ที่โรงเรียน
ผมและบล็อกตี้เดินเข้ามาในโรงเรียนเข้ามาส่งลูกข่างหน้าอาคารเรียนโดยมีครูประจำวันเข้าเวรหน้าโรงเรียนตามหน้าที่ วันนี้ผมไม่เห็นครูประจำชั้นของลูกข่างคาดว่าวันนี้คงไม่ได้เข้าเวรหน้าโรงเรียนวันนี้ ครูท่านหนึ่งเข้ามารับนักเรียนพร้อมทักทายผมกับบล็อกตี้ ครูสาวสวยสวมแว่นท่านนี้ดูกันเองและเป็นมิตรไม่เหมือนครูคนอื่น ครูตรงหน้าถือว่าเป็นครูใหม่เข้ามาทำงานไม่ถึงสองปีเท่ากับครูชฎาพร เข้าใหม่เหมือนกันภายใต้รอยยิ้มจะรับแรงกดดันได้ไหมเนี่ย ผมเป็นห่วงแทนครูเขาเลย
“ไม่ต้องห่วงนะคะ นักเรียนอยู่ในเซฟโซนที่ดีแล้ว วางใจได้เลยค่ะ”
ครูนันทนินทร์เป็นครูสอนคณิตศาสตร์เช่นเดียวกับครูชฎาพร ความใจดีถือว่าสูสีกัน บางทีแรงดึงดูดคนตรงหน้าครั้งแรกสามารถทำให้ผมวางใจว่าเธอดูไม่มีพิษภัย แต่ชะล่าใจไม่ได้
“ครับ ปกติผมก็ดูแลเด็กไม่ถึงเก่งมากแต่ต้องปลอดภัยที่สุดครับ”
“เขาเป็นน้องคุณเหรอคะ”
“ครับครู ยังไงก็ขอให้อยู่ในความดูแลนะครับ ผมเชื่อว่าโรงเรียนคือสถานที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว” ผมวางใจที่จะให้โรงเรียนและคุณครูทุกท่านมอบความปลอดภัยให้กับนักเรียนเสมอ ผมถือว่าเป็นผู้ปกครองออกแนวเป็นห่วงมากเกินไปหรือเปล่า แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้จริง ๆ คนอื่นจะหาว่าผมสปอยลูกก็ไม่สนหรอก เขาไม่มาสนใจหรอกแค่นินทาแต่ถ้าดูแลก็ลูกใครลูกมัน
“บล็อกตี้ ชีวิตแกก็ต้องผ่านวัยเรียน เห็นสถานที่นี้ชินตาทุกคน แกจะกลัวทำไม ทำเหมือนมีคนไม่ชอบหน้าไปได้” ผมแปลกใจว่าทำไมบล็อกตี้ถึงดูไม่ค่อยอยากเข้าโรงเรียน ดูหวาดกลัวเล็กน้อยแต่ไม่ใช่ออกอาการมากถึงขั้นกรีดร้องโวยวาย เรื่องนี้ผมสงสัยมาสักพักแต่ไม่กล้าถาม กลัวจะดูไม่ดีกับสภาพจิตใจเขาสักเท่าไหร่
“เราไม่ได้กลับมาโรงเรียนนานก็เลยทำตัวไม่ถูก”
“โรงเรียนก็เหมือนลูกค้า หมดวาระเรียนจบก็ออกไป ไม่แปลกที่กลับมาแล้วทำตัวไม่ถูกเพราะรุ่นน้องที่รู้จักก็จบตามไปหมดแล้ว” ผมเห็นอาการของบล็อกตี้ก็สบายใจเพราะการที่เขากลับมาโรงเรียน แม้จะไม่ได้เรียนที่เดียวกับผมแต่การทำตัวไม่ถูกก็ปกติ กลับมาผมยังกลัวแทนเลยว่าจะมีครูท่านไหนเล่าวีรกรรมผมให้คนอื่นฟัง ดีหน่อยที่เขาไม่ได้พูดอะไรมาก
“ปอนด์ จะว่าไปตอนเรามาประชุมผู้ปกครอง ปอนด์เห็นครูชฎาพรปกติดีไหม”
“ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง”
ผมแปลกใจว่าบล็อกตี้มีปัญหาอะไรกับครูชฎาพรหรือเปล่าถึงถามเหมือนว่าครูซ่อนร่างปิศาจไว้ในร่างกายไม่แสดงให้คนอีกฝ่ายเห็น ผมว่าเขากำลังระแวงและคิดอะไรประหลาดจนผมขนลุก ทั้งที่ผมคิดมาตลอดว่ามันไม่มีอะไรอยู่แล้ว
“ตอนปอนด์ไปประชุมผู้ปกครองทำไมเขาถึงไม่คุยกันที่ห้องเรียนที่เด็กอยู่ล่ะ เหมือนห้องเรียนมีอะไรปิดบังอยู่”
“โรงเรียนก็บอกแล้วไงว่าช่วงนั้นห้องทาสีใหม่และปรับปรุงอยู่ ก็เลยย้ายไปอีกห้องหนึ่ง”
“แล้วทำไมเขาต้องเลือกทำวันที่มีงานโรงเรียนด้วยล่ะ หรือห้องเรียนนั้นมีอะไรปิดบังน่าสงสัยล่ะ” ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังคิดมากหรือระแวงเกินควรหรือเปล่า แต่ผมสงสัยแบบนี้จริง ๆ แต่ปอนด์เหมือนไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติ ความคิดมากของผมกำลังส่งต่อความไม่สบายใจหรือเปล่า
“บล็อกตี้ ผมว่าอาการคุณมันหนักเหมือนกันนะ คูณไม่ต้องกลัวนะ ผมจะพาคุณรักษาอาการให้หาย”
“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรนะ”
“บางทีเราอาจจะเป็นอะไรไม่รู้ตัวก็ได้ แค่ไม่มีใบรับรองแพทย์เท่านั้นเอง ยังไงอย่าเครียดมากนะช่วงนี้ผมเป็นห่วง” ผมไม่อยากให้บล็อกตี้กลายเป็นคนคิดมากและระแวงอะไรไม่มีเหตุผล ผมว่าเขาพักผ่อนไม่เพียงพอถ้าไม่มีอะไรมาก พักผ่อนและใช้ยาสักหน่อยก็หายดีแล้ว
“ปอนด์ดีกับเรามากเลยนะ เหมือนเป็นเซฟโซนและเป็นไมโครเวฟที่ทำให้เราอบอุ่นเสมอ”
“ผมทำให้คุณอบอุ่นจนร้อนได้เลยนะ” ผมเป็นผู้ชายอบอุ่นที่ทำให้บล็อกตี้ร้อนได้เลย เวลาเขาไม่สบายใจแค่เรียกผมทุกอย่างก็จบในชีวิตนี้
หลังจากนั้น
ในขณะที่ผู้ปกครองของลูกข่างเดินออกจากโรงเรียนไปแล้ว อีกด้านหนึ่งของโรงเรียน ชายคนหนึ่งในชุดนักศึกษารูปร่างสมส่วน ตัวสูงหน้าใสออกตี๋เดินมาตามทางเดินไปทางอาคารเรียนพร้อมถือถาดพลาสติกขนาดใหญ่ที่มีแก้วน้ำพลาสติก แก้วแต่ละใบมีน้ำหวานหลายรสชาติใส่พร้อมน้ำแข็ง แก้วไม่ใหญ่มากขนาดหยิบมือเด็กและตรงตามปริมาณการดื่มของเด็กได้ดี ถือว่าคิดมาให้นักเรียนโดยเฉพาะ
“ฉายหลิง”
ครูชฎาพรเดินออกมาจากอาคารเรียนเห็นนักศึกษาฝึกสอนอย่างฉายหลิง เขาเป็นรุ่นพี่ที่ส่งมาจากมหาวิทยาลัยตัวเมืองเข้ามาฝึกสอนที่โรงเรียนนี้ เขามาสอนในรายวิชาสุขศึกษาพลศึกษา ฉันคงเป็นครูที่ปรึกษาให้ไม่ได้เพราะไม่ตรงตามรายวิชาที่เขาเรียนมา แต่ฉันก็ถือว่าเขาดูทรงเข้ากับทุกคนได้ดี ก็เลยวางใจและเขาไม่มีพิษภัยแน่นอน
“ครับครู”
“ขอบคุณมากนะที่ไปรับน้ำจากโรงอาหารมาให้”
“ปกติผมก็ชอบของแบบนี้อยู่แล้วครับ ครูเองก็ชอบเช่นกัน กาแฟเย็นทุกเช้าบางทีก็ชาเย็น ผมนึกว่าครูเป็นเจ้าแม่บาริสตี้แล้ว”
“เธอก็พูดไป อาชีพเก่าก่อนมาเป็นครูก็ตรงตามที่เธอพูดนั่นแหละ” ฉันไม่คิดว่าฉายหลิงจะตาถึงขนาดมองฉันว่าฉันเคยเปิดร้านกาแฟมาก่อน มันเป็นเรื่องจริงฉันยอมรับอยู่แล้ว ฉันรับน้ำจากฉายหลิงและสิ่งนี้มันเป็นนโยบายของทางโรงเรียน เพราะการเรียนรู้ต้องไม่ง่วงซึม เวลาเรียนทุกคาบสามารถกินขนมและเครื่องดื่มได้ ระบบความคิดไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว ใครกินขนมในคาบถือว่าไม่มีมารยาทมันใช้กับยุคนี้ไม่ได้ ในขณะที่ทุกวันนี้นักเรียนกับครูแทบเท่าเทียมกันแล้ว อะไรปล่อยได้ก็ปล่อย กลัวจะเป็นข่าวเรียกรถทัวร์มาจอดคาบ้านไม่รู้ตัว
“ครูพยายามคิดรอบคอบกลัวรถทัวร์มาจอดไม่รู้ตัว เดี๋ยวฉายหลิงมาช่วยครูยกของออกจากรถหน่อยนะ” ผมรับคำสั่งจากครูชฎาพร ก่อนจะเดินตรงไปที่รถยนต์ของครู ผมเดินมาตรงรถแล้วรองเท้าผมเผลอไปเตะโดนยางรถครู ผมนี่ซุ่มซ่ามเสียจริง เดินยังไงเท้าไปเตะโดนยางรถแข็งแรงกว่าเหล็กจนเท้าผมเจ็บปลายเลย
“ไม่เป็นไรใช่ไหม ความซุ่มซ่ามมันมีกันทุกคนอยู่แล้ว ไม่แปลกหรอก” ฉันจะเป็นคนไม่ต่อว่าเรื่องเล็กน้อยให้เขาสะเทือนใจหรอกแต่ว่ายางรถครูแข็งแรงจริงจนเท้านักศึกษาอย่างฉายหลิงยังทนความเจ็บไม่ได้
“ว่าแต่ยางรถครูแข็งแรงเหมือนกันนะครับ โดนของแบบนี้ยังไม่เป็นไรเลย” ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่างตรงยางรถยนต์ของครู มันโดนอะไรบางอย่างมาระหว่างวิ่งบนถนน ผมยังตกใจเลยเพราะว่ายางรถยนต์จะแข็งแรงกับพื้นถนนแค่ไหน แต่ยังไงมันก็ต้องพ่ายแพ้กับของบางอย่างอยู่ดี เหมือนคนเรามีวิชาเก่งแค่ไหน สุดท้ายต้องมีอะไรบางอย่างมาทำให้พ่ายแพ้อยู่ดี
“เธอตาดีเหมือนกันนะ”
“ผมถือว่าแปลกไหมสายตาดีเหมือนเหยี่ยวเลย” ผมไม่รู้ว่าผมมีพลังวิเศษอะไร สายตามนุษย์แบบผมมองไกลกว่าเหยี่ยวนับร้อยตัวไปแล้ว หรือมันเป็นพลังวิเศษที่พระเจ้าสร้างตัวผมมาแบบนี้ แต่เอาเถอะมันคงไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าไหร่แค่แปลกใจกับสิ่งที่เห็นเท่านั้นเอง
“ปกติครูแจกน้ำให้นักเรียนทุกคาบเลยเหรอครับ”
“ของแบบนี้เด็กชอบมากเลยนะ ดีกว่าน้ำเปล่าอีก” ฉันพูดกับฉายหลิงด้วยประโยคนี้ เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยเพราะฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบพูดตลกบ้างไม่ตลกบ้าง ถ้ามีคนคล้อยตามก็ถือว่ามุกตลกฉันสำเร็จแล้ว
“ฉายหลิงมีงานอะไรก็ไปทำต่อเถอะ ครูโลมาเรียกใช้งานขัดสระว่ายน้ำอีกไหม”
“เรื่อย ๆ ครับ โรงเรียนนี้สระว่ายน้ำกว้างมาก ผมชอบเลย” ผมมาฝึกสอนวิชาสุขศึกษาพลศึกษาแทบทำอะไรทุกอย่างโดยที่ไม่บ่นเลยแม้แต่คำเดียว ถือว่าผมได้ทำตามความฝันตั้งแต่เป็นว่าที่แล้ว ผมแยกย้ายกับครูชฎาพรก่อนจะไปทำงานต่อทันที เดี๋ยวผู้อำนวยการจะสวดผมยับ
ที่ห้องเรียน
“สวัสดีครับครูชฎาพร”
ฉันเดินเข้าไปในห้องเรียนประถมสี่ ห้องนี้ถือว่าเป็นนักเรียนที่คุ้นตาอยู่แล้ว ฉันเป็นครูประจำฉันห้องนี้ เห็นหน้านักเรียนหลายคนจนชินตาแล้ว เหมือนว่าเด็กทุกคนเป็นสมาชิกในครอบครัวฉันทั้งหมด ต่อให้ฉันจะมีเรื่องไม่สบายใจแต่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้นักเรียนเห็นว่าฉันสู้ดีเสมอ เช่นเดียวกับตอนนี้ นักเรียนทุกคนต้อนรับและทักทายวันใหม่เหมือนทุกวันเวลาอยู่ในโรงเรียน พวกเขาเห็นขนมและเครื่องดื่มแล้วถือว่าเป็นสิ่งล่อตาที่เด็กทุกคนชอบที่สุดแล้ว
ลูกข่างมักจะเป็นเด็กคนหนึ่งชอบมองไปที่โต๊ะหลังห้องเสมอ มันเหมือนมีอะไรดึงดูดผมเสมอ โต๊ะเรียนทำจากไม้วางไว้หลังห้องตัวเดียว ใต้โต๊ะจะมีของชิ้นหนึ่งที่ผมต้องการใช้มันแต่ผมไม่มีสิทธิ์ใช้เพราะมันสามารถตอบโจทย์การทุนแรงของผมได้
“ลูกข่าง”
ผมตกใจเมื่อเสียงของเพื่อนรักผมอย่างก้านไม้สะกิดให้ผมหันมา แทบจะดึงตัวผมกลับมาให้ได้แล้ว ผมตั้งสติและมองคนตรงหน้าอีกครั้งผมเห็นเพื่อนผมยิ้มหวาน รูปลักษณ์ของเขาทำผมใจละลายมาก ผมยาวแต่ไม่มากเหมือนผู้หญิง แต่เขาเป็นผู้ชายตัวผอมหน้าหวาน ดูท่าทางจะชอบทำให้ผมมีความสุขมากที่สุด
“ว่าไง”
“เป็นอะไรหรือเปล่าชอบมองไปด้านหลังห้อง” ผมสงสัยมาสักพักแล้วว่าทำไมลูกข่างชอบมองไปหลังห้องตรงโต๊ะตัวเดียวที่ชิดไว้เสมอ มันเหมือนว่าเขากำลังมองของที่อยู่ใต้โต๊ะไม่หลบสายตาไปไหน ผมเห็นแล้วว่าเขามองอะไรแต่ก็ไม่กล้าหยิบเช่นกัน
“ไม่มีอะไรหรอกเรา...”
“อยากได้วงเวียนเหรอ เรามีให้นะ” ผมเห็นว่าลูกข่างต้องการวาดวงกลม มันไม่มีมนุษย์คนไหนวาดวงกลมด้วยมือแล้วจะกลมทุกประการไม่มีบิดเบี้ยวหรอก ใช้วงเวียนเป็นเครื่องทุ่นแรงได้ทันที แต่เหมือนลูกข่างเขาไม่ต้องการหรือไม่กล้าใช้ผมก็อธิบายไม่ถูก มองหน้าเขาด้วยความแปลกใจหลบสายตากันไปมาเหมือนเล่นซ่อนหากัน
“นักเรียนคะ เดี๋ยวก่อนเริ่มเรียนมารับน้ำและขนมจากครูก่อนนะคะ” ฉันอยากให้เด็กได้กินอะไรอร่อย ๆ ก่อนเริ่มเรียนเสมอ แล้วบทเรียนที่เด็กชอบในวิชาคณิตศาสตร์ ก็เป็นเรขาคณิตเพราะบูรณาการกับวิชาศิลปะ การปลดปล่อยให้เด็กคนหนึ่งวาดรูปมอบจินตนาการปลายเปิด ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดโดยไม่มีการปิดกั้น
“เครื่องดื่มในแก้วครูไม่ได้มีเตรียมให้เยอะ มีมาให้แล้วเลือกกันได้เลยนะคะ” ปกติทางโรงอาหารจะเทน้ำมาให้เลย หลายแก้วหลายรสชาติแม้จะให้เลือกไม่มาก แต่ทุกรสชาติเด็กชอบอยู่แล้ว ถ้าให้ฉันเดาใจนักเรียนบางคน ลูกข่างชอบดื่มนมเย็น ก้านไม้ชอบชาเขียวเพราะเขาชอบดื่มน้ำเต้าหู้ชาเขียวมาก เอาเป็นว่าเห็นแบบนี้แล้วพอจะเดาใจเด็กออกอยู่
“ค่อย ๆ กินนะนักเรียน เดี๋ยวติดคอ” ขนมเค้กถือว่าเป็นอะไรที่เด็กชอบแต่ว่าช่วยเคี้ยวก่อนกลืนด้วย ฉันเป็นห่วงความปลอดภัยกลัวขนมติดคอ ตามประสาเด็กชอบกินและเคี้ยวเร็ว ฉันก็เลยต้องเตือนและให้คำแนะนำเสมอ
ระหว่างคาบเรียน ฉันเริ่มสอนแล้วเข้าเนื้อหาให้เห็นรูปเรขาคณิตแต่ละรูปว่าในทางคณิตศาสตร์มีอะไรบ้าง จะได้เรียกชื่อและทำความเข้าใจถูก การสอนของฉันไม่ชอบให้ท่องจำสูตรนั่นนี่ให้เปลืองหัว แต่อยากให้สนุกไปกับมันวิชานี้จะได้ไม่น่าเบื่อ
“เดี๋ยวครูอยากให้นักเรียนวาดรูปสิ่งที่เหมือนกับรูปเรขาคณิตนะคะ ใครชอบอะไรประยุกต์วาดกับของสิ่งนั้นนะคะ” ฉันค่อย ๆ อธิบายอย่างใจเย็นและทำให้เด็กเข้าใจจะได้เข้าใจตรงกัน ส่งงานแล้วจะได้ไม่ต้องแก้ให้มาก ฉันเป็นคนไม่ชอบอะไรที่ต้องแก้ไขเยอะ เป็นคนช้าแต่ถูกต้อง ดีกว่าเร็วแต่ผิดพลาด
ต็อก ๆ ๆ
“ลูกข่างชอบวาดวงกลมเหรอ”
ผมสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าเวลาวาดรูปในงานทุกงานจะมีวงกลมซ่อนไว้เสมอ เช่นเดียวกับตอนนี้ เขาชอบวาดวงกลมมากจนผมคิดว่าเขาเป็นผู้คิดค้นเรขาคณิตรูปนี้ตัวจริงมาคุยกับผม แต่มันน่าแปลกเหมือนกันนะที่เขาชอบวาดวงกลมสีแดงและไม่เต็มวง คือวาดให้กลมด้วยมือยิ่งกว่าวงเวียนกลมทุกประการเพียงเส้นขาดหายทุกวง ทำเหมือนวงกลมไม่เต็มวงผิดหลักทฤษฎีของมันไปครึ่ง
“เราก็ไม่ได้ชอบมากหรอก แต่เราชอบรูปทรงนี้”
“สรุปชอบหรือไม่ชอบเนี่ย ว่าแต่วงกลมของนายต้องเป็นสีแดงและไม่เต็มวง เส้นขาดด้วย” ผมว่าคำถามที่ผมสงสัยยังคาใจไม่หายเพราะมันทำให้ผมแอบขนลุก วงกลมสีแดงเหมือนเลือดทำผมหวั่นใจกลัวจนคิดไปเอง แต่มันลงด้วยปากกาเมจิกเท่านั้น ไม่ใช่เลือดจะกลัวไปทำไมไม่รู้
“เอ่อ... ไม่รู้สิก้านไม้”
“แล้วนายชอบแบบไม่มีเหตุผลได้ยังไงเนี่ย” ผมว่ามันแปลกมากนะที่เด็กคนหนึ่งจะชอบอะไรไม่มีเหตุผลราวกับอธิบายไม่ถูกแต่รู้สึกดี และอีกอย่างเขาชอบตอกปลายแหลมวงเวียนเกิดเสียงรบกวนไปด้วย แต่ปลายแหลมมันเอาไว้ยึดจุด ส่วนด้านที่เป็นดินสอกดไว้วาดวงกลมให้หมุนวนบรรจบกัน แต่ทำไมเหมือนเขาใช้ไม่เป็นทั้งที่วาดได้
ต็อก ๆ ๆ
โครมม
ผมตกใจเมื่อแก้วน้ำของลูกข่างล้มลงงานจนเปียกไปทั้งโต๊ะ มันไม่ได้ล้มลงเพราะมีมือผมหรือเขาไปปัดโดน แต่มาจากเพื่อนที่นั่งโต๊ะตรงข้ามยิงหนังสติ๊กให้มันล้มเต็มแรงทำให้น้ำหกใส่งานลูกข่างเปียกไปหมด
“เวกเตอร์”
เวกเตอร์เด็กตัวผอมหน้าตาแบดบอยใส่ต่างหูตั้งแต่เด็ก เพราะหน้าตาแบดบอยมากเหมือนนักเลงทำให้เพื่อนในห้องไม่กล้าเข้าใกล้ หน้าตาติดลบแล้วนิสัยยังติดลบอีก ผมไม่ชอบให้ลูกข่างมาตอกปลายแหลมวงเยนเสียงดังรบกวนผม มันหลายครั้งแล้วเวลาเขาจับวงเวียน ทำเหมือนบ้านไม่มีของแบบนี้ให้เล่น ผมทนไม่ไหวยิงหนังสติ๊กใส่แก้วน้ำให้ล้มลงงานจะได้ไม่ต้องมีงานส่งครูชฎาพร
“เวกเตอร์ มันจะมากไปแล้วนะ”
ครูชฎาพรเดินเข้ามาดูเหตุการณ์พบว่าน้ำหกไปทั้งโต๊ะเรียนของลูกข่าง ฉันบอกให้นักเรียนหาผ้ามาเช็ดจะได้ไม่เลอะมากกว่านี้ ในขณะที่ฉันกำลังหยิบผ้าเตรียมเช็ดน้ำ ฉันตกใจกับอะไรบางอย่างเมื่อวงกลมสีแดงเส้นไม่เต็มวงเหมือนทุกครั้งที่ฉันเห็น โดนน้ำแต่ไม่ละลายไปพร้อมสีเมจิก มันคงสภาพเหมือนเดิมแต่เส้นวิ่งเข้ากันเอง ฉันยืนยันว่าฉันไม่ได้ตาฝาดแน่นอน เห็นยิ่งกว่าเจอดีอีก
‘นี่มันเรื่องอะไรกัน...’
เวกเตอร์ไม่พอใจที่มีใครมาสร้างความรำคาญ ผมหยิบวงเวียนโยนทิ้งไปโดนใต้โต๊ะหลังห้องด้วยความรำคาญ แล้วในตอนนั้นเองผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ตรงหางตาผม ผมรู้สึกเหมือนตัวคนมายืนข้างผมแต่ว่าผมนั่งหลังสุดแล้วใครมายืนข้างผม ผมค่อย ๆ หันไปเห็นเด็กคนหนึ่งนั่งไขว้ห้างอยู่บนโต๊ะ มองตาผมเอามือขวาเท้าคาง มือซ้ายรองข้อศอกทำท่าเหมือนดาราเขาชอบตั้งท่าถ่ายรูป ผมนิ่งไปชั่วครู่แล้วมันมองผมก่อนจะแลบลิ้นยาวออกมาพันข้อมือผม แล้วบอกว่าชอบผมอยากได้ผมไปเป็นแฟน ผมเสียสติเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นเจ้าวงกลมน้อย
‘เวกเตอร์ คิดถึงเราไหม’
“อ๊ากกกกกก”
“เวกเตอร์”
ครูชฎาพรกำลังช็อกกับสิ่งที่เห็นในกระดาษงานของลูกข่างแล้วขนลุกไม่ทันตั้งตัว ฉันตกใจเมื่อเวกเตอร์กรีดร้องสุดเสียงด้วยความกลัวล้มตกเก้าอี้ช็อกมือสั่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สร้างความตกใจให้ฉันและนักเรียนทุกคนไม่น้อย หรือว่าเขาจะเห็นอะไรไม่ควรเห็นเข้าให้แล้ว