวยลอบมองซ้ายมองขวา ก่อนมองธีร์ทัพที่ตีหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว ครั้นพอจะสลัดมือออกคนมือไวก็ยิ่งออกแรงบีบแน่น
สุดท้ายก็กลับกลายเป็นว่าทั้งคู่นั่งจับมือกันดูหนังตั้งแต่ต้นยันจบ แม้เหงื่อจะออกมือแต่ธีร์ทัพก็ไม่ยอมปล่อยมือออก
นี่เขากำลังลงโทษเธออยู่เหรอ..
หลังเดินออกมาจากโรงหนัง ธีร์ทัพถึงได้ยอมปล่อยมือออก ไม่วายหันมาแยกยิ้มใส่แพรวาที่หน้าบึ้งตึง
“ฉันว่าเราแยกกันตรงนี้ดีกว่า ดีมั้ย” เขาเสนอความเห็นขึ้น เพราะอยากอยู่กับแพรวาแค่สองคน แต่ดูเหมือนอีกคนจะตามติดเขาแจ
“ลินขอเลี้ยงข้าวพี่ทัพก่อนได้มั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พี่.. ไม่อยากรบกวน”
“ถ้างั้น..”
“ถ้างั้นเรากลับกันดีกว่า ฉันรู้สึกเหมือนจะไม่ค่อยสบายด้วย”
ไม่รอให้แพรวาได้เอ่ยขัดขวาง ธีร์ทัพก็เป็นฝ่ายพูดแทรก พร้อมกับคว้าแขนคนตัวเล็กให้มายืนหลบอยู่ด้านหลังแทน
“ยังไงพี่ขอตัวก่อนนะครับ”
“แต่ว่าพี่ทัพคะ..”
“ไว้เจอกันนะครับน้องลิน”
พูดจบธีร์ทัพก็คว้ามือแพรวาให้เดินตาม ก่อนที่เขาจะอดทนต่อการจับคู่นี้ไม่ไหวแล้วระเบิดอารมณ์ออกมาเสียก่อน
กระทั่งทั้งคู่พากันมายังลานจอดรถ ธีร์ทัพที่ความอดทนต่ำลงก็หันมาต่อว่าแพรวาทันที
“เมื่อกี้คืออะไร”
“อะไรคะ”
“เธอพยายามจับคู่ให้ฉันกับน้องลินเหรอ”
แพรวาส่ายหน้าปฏิเสธการกระทำ ทั้งที่ความจริงก็รู้อยู่แก่ใจ
แม้กระทั่งในตอนที่แสร้งเป็นผู้ป่วยความจำเสื่อม ธีร์ทัพก็ยังถูกผลักไสให้เข้าหาคนอื่น แบบนี้จะไม่ให้เขาชักสีหน้าไม่พอใจได้ยังไงกัน
“ฉันทำแบบนั้นเพราะคุณลินสนิทกับคุณต่างหากค่ะ”
“เธอก็เลยคิดว่าฉันจะจำอะไรขึ้นมาได้บ้างงั้นใช่มั้ย”
“ใช่สิคะ ไม่งั้นฉันจะทำแบบนั้นไปทำไม”
ธีร์ทัพไม่กล้าปริปากเถียงกลับ ได้แต่กล้ำกลืนทุกคำพูดลงไปในลำคอ แล้วแสร้งเล่นละครตบตาเธอต่อไป
“บางทีฉันอาจคิดไปเอง”
“คุณคิดไปเองทั้งนั้นค่ะ ฉันทำเพราะอยากให้คุณจำได้เร็วๆ ต่างหาก”
ธีร์ทัพเอียงคอเพียงเล็กน้อย ก่อนจะนิ่งเงียบไปด้วยอาการแง่งอน
“งอนเหรอคะ”
“เปล่า”
“งอนจริงด้วย”
“บอกว่าเปล่า”
“งอนตุ๊บป่องไปแล้ว”
“บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า”