“...”
“เป็นไงบ้างคะ” ^^
“ก็...อืม อร่อย”
“เผ็ดไหมคะ” ^^
“ก็... / แต่คุณเพลิงกินได้อยู่แล้วเนอะ คุณเพลิงเผ็ดกว่าน้ำยา” ^^
“อืม เผ็ดแค่นี้ใครจะกินไม่ได้วะ” ผมบอกยัpบ้านนอกแล้วก้มลงมองจานขนมจีนที่มีเส้นขนมจีนกับน้ำยาสีเหลือง ๆ มีผักที่มากับน้ำยาเยอะแยะเต็มไปหมดจนต้องเขี่ยออก
...หน้าตาของมันสำหรับคนอื่นอาจจะน่ากินแต่สำหรับผมมันคืออาหารที่โคตรไม่น่ากินแล้วแม่งยังเผ็ดฉิบหาย
อ่าส์! แค่คำแรกลมก็ออกหูผมแล้ว กินเข้าไปได้ยังไงกันวะ!
ความอร่อยที่ผมบอกยัยบ้านนอกอยู่ตรงไหนผมหาไม่เจอหรอก พูดไปงั้นเพราะพนักงานเดินมาเสิร์ฟไข่ต้มพอดี มันไม่มีความอร่อย ไม่มีอะไรเลยนอกจากความเผ็ด
...เผ็ด
...เผ็ดมาก
...เผ็ดมากเหี้ย ๆ
“โอเคค่ะ ได้ยินคุณเพลิงบอกอร่อยได้เห็นคุณเพลิงกินได้พรีมก็สบายใจ ไม่ขายหน้าแล้วที่พามา หืม~ ตีนไก่เปื่อยมาก~ ดีมาก~” ยัยบ้านนอกของแม่ตักขนมจีนจานของตัวเองเข้าปาก จะบอกว่าขนมจีนก็ไม่น่าใช่ผมว่ามันคือผักที่โดนราดด้วยน้ำยาขนมจีนแล้วมีขนมจีนคลุกมานิดหน่อยมากกว่า ใส่ผักสดสารพัดอย่างลงไปโคตรเยอะ กินลงไปได้ยังไงก็ไม่รู้ แล้วดูหน้าตาตอนเคี้ยว จะมีความสุขอะไรขนาดนั้นวะพรีรตา
“ไม่กินเหรอคะ” ยัยนี่เคี้ยวตุ้ย ๆ แล้วก็ถามผมไปด้วย
“...กิน”
“ก็กินสิคะ นั่งมองคนอื่นอยู่ได้”
“...”
“หรือว่าเผ็ดจนกินไม่ไหว”
“ใครกินไม่ไหววะ” ผมไม่ชอบการโดนสบประมาทยิ่งเป็นยัยเด็กนี่ผมยิ่งยอมไม่ได้จากนั้นก็ตักขนมจีนกับน้ำยาโง่ ๆ คำใหญ่เข้าปาก
...อ่าส์!!!
โคตรพ่อโคตรแม่คนทำมันปลูกพริกครั้งละร้อยไร่รึไงวะ!
ผมเผ็ดจนควันแทบออกหูแต่ก็พยายามเก็บอาการทางสีหน้าให้มากที่สุดไม่งั้นยัยบ้านนอกได้เยาะเย้ยผมตาย แต่ต่อให้จะพยายามเก็บสีหน้ายังไงความเผ็ดก็ส่งผลกับร่างกายอยู่ดีเพราะเหงื่อของผมเริ่มซึมออกมาอย่างรวดเร็ว
“คุณเพลิง”
“อะไร ซี๊ด~”
“เผ็ดมากเหรอคะ”
“ใครเผ็ด? / ถามอะไรไร้สาระ นรกแตกอะไรของเธอวะไร้ความรู้สึกเป็นบ้า” ผมบอกแล้วยืนยันคำพูดด้วยการตักเข้าปากอีกคำ
“อ้อ~ ถ้างั้นก็ชิมนี่ดูสิคะ อันนี้ก็อร่อยนะคะ” ^^
“อะไร?”
“ขนมจีนน้ำพริกไง” หน้าตามันดูเหมือนมีถั่วผสม ไม่มีสีสันความเผ็ดเท่าไหร่แต่ใครมันจะไปกินวะ แค่แกงไตปลานรกแตกจานนี้ผมยังแทบแย่ถ้าให้กินน้ำพริกอะไรนี่ลงไปอีกไส้ผมแหกเพราะความเผ็ดพอดี
“ไม่ล่ะ มันไม่น่ากิน”
“แต่มันอร่อยนะ ลองหน่อยสิคะคุณเพลิง”
“ไม่... / ไม่กล้ากินเหรอคะ?”
“...” ยัยบ้านนอกของแม่จะต้องโดนผมเอาคืนด้วยการกรอกพริกใส่ปากในสักวัน!
“ว่าไงคะ” ^^
“ใครไม่กล้าวะ” ผมตอบด้วยความรำคาญแล้วดึงจานขนมจีนน้ำพริกอะไรนั่นมาวางตรงหน้าซึ่งยัยบ้านนอกก็ยิ้มพอใจแถมยังหยิบจานขนมจีนแกงไตปลานรกแตกออกไปให้พ้นหน้าผม
แม่งเจตนาแกล้งผมชัด ๆ เดี๋ยวคอยดู กล้าแกล้งผู้มีพระคุณอาทิตย์นี้โดนหักค่าขนมแน่พรีรตา!
“กินเลยค่ะ” ^^
ผมโดนท้าทายด้วยรอยยิ้มใสซื่อศักดิ์ศรีที่ค้ำคอเลยทำให้ต้องจำใจหยิบช้อนมาตักขนมจีนในจานตรงหน้ากิน ผมไม่รู้ว่าส่วนผสมของน้ำยามันคืออะไรรู้แค่เนื้อของน้ำยาจานนี้ข้นกว่าจานแรกซะอีก จานแรกยังเผ็ดแทบหามส่งโรงพยาบาลแล้วจานนี้ที่ข้นขนาดนี้คงต้องหามส่งโรงพยาบาลจริง ๆ
อ่าส์!!!
ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วก็ยกช้อนเข้าปาก นรกของแท้อยู่ที่ปลายลิ้มผมแล้วล่ะครับ
“...”
“เป็นไงคะ” ^^ คนตรงหน้าถามผมด้วยรอยยิ้มในขณะที่ผมกำลังเคี้ยวอย่างตั้งใจ
“...อืม ใช้ได้” ผมตอบส่งเดชทั้งที่ความจริงมันอร่อยมาก ผมนึกว่าขนมจีนน้ำพริกมันจะต้องเผ็ดสมชื่อแต่ที่ไหนได้มันดันหวาน ๆ รสชาติกลมกล่อม ยิ่งกินหลังจากที่กินอะไรเผ็ด ๆ ก็ยิ่งอร่อยจนบรรยายไม่ถูก
“อร่อยใช่ไหมคะ แต่ถ้าผสมกับน้ำยากะทิอร่อยกว่านี้อีกนะคะ เสียดายที่พรีมกินไปแล้ว”
“เหรอ?”
“ค่ะ”
“ขอลองหน่อย ผสมยังไง”
“อยากลองเหรอคะ เดี๋ยวพรีมสั่งแค่น้ำยา...เอ้า! คุณเพลิงพรีมกินไปแล้ว” ยัยบ้านนอกทักท้วงแต่ผมไม่ได้สนใจ ผมยื่นมือไปตักน้ำยาขนมจีนในจานของเธอหน้าตาเฉย
“ต้องผสมยังไงราดลงแบบนี้เลยใช่ไหม” ผมถามแต่ไม่ได้รอเอาคำตอบเพราะถามไปด้วยทำไปด้วยตักน้ำยาเธอมาหลายช้อนจากนั้นก็ตักขนมจีนเข้าปาก ค่อย ๆ เคี้ยวแล้วก็พบว่ามันอร่อยอย่างที่ยัยบ้านนอกบอกจริง ๆ ผมกินเข้าไปอีกคำก็เริ่มสังเกตได้ว่ามีคนมองแล้วคนที่มองก็ไม่ใช่ใครหรอกเป็นคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม กำลังมองผมแล้วก็ยิ้มถูกใจ
“ยิ้มทำไม?” ผมถามด้วยน้ำเสียงรำคาญแต่ยัยบ้านนอกของแม่ก็ยังยิ้มจนตาหยี
“ไม่มีอะไรค่ะ แค่ดีใจที่พาคุณเพลิงมาร้านนี้แล้วไม่ขายหน้า กินเยอะ ๆ นะคะมื้อนี้พรีมเลี้ยงไม่อั้นเลย” ^^
“หึ! มันก็แน่อยู่แล้ว ฉันบอกแล้วว่าเธอต้องเลี้ยง”
“ค่า~ ถ้างั้นแกงไตปลาจานนี้พรีมขอนะคะ”
“เอาไปทำอะไรฉันกินแล้ว เอามา” ผมยื่นมือจะไปแย่งทั้งที่ความจริงโคตรไม่อยากได้มันกลับคืนมา ขืนไม่ทำอะไรยัยนี่ได้คิดว่ากินแกงไตปลานรกแตกของเธอไม่ได้กันพอดี
“ไม่ให้ค่ะ พรีมอยากกินแกงไตปลา”
“...มันเผ็ด เด็กอย่างเธอกินไม่ไหวหรอก”
-*-
“ผู้ใหญ่อย่างคุณเพลิงก็กินไม่ไหวเหมือนกันนั่นแหละ”
“พรีรตา ฉันกินได้ เอาคืนมาซะแล้วเอาจานนี้ไปเลย”
“ไม่ค่ะ พอ ๆๆ เราเลิกแข่งเรื่องกินเผ็ดกันดีกว่า พรีมว่าคุณเพลิงชอบจานนี้มากกว่า กินจานนี้เถอะนะคะ พรีมอยากให้คุณเพลิงมีความสุขกับอาหารมื้อแรกในชีวิตที่พรีมเลี้ยงคุณเพลิง” ^^
“...”
“นะคะ เงินที่เอามาเลี้ยงเป็นเงินจากการทำงานพิเศษก้อนแรกของพรีมเลยนะ”
“...อืม เธอก็กินซะจะได้รีบกลับ ข้างนอกมันร้อนจะตายห่า” ผมตอบเธอจากนั้นก็ก้มหน้ากินขนมจีนน้ำพริกที่เด็กนี่สั่งให้โดยที่ผมพยายามไม่มองหน้าตาที่มีแต่รอยยิ้มของเธอเพราะมันเริ่มน่ารำคาญแล้ว
ไม่รู้จะยิ้มอะไรนักหนา ยิ้มจนผมรำคาญไม่อยากมอง คิดว่ายิ้มเยอะ ๆ แล้วจะทำให้สวยกว่านี้รึไงวะยัยบ้านนอก ยิ้มให้ตายมันก็เหมือนเดิมนั่นแหละ...ก็สวยมากเท่าเดิมอยู่ดี
-วันต่อมา-
“พรีม”
“ว่าไงจ้ะ” ฉันยิ้มหวานพร้อมกับถามปิ๊งรักแต่ก็พอจะรู้ว่าเพื่อนต้องมีเรื่องอะไรที่อยากถามแน่ ๆ
“เมื่อวานคุณเพลิงเขาไปอาละวาดที่งานมาเหรอ เห็นเพื่อนอีกคนที่ไปงานนั้นบอกมาว่าหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทมาอาละวาดเพราะพี่เนยด่าแฟนเขา”
“ฮะ! แฟนเขา? เรานี่นะปิ๊ง!” ตอนแรกตั้งใจฟังแต่ตอนนี้ไม่อยากฟังเลย รับไม่ได้เลยกับคำพูดที่หมายความว่าฉันเป็นแฟนคุณเพลิงนรก รับไม่ได้อย่างแรงถึงจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็ตาม!
“อื้อ แต่ไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าโลกจะกลมขนาดนี้ เราไม่เคยรู้เลยว่าหุ้นส่วนใหญ่ของคุณพิชชี่จะเป็นคุณเพลิงของพรีม”
OoO!
นอกจากคำว่า แฟนเขา ก็ยังมีคำว่า คุณเพลิงของพรีม กระแทกหูให้แสลงใจอีกเหรอ bad day วันนี้มัน bad day มาก!
“เดี๋ยวก่อนปิ๊ง อย่าเพิ่งพูดอะไรต่อ เรามาเคลียร์กันก่อน เราไม่ใช่แฟนคุณเพลิง แล้วคุณเพลิงก็ไม่ใช่ของเรา” เสียงฉันน่าจะเอาเรื่องมากปิ๊งรักถึงได้ยิ้มอ่อน ก็เพื่อนรู้อยู่เต็มอกว่าคนอย่างพรีรตาอยากโยนคุณอัคนีคนนั้นกลับบ้านเก่าอย่างนรกโลกันต์แค่ไหน
“เขาว่ากันมาเราไม่ได้พูดเองซะหน่อยนะพรีม”
“ไม่รู้ล่ะแต่ห้ามพูดแบบนี้ให้เราได้ยินอีกเด็ดขาด แล้วถ้าปิ๊งไปได้ยินใครพูดแบบนี้อีกก็บอกให้ทุกคนเข้าใจเลยว่าไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเจ้านายมั่นหน้ากับขี้ข้าจำใจ”
“เกิดอะไรขึ้นสาว ๆ ทำไมทำหน้าเครียดกันจัง” กีวี่เพิ่งมาถึงพอนั่งลงที่โต๊ะก็ถามขัดจังหวะการสนทนาทันทีปิ๊งรักก็เลยเล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น หันไปคุยกับกีวี่เพื่อเบรคอารมณ์ฉันนั่นล่ะ
“พี่เขาห่วงแกนะ” กีวี่ฟังเรื่องทั้งหมดจบก็บอกออกมา ฉันได้ยินแบบนี้ก็เหวอสิคะคุณเพลิงนรกไม่ได้ห่วงค่ะ เขาแค่รู้สึกเสียหน้าที่ฉันโดนคนอื่นด่า แถมยังร้องไห้ด้วยทั้งที่กับเขาฉันเถียงฉอด ๆๆ เป็นประจำเขาเลยยิ่งโมโหแบบพิเสษใส่ไข่
“ไม่ใช่เลย เขาแค่โมโหที่คนอื่นมาด่าเรา เขาไม่อนุญาตให้ใครด่าเรานอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น”
“ใช่เหรอ? มันแปลก ๆ นะ เหตุผลที่แกคิดมันย้อนแย้งรึเปล่า จำเป็นต้องปกป้องแกขนาดนี้แค่เพราะอยากเก็บไว้ด่าคนเดียวด้วยเหรอ” กีวี่ยังถามเหมือนเดิม สีหน้าเพื่อนก็คือติดอยู่กับความสงสัยมาก ๆ
“ไม่ย้อนแย้งหรอก คุณเพลิงนรกเขาก็เป็นแบบนี้แหละ แกไม่ต้องสงสัยหรอกเพราะในโลกนี้ยังมีอีกหลายนิสัยที่คนอย่างเราเข้าไม่ถึงพวกคนรวยจ้ะกีวี่เพื่อนรัก” ^^
“เหรอ?”
“อื้อ” ฉันพยักหน้ารับทันที
“อืม...จะพยายามปักใจเชื่อตามที่แกบอกนะ ต่อให้ฉันจะรู้สึกว่าเขาปกป้องแกแบบนั้นเพราะรู้สึกพิเศษกับแกก็ตาม”
“บ้าแล้วแก เขาจะมารู้สึกอะไรอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน คนแบบคุณเพลิงถ้ารู้สึกนะป่านนี้เราเป็นเด็กเขาไปแล้วไม่ซิงจนถึงวินาทีนี้หรอก” ฉันพูดไปยิ้มขำไปด้วย
“อื้ม ก็ดีแล้วที่เขาไม่รู้สึกอะไร แกก็เหมือนกัน อย่าไปรู้สึกอะไรกับเขาล่ะ มันจะเจ็บตัวเปล่า ๆ”
“ค่า~ ไม่ต้องห่วงเลยค่ะคุณแม่ พรีมไม่มีทางคิดอะไรกับคนแบบนั้นหรอกค่ะ” ^^
-เวลาต่อมา-
“อ้าว มาทำอะไรที่บ้านเวลานี้ลูก”
“ผมลืมของไว้ที่บ้านน่ะครับ วันนี้ไม่ไปไหนเหรอครับ”
“เย็น ๆ จ้ะ แล้วนี่จะไปเลยรึเปล่าลูก”
“ครับ”
“รีบมากรึเปล่า แม่ทำซี่โครงหมูตุ๋นน้ำแดงไว้กำลังจะได้ที่เลย เพลิงรอสักสิบห้านาทีได้ไหม”
“อ้อ ได้สิครับ”
“โอเค ถ้างั้นฝากหน่อยนะนอม อีกสิบห้านาทีตักใส่กล่องให้ตาเพลิงที เอาเยอะ ๆ เลยของชอบทั้งสองคน”
“ได้ค่ะคุณผู้หญิง” น้านอมรับคำสั่งของแม่แล้วเดินไปที่ครัวส่วนผมหยิบของที่มาเอาเรียบร้อยแล้วก็เลยนั่งเล่นกับแม่เพื่อรอซี่โครงตุ๋นของท่าน
“เพลิง”
“ครับ”
“แม่รู้เรื่องเมื่อวานแล้วนะ” คำพูดราบเรียบของแม่ทำผมยกคิ้มขึ้นข้างหนึ่ง
“ใครบอก ยัยบ้านนอกโทรฟ้องเหรอครับ”
“น้องไม่ใช่คนขี้ฟ้อง คนของแม่อยู่แถวนั้นพอดีต่างหาก”
“อ้อ” ผมพยักหน้ารับ ไม่ได้ติดใจอะไรหรอกว่าใครจะเป็นคนบอกท่าน
“ขอบใจนะลูกที่เพลิงปกป้องหนูพรีม” เสียงแม่อบอุ่นสายตากับรอยยิ้มก็ดูมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำ ทำให้ผมยิ้มขำออกมา
“หึ ๆๆ ไม่ปกป้องได้ไงครับ ขืนไม่ทำอะไรแล้วเรื่องถึงหูแม่แม่ได้ฆ่าผมพอดี อ่าส์~ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ผมว่าเราคุยกันแบบเปิดใจเถอะนะครับ แม่คิดว่าผมไม่รู้รึว่าแม่จะเอาเด็กนั่นมาเป็นลูกสะใภ้”ผมพูดแล้วก็ยิ้มอย่างรู้ทันแม่
“แก...แกว่าอะไรนะตาเพลิง” แม่ดูตกใจกับสิ่งที่ผมพูดจนถึงกับถามซ้ำผมเลยได้แต่ยิ้มขำ
“ผมบอกว่าผมรู้ไงครับ รู้มาตั้งนานแล้วว่าแม่จะเอายัยบ้านนอกของแม่มาเป็นลูกสะใภ้”
“แก...คิดแบบนั้นเหรอ” แม่ถามช้า ๆ สีหน้ามีแต่ความคาดไม่ถึง
“ครับ ผมว่าถึงเวลาที่เราต้องคุยกันตรง ๆ แล้วครับแม่... / แกใช้อะไรคิดตาเพลิง”
“ครับ?” ผมยังพูดไม่จบ อยากจะชวนแม่เปิดใจคุยกันแต่แม่ก็พูดแทรกมาซะก่อน น้ำเสียงสีหน้าตกใจคาดไม่ถึงยังไม่หายไปแต่คำถามของท่านทำผมหยุดชะงัก
“แม่ถามว่าแกใช้อะไรคิด? แกคิดว่าแม่จะเอาหนูพรีมมาเป็นลูกสะใภ้เหรอ? ตาเพลิงแม่มีลูกชายคนเดียวนะลูก แม่จะเอาหนูพรีมมาเป็นลูกสะใภ้ได้ยังไง”
“ก็... / ลูกรัก แม่ทะนุถนอมหนูพรีมอย่างดีมาตั้งหลายปีก็จริงแต่แม่ไม่เคยมีความคิดจะเอาหนูพรีมมาเป็นลูกสะใภ้เลยนะลูก”
“ก็ผม.../ แกคิดแบบนั้นได้ยังไง ทำไมสิ้นคิดแบบนี้ แกคิดว่าแม่จะเอาหนูพรีมของแม่โยนลงไปในปากไอ้สำส่อนอย่างแกเหรอ?”