“แม่ถามว่าแกใช้อะไรคิด? แกคิดว่าแม่จะเอาหนูพรีมมาเป็นลูกสะใภ้เหรอ? ตาเพลิงแม่มีลูกชายคนเดียวนะลูก แม่จะเอาหนูพรีมมาเป็นลูกสะใภ้ได้ยังไง”
“ก็... / ลูกรัก แม่ทะนุถนอมหนูพรีมอย่างดีมาตั้งหลายปีก็จริงแต่แม่ไม่เคยมีความคิดจะเอาหนูพรีมมาเป็นลูกสะใภ้เลยนะลูก”
“ก็ผม.../ แกคิดแบบนั้นได้ยังไง ทำไมสิ้นคิดแบบนี้ แกคิดว่าแม่จะเอาหนูพรีมของแม่โยนลงไปในปากไอ้สำส่อนอย่างแกเหรอ?”
“...” คำถามของแม่ทำผมอึ้งจนเผลอปากค้างไปชั่วขณะ
“ว่าไง?”
“ก็...ผมเห็นแม่ทะนุถนอมแล้วก็เคยได้ยินแม่คุยกับเพื่อนแม่ว่า...พรีรตาเป็นว่าที่สะใภ้” เสียงที่เคยขำ มั่นใจว่าคิดถูกของผมเบาลง ยอมรับตรง ๆ ว่า เก้อกับหน้าแหก คือคำนิยามของน้ำเสียงผมในตอนนี้
“แกได้ยิน?”
“ครับ ตอนนั้นแม่คุยกับน้าจันทร์ พูดเล่นเหรอครับ”
“เปล่า พูดจริง”
“อ้าว แล้ว...แม่มีลูกอีกคนรึไง ผมเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ หรือว่าพ่อมีเมียน้อย?” แม่กำลังแกล้งอะไรผมวะ พอผมถามแม่ก็ยิ้มบาง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ เหมือนสมเพชความคิดผม
“แม่เคยพูดกับน้าจันทร์ว่าหนูพรีมเป็นว่าที่สะใภ้จริงแม่ยอมรับ แต่แค่ว่าที่สะใภ้ไม่ใช่ว่าที่ลูกสะใภ้นี่จ้ะลูกรัก คำว่าสะใภ้มันกว้างนะตาเพลิง อาจจะลูกสะใภ้หรือหลานสะใภ้ก็ได้”
“...อะไรนะ?”
...หลานสะใภ้?
“ตามนั้นจ้ะ ถ้าเป็นไปได้แม่ก็อยากให้หนูพรีมลงเอยกับพี่พฤกษ์จ้ะลูกรัก” ^^
“...” ผมนั่งฟังแม่อธิบายด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขในขณะที่ผมนั่งหน้าเหวอ นั่งเก้อหน้าแหกที่คิดอะไรแบบนั้นแถมยังพูดด้วยความมั่นใจในความคิดของตัวเอง
“เข้าใจแล้วนะจ้ะ”
“...พี่พฤกษ์สามสิบ ยัยบ้านนอกเพิ่งยี่สิบ ไม่คิดว่าอายุห่างกันเกินไปรึไงครับ”
“แค่นั้นเองลูก พี่พฤกษ์ไม่ได้แก่ซะหน่อย อีกอย่างผู้ชายยิ่งยายุเยอะก็ยิ่งดูดี สมมุติถ้าน้องสามสิบพี่พฤกษ์ก็แค่สี่สิบ นิดเดียวเองลูก นี่...อย่าบอกนะว่าแกคิดอะไรกับหนูพรีมของแม่?”แม่ทำหน้าตกใจแล้วก็จ้องผมเขม็งส่วนผมพอได้ยินคำถามนี้ก็อ้าปากค้างก่อนจะยิ้มด้วยความคาดไม่ถึงพอ ๆ กับหน้าของแม่ตอนแรกที่ได้ยินคำถามผม
“แม่ครับ ผมจะไปสิ้นคิดแบบนั้นได้ยังไง”
“เหรอ? ก็ดีจ้ะลูกรัก เพราะถ้าเพลิงคิดขึ้นมาแม่จะเอาหนูพรีมของแม่คืน”
“หึ! ถ้างั้นแม่ก็เอาคืนไปได้เลยครับ ผมไม่เคยอยากให้เด็กของแม่อยู่กับผมตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับน้านอม” น้านอมแม่บ้านคนเก่าคนแก่ของบ้านเดินมาพร้อมถุงกระดาษใบใหญ่พอดีผมก็เลยถาม พอได้คำตอบว่าใช่ผมก็ลาแม่แล้วออกมาทันที
“อย่าบอกนะว่าแกคิดอะไรกับหนูพรีมของแม่?”
ใครจะไปชอบยัยเด็กนั่นวะ ที่ผมถามผมก็แค่ไม่ชอบอาการหมกเม็ดวางแผนอะไรไว้ก็แค่นั้น ถ้าคิดจะทำอะไรในอนาคตให้คุยกันตรง ๆ แค่นั้นเองแต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่ผมเข้าใจผิดก็ดีไปผมก็สบายใจมากเหมือนกันที่ไม่ต้องฝืนใจเอาเด็กของแม่มาเป็นเมีย แต่ไม่ว่ายังไงคำพูดของแม่ก็ทำผมขับรถออกจากบ้านด้วยความเร็วเพราะหงุดหงิดมาก
“อ่าส์!” หงุดหงิดว่ะ!
แต่ช่างเถอะลืม ๆ คำถามของแม่ที่คิดว่ามึงชอบยัยนั่นไปชะไอ้เพลิงอย่างน้อยก็เป็นโชคดีของมึง ส่วนโชคร้ายก็ให้ไปตกที่พี่พฤกษ์ก็แล้วกัน...
-เวลาต่อมา-
“ฟู่ว์~”
“ถอนหายใจทำไม”
“อ้าว! กลับแล้วเหรอคะ”
“ยังไม่กลับจะอ้าปากคุยกับเธอได้ไงวะ”
“ชิส์! แล้วหิวรึยังคะ”
“มีตุ๋นซี่โครงของแม่ กินอันนั้นแหละ”
“ฮะ? คุณหญิงป้ามาเหรอคะ”
“เปล่า กลับไปเอาของมาแม่เลยฝากมาให้”
“ดีจังเลย ตุ๋นซี่โครงคุณหญิงป้าอร่อยที่สุดในโลกเลยค่ะ” ^^
“อืม” ผมพูดแค่นั้นก็ยกเบียร์ในมือขึ้นดื่มต่อแล้วก็สนใจบอลในจอส่วนยัยบ้านนอกก็เดินไปที่ห้องนอนของเธอหายไปพักใหญ่ก็ออกมาทำอะไรในครัวตามหน้าที่
“คุณเพลิง”
“อืม”
“คุณเพลิงจะกินที่โต๊ะหรือกินตรงนี้คะ”
“ตรงนี้” ผมตอบยัยบ้านนอกสายตาก็ยังจ้องบอลในจอ มันก็ไม่ได้สนุกหรอกแต่ผมไม่อยากมองหน้ายัยนี่ เห็นหน้าแล้วรำคาญตา
“ได้ค่ะ” เธอรับคำแล้วก็จะเดินไปหยิบจานอาหารมาให้ตามคำสั่ง
“ไม่เอาข้าวนะ”
“คะ?”
“แบ่งซี่โครงมาเป็นกับแกล้มก็พอ”
“อ่อ ได้ค่ะ...คุณเพลิง”
“อืม มีไร” ผมถามแล้วก็ยกเบียร์ขึ้นจิบโดยที่ยังไม่มองหน้าเธอเหมือนเดิม
“...ขอดื่มสักกระป๋องได้ไหมคะ”
“อะไรนะ?” คราวนี้ผมหันไปมองหน้ายัยบ้านนอกทันที อยู่ดี ๆ ก็มาขอดื่มสักกระป๋อง เพิ่งโดนด่าเรื่องหนีไปเที่ยวผับแล้วเมาไม่รู้เรื่องเมื่อไม่นานมานี้เองวันนี้กล้าดียังไงถึงขอดื่ม?
“พรีมเครียด ขอสักกระป๋องได้ไหมคะ...ครึ่งกระป๋องก็ได้” เธอบอกเหตุผลและพอมองหน้าให้ดีผมก็เห็นความเครียดจากใบหน้าของยัยบ้านนอกอย่างที่ปากเธอเพิ่งบอก
“เป็นอะไร”
“อนุญาตก่อนได้ไหมคะ ไม่อยากพูดถึงแต่ไม่ได้ดื่ม มันจะเครียดหนักกว่าเดิม”
“เธอแม่ง...ครึ่งกระป๋องพอ ไปเอาซี่โครงมาก่อน”
“ขอบคุณค่ะ” ^^ ยัยบ้านนอกยิ้มจนหาลูกตาไม่เจอ แต่ถามว่าสดใสเหมือนเมื่อวานไหมก็ไม่หรอก แค่ยิ้มเฉย ๆ
“แล้วจะรู้ได้ไงว่าถึงครึ่งกระป๋องแล้วคะ แล้วอีกครึ่งจะทำยังไงดี กว่าเขาจะหมักเบียร์ได้เนอะเสียดายแย่” ยัยบ้านนอกกลับมาพร้อมจานซี่โครงกับเบียร์อีกหนึ่งกระป๋อง พอนั่งลงเปิดกระป๋องเบียร์แถมยังยกขึ้นจิบเรียบร้อยก็ถามผม หึ ๆๆ เด็กมันได้คืบจะเอาศอกเลยถามว่าจะทำยังไงกับเบียร์ที่เหลือสินะ
“เดี๋ยวฉันจัดการเอง เป็นอะไรพูดมา”
“กินได้ไงพรีมกระดกไปแล้ว”
“ถ้างั้นก็เอาไปเททิ้ง”
“...คนรวยนี่เนอะ กินทิ้งกินขว้างได้ เฮ้อ~”
“ถ้างั้นก็ไม่ต้องกิน วางลง”
“แหะ ๆๆ เด็กแบบพรีมจิบสักครึ่งกระป๋องนี่กำลังดีมาก ๆ เลยค่ะคุณเพลิง” ^^
“เล่า”
“...”
“เร็ว ๆ” ทางนั้นหน้าเศร้าอีกรอบผมเลยสั่งให้เล่าเร็ว ๆ พรีรตามองหน้าผมก่อนจะเม้มปากตัวเองจากนั้นก็ยกเบียร์ขึ้นจิบเหมือนทำใจ
“...กระโปรงพรีมเปิดตรงหน้าตึกคณะ”
“อะไรนะ?”
“...กระโปรงพรีมเปิดหน้าตึกคณะค่ะ ตอนนั้นคนเต็มเลยเพราะเขาทำกิจกรรมหน้าคณะกัน คนเห็นเต็มเลยคุณเพลิง~” T^T
ยัยบ้านนอกย้ำและอธิบายให้ชัดเจน พอพูดจบก็เบะปากทำหน้าจะร้องไห้ออกมาส่วนผมพอได้ยินว่ากระโปรงเธอเปิดหน้าตึกคณะน่ะเหรอ?
“...อ่าส์~ ยัยปัญญาอ่อน” ผมได้แต่พ่นลมหายใจแล้วส่ายหน้า เรื่องแค่นี้มันจะเป็นอะไรวะ ทำหน้าอย่างกับมีปัญญาหนักมา ผมก็นึกว่าไปแอบมีแฟนหรือโดนเจาะไข่แดงแล้วทิ้งซะอีก
“ฮือ~ มันไม่ปัญญาอ่อนนะคุณเพลิง ลองคุณเพลิงมาเป็นพรีมที่กระโปรงเปิดจนคนเกินครึ่งคณะเห็นกางเกงในบ้างสิ~” T^T
ยัยบ้านนอกงอแงปนวีนพอพูดจบก็น้ำตาไหลนิดหน่อยมือเล็ก ๆ ของเธอเลยเช็ดน้ำตาตัวเองป้อย ๆ
“มันก็เหมือนใส่ชุดว่ายน้ำนั่นแหละน่า ปิดเทอมปีที่แล้วเธอยังใส่ชุดว่ายน้ำเล่นน้ำที่โรงแรมอยู่เลย”
“ฮือ~ คุณเพลิงไม่เข้าใจ มันไม่เหมือนกัน ใครต่อใครเห็นกันหมดเลย~” งอแงร้องไห้ไม่หยุดเลยว่ะ เอาไงวะ?
“อย่าร้องไห้สิวะ” ผมไม่รู้จะปลอบยังไงเลยได้แต่บอกออกไป
“ก็มันเครียดอ่ะ ฮื่อ ๆๆ พรีมเป็นนักศึกษาดีเด่น พรีมประพฤติชอบปฏิบัติดี อยู่ในศีลในธรรม มีคุณธรรม จริยธรรมมาตลอดแต่วันนี้ทุกคนพูดเรื่องที่เห็นกางเกงในพรีมกันหมด ฮึก! พรีมอาย ฮื่อ ๆๆ”
“ก็...ก็ดื่มก่อน ถ้าเครียดก็ดื่มเข้าไป” ผมจนปัญญาจะปลอบจริง ๆ ครับ สำหรับผมมันคือเรื่องปกติ เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็โพสรูปชุดว่ายน้ำกันทั้งนั้นเลยไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างปิดเทอมที่แล้วแม่พาไปเที่ยวทะเลยัยนี่ก็ใส่ชุดว่ายน้ำเดินรอบสระโรงแรมแบบไม่ได้อายใคร คนมองกันทั้งสระไอ้ฝรั่งที่นั่งไม่ไกลจากผมถึงขั้นเป้าแข็งต้องเอาผ้าเช็ดตัวมาคลุมเป้าไว้ด้วยซ้ำ
“ฮึก! จะดื่มได้ยังไงคุณเพลิงให้แค่ครึ่งกระป๋อง พรีมต้องค่อย ๆ ดื่มอย่างระมัดระวัง ฮื่อ ๆๆ”
“อ่าส์~ ดื่ม ๆ ไปเถอะ ถ้าเครียดมากก็ดื่มซะอนุญาตหนึ่งวัน”
“จริงนะ?” ทำไมมันหูผึ่งเร็วจังวะ
“อืม”
“ฮือ~ ใจดีที่สุดเลย~” พรีรตาชมผมแล้วก็ยกกระป๋องเบียร์ขึ้นกระดกอย่างกับคนกระหายน้ำทันที
อ่าส์~ สงสัยวันนี้ผมคงมียัยเด็กนี่เป็นเพื่อนดื่มแล้วล่ะครับ ช่างเถอะยัยนี่ดื่มเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกันเพราะผมมีเรื่องเซ็ง ๆ อยากดื่มไม่ต่างกัน...
-สามชั่วโมงต่อมา-
“คูนเพิง~
“อือ~” ผมขานรับยัยบ้านนอกที่นั่งดื่มเป็นเพื่อนผมจนตอนนี้ตาเยิ้มไปหมดแล้ว ไม่เยิ้มแค่ยัยนี่หรอกผมเองก็เยิ้ม พอผมขานรับยัยเด็กนี่ก็มองผมแล้วยิ้ม
“ขอบคูณน้า~ ถ้าคูนเพิงม่ายห้ายดื่มพีม อึก~ พีมเคียดแย่เลย~”
“หึ ๆๆ อืม” ผมหัวเราะแบบเมา ๆ ปกติคอแข็งแต่วันนี้เมาเพราะดื่มเบียร์กับเหล้าผสมกัน ตอนแรกก็ดื่มเบียร์แต่เบียร์เหลือแค่ไม่กี่กระป๋องเลยเปลี่ยนมาดื่มเหล้าแทนเพื่อยกเบียร์ทั้งหมดให้อีกคน ถึงจะไม่เมาเท่าเธอแต่ผมก็เมากว่าปกติ
ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแต่สายตายัยบ้านนอกของแม่เอาแต่มองผมแล้วก็ยิ้มด้วยสายตาเยิ้ม ๆ ของเธอ
“มีไร”
“ม่ายมีอาราย~ พีมแค่ดีจายที่ อึก! ที่คูนเพิงจายดี~ คูนเพิงรู้ม้ายว่าเวลาคูนเพิงจายดีกับพีมจากที่หล่ออยู่แล้วคูนเพิงก้อยิ่งหล่อมาก~”
“หึ ๆๆ เธอชมว่าฉันหล่อ?” ผมชี้ที่อกตัวเองเหมือนไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน คนเมาที่นั่งอยู่ที่โซฟาอีกตัวยิ้มแล้วขยับตัวแบบเซ ๆ ย้ายมานั่งที่โซฟาตัวเดียวกันกับผมจากนั้นก็เท้าคางตัวเองแล้วจ้องผม จ้องใกล้ ๆ ก่อนจะยิ้มจนตาหยี
“อื้อ คูนเพิงของพีมหล่อมาก~” ^^
“...”
“หล่อจีง ๆ น้า~ คูนเพิงของพีมหล่อที่สูดในโลกเลย~” ^^
“อืม ฉันรู้...ยัยบ้านนอกของฉันก็สวยมากเหมือนกัน”