EP3 (2/2) - วงกลมวงเดิมที่ไม่เหมือนเดิม

3970 คำ
ในคาบเรียนว่ายน้ำ “เดี๋ยวครูมานะฉายหลิง ไปพานักเรียนลงมาก่อน” ครูโลมาขอตัวออกไปจัดการธุระสักครู่ ผมดูตารางสอนพบว่าคาบเรียนว่ายน้ำหลังพักเที่ยง และคาบนี้ถือว่าได้จัดการนักเรียนตัวป่วนที่พร้อมทำผมประสาทกินมากขึ้นแล้วล่ะ ผมเดินขึ้นไปบนอาคารเรียน เมื่อเด็กในห้องเห็นผมถึงกับดีใจยกใหญ่เหมือนผมจะพานักเรียนหนีเรียน “เดี๋ยวครูไม่พาไปว่ายน้ำนะครับ ก่อนลงไปถอดเข็มขัดนักเรียนถอดถุงเท้าด้วยนะครับ แล้วค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สระว่ายน้ำ” ผมบอกนักเรียนเหมือนทุกครั้งเวลาเรียนวิชานี้เสมอ วิชาที่เด็กอยากเรียนมากกว่าวิชาอื่นผมเข้าใจแต่ห้ามเรียกร้องมากเกินไป ไม่ผมหรือครูโลมาจะโดนสายตาพิฆาตเล่นงานเสมอ “ทำอะไรน่ะเวกเตอร์” ผมแกล้งก้มไปใต้โต๊ะทำเหมือนผมเป็นเจ้ากรรมนายเวร น้องเขาตกใจกอดกระเป๋าว่ายน้ำ ผมยิ่งชอบพอน้องวิ่งออกมาจากโต๊ะ ผมจับน้องอุ้มขึ้นมาทันที ทำให้น้องตกใจขัดขืนร้องงื้อใส่ผมไม่หยุดเลย ผมชอบอุ้มนักเรียนมากที่สุด ตัวเบาอุ้มง่ายมาก ผมจะเลือกเด็กตัวผอมเท่านั้น มากไปผมอุ้มไม่ได้ “อื้อออ พี่ปล่อยผมนะ” “ชอบแกล้งคนอื่นสนุกเหรอครับ” เวกเตอร์แกล้งคนอื่นไม่เห็นเป็นอะไร พอผมแกล้งคืนทำเป็นรับไม่ได้ ถ้าใจอยากแกล้งใครก็ต้องสู้กับใจตัวเองเวลาโดนแกล้งกลับบ้าง ตอนนี้ผมพานักเรียนออกจากห้องไปเกือบหมด ผมหันไปในห้องพบลูกข่างเหมือนเรียกใครไปเรียนว่ายน้ำด้วย “น้องลูกข่างคุยกับใครครับ” “ก็เพื่อนผมมันนั่งไม่ยอมไปด้วย” น้องลูกข่างชี้ไปตรงโต๊ะหลังห้องหนึ่งตัวที่วางชิดผนัง ผมมองดูอย่างถี่ถ้วนแล้วไม่เห็นมีใครอย่างที่น้องพูดออกมา ผมว่าน้องคงตาฝาดไปเอง ผมรีบอุ้มน้องลูกข่างไปเรียนว่ายน้ำจะได้ไม่เสียเวลา ระหว่างทางผมคิดไปว่าน้องเห็นอะไรที่ผมไม่เห็น ผมชักขนลุกมากกว่าเดิมแล้ว เวลาต่อมา ลูกข่างถือกระเป๋าว่ายน้ำมาที่สระว่ายน้ำ ผมกับก้านไม้เดินไปเปลี่ยนชุด แล้วที่นี่ห้องแต่งตัวรวมและโรงเรียนชายล้วนแบบนี้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเห็นตัวเดียวอันเดียวที่ผู้ชายทุกคนมีอยู่แล้ว ต่างกันแค่ขนาดเท่านั้น ผมไม่ได้เขินอายหรอกแต่เห็นร่างกายคนอื่นแอบหวั่นไหวไปทั้งใจ “ไม่ต้องอายนะลูกข่าง ผู้ชายเหมือนกันมีไอ้นั่นหมด” ก้านไม้เป็นผู้ชายหน้าหวานแต่พูดแบบนี้กับผมคือหื่นสวนทางกับหน้าตามาก สะกิดให้ผมหันมาเห็นหนอนชาเขียว แกว่งให้ผมดู ต้องโรคจิตกับผมขนาดไหนถึงสนิทกันถึงขั้นเปิดให้ดู “หัวยังไม่เปิดเลย” “วัยแบบเรามันเปิดให้เห็นแล้วหรือไง” ผมหูแดงหน้าแดงเมื่อก้านไม้พูดจาโรคจิตกับผม ผมเปลี่ยนเรื่องไปทางอื่นดีกว่า วันนี้เรียนว่ายน้ำสองคาบต่อกันจะแกล้งเขาให้เต็มที่เลย “อื้ออ นายอะ ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว จะลงสระแบบนี้ไม่ได้นะ” ในขณะนั้นลูกข่างพูดอะไรบางอย่าง ทำให้นักเรียนทุกคนชะงักหันมามองลูกข่างสายตาเดียวกันราวกับว่าคำพูดนี้คือคำพูดที่ทำให้ทุกคนขนลุก “เห้ยย มึงพูดบ้าอะไร” เวกเตอร์ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อลูกข่างทำให้เพื่อนทุกคนหยุดชะงักทุกการกระทำเมื่อเขาหันไปมุมห้องพูดกับอากาศ ผมไม่รู้ว่าทุกวันนี้มันเสพยาจากผู้ปกครองมันก่อนมาเรียนหรือไง พูดอะไร ตามองเห็นและคิดไปเองหมด “เราไม่ได้บ้านะ” “มึงพูดมานี่ไม่รู้ตัวเหรอว่าบ้า เพื่อนในห้องเขาจะไม่กล้าเข้าหามึงเพราะมึงเป็นแบบนี้ไง” “กูไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ” ลูกข่างโวยวายและผมไม่ชอบให้ใครมากล่าวหาว่าผมบ้า มาล้อเลียนพี่ปอนด์ผมด้วย มันไม่ใช่คนในครอบครัวผมมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาสุนัขต้องเรียกมันเป็นเจ้าถิ่นด้วย ผมอาละวาดตบหน้าเวกเตอร์ให้มันหยุดทำแบบนี้กับผม “มึงห้าวเหรอไอ้ลูกข่าง” ผมเป็นผู้ชายมาดนักเลงจะใส่หมัดกับลูกข่างไม่เป็นหรือไง ผมซัดหมัดใส่หน้ามันหนึ่งทีได้แผลก่อนลงสระว่ายน้ำได้ยิ่งดี ให้แผลติดเชื้อคลอรีนไปข้าง “ช่วยเราด้วยลูก...” “กูบอกให้มึงหยุด” “อะไรน่ะ เอาอีกนะเวกเตอร์” ครูโลมาได้ยินเสียงนักเรียนทะเลาะกัน ต้องเป็นผมทุกครั้งที่เข้ามาจับแยก ถ้าให้ฉายหลิงมา เด็กไม่ค่อยฟังนักศึกษาหรอกเพราะเขาไม่ใช่ครูเต็มตัว ผมเด็ดขาดมากพอ ก่อนอื่นผมขอให้นักเรียนทุกคนออกไปรอที่สระว่ายน้ำ อย่าพึ่งลงใครลง คาบหน้าผมไม่ให้ลงถาวรทั้งเทอม จะไปฟ้องผู้ปกครองว่าผมใจร้ายไม่ได้หรอก “ครูโลมา มันน่ะเป็นตัวประหลาด แม่งทำทุกคนกลัวเพราะ...” เพี๊ยะ!! ผมทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของเวกเตอร์ ตบเข้าที่หน้าสักทีจะได้ไม่ต้องปากสุนัขไปแกล้งเพื่อนหรือทำอะไรให้คนอื่นรำคาญ ผมไม่ชอบนะเด็กที่แกล้งคนอื่นไปวัน ๆ ไม่สำนึกแล้วยังหาพรรคพวก รวมถึงเรื่องนี้ด้วย ลูกข่างเขาอยู่ของเขาดี ๆ ไม่ต้องข้ามเขตไประราน “เธออย่ามาพูดจาแบบนี้นะ ลืมไปแล้วเหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมไม่อยากให้เวกเตอร์มาพูดจาบ้าบอท้าทายสิ่งลี้ลับ ไม่เชื่อก็อย่ามาลบหลู่ให้คนอื่นเดือดร้อน ผมไม่อยากหัวเสียไปอีกคน “แล้วครูไม่เชื่อเรื่องนี้เหรอ” “เชื่อไม่เชื่อไม่ต้องมาถามครู แต่ตอนนี้ขอถามเธอก่อนเถอะ ว่าเพื่อนเสพก***าแล้วตัวเธอไม่เสพมากกว่าเหรอ” “ครูจะพูดแบบนี้กับผมไม่ได้นะ ผมบอกแม่ให้ไล่ครูออกได้นะ” “แม่เธอเป็นใคร เธออย่ามาใช้อำนาจเหนือกว่าคนอื่น” ผมกับเวกเตอร์จะฟาดกันเอง ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าผมต้องสอนนักเรียน ผู้เรียนและผมเป็นผู้สอน อยู่ ๆ ผมมีความคิดมาทะเลาะต่อปากต่อคำกับนักเรียน มันไม่เหมือนครูที่เด็กรักตอนปกติ ถ้าตอนผมจริงจังเหมือนตอนนี้บอกเลยว่านักเรียนหนีหมด ไม่ฟังเหตุผลผู้ใหญ่หรอก “ถ้ามีปัญหาครูขอพบผู้ปกครองเธอ” “เอาสิ ไม่ต้องไปไหนไกลหรอก เดินไม่ต้องออกโรงเรียนก็เจอแล้ว” ในคาบเรียน ฉายหลิงนั่งอยู่ที่โต๊ะเก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ ผมหยิบกระดานรองกระดาษที่หนีบใบรายชื่อนักเรียนไว้ ผมนั่งมองรายชื่อไม่ทันไร ครูโลมาเรียกผมไปเช็กชื่อก่อนเริ่มเรียนเสมอ ผมต้องทำตามหน้าที่ก่อนทุกครั้ง ผมเช็กชื่อนักเรียนตั้งแต่คนแรกไปเรื่อย ๆ ผมมาสะดุดชื่อหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ผมนิ่งจนครูโลมาสะกิดทันที “ฉายหลิง เป็นอะไร เธอก็รู้จักนักเรียนมาหลายคาบอ่านชื่อไม่ออกอีกเหรอ” ครุโลมาแปลกใจว่าฉายหลิงเป็นอะไร อ่านชื่อนักเรียนไม่ออกหรือไงแต่สอนมาหลายคาบแล้วก็น่าจะรู้แล้วนะว่าชื่อใครหน้าตาแบบไหน ผมหยิบมาดูผมนิ่งไปอีกคน ก่อนจะพลิกไปหน้าอื่นทันที “ชื่อผมอ่านยากหรือไงครับ” “เปล่าครับน้องเวกเตอร์ พี่ลืมว่าเช็กถึงไหนแล้ว” ผมทำเป็นแก้เขินไปงั้น ๆ ทั้งที่ความจริงใบรายชื่อที่ครูโลมาให้ผมคืออันที่ตัดนักเรียนคนหนึ่งออกไปแล้ว ผมคาดว่าครูโลมาจะชอบหนีบเอกสารรวมกันทำให้มันรวมกันไปมาตามสไตล์ครูเขา ผมเช็กชื่อต่อพร้อมเข้าโหมดจริงจังทันที ทางด้านครูชฎาพร “ถ้าอยากรู้อะไรอีก มาถามครูได้นะ” ในขณะนั้นเองครูชฎาพรคุยกับใครคนหนึ่งดูท่าทางเป็นเรื่องส่วนตัวและมีความลับมากที่สุด พร้อมกับเครื่องดื่มในมือที่ฉันสั่งให้เขามาส่งโดยเฉพาะ แม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ใช่ไรเดอร์แต่เขาก็เป็นคนรู้จักฉัน ฉันดูแลเด็กของเขาก็จะไม่ใช่คนไกล เมื่อหมดธุระฉันส่งเขาแค่ตรงประตูกลัวว่าจะมีคนเห็นแล้วไม่สบายใจ ปกติผู้ปกครองไม่ค่อยมาขอพบฉันเวลานี้ “ครูชฎาพร มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ผู้ปกครองมาเวลานี้” ครูนันทนินทร์เข้ามาส่งเอกสารหลังจากออกไปถ่ายให้ครูชฎาพร ฉันทราบก่อนหน้าว่าครูชฎาพรมีแขกมาขอพบ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ดูท่าทางแล้วคงเป็นผู้ปกครองของเด็กคนไหนสักคน น่าเสียดายฉันไม่ทันเห็นไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะบางครั้งฉันรู้จักผู้ปกครองเท่ากับครูชฎาพรเช่นกัน “ก็ไม่ได้อะไรมากค่ะ เรื่องทั่วไป” “ว่าแต่ครูสั่งน้ำที่ไหนมาคะ แอบสั่งให้รอดสายตาบางคนสิคะ” “เรื่องท้าทายอำนาจมืดมีใครไม่อยากทำล่ะ” ฉันแอบสั่งเครื่องดื่มมาและฉันลงไปรับมาอย่างแนบเนียนมาก ถือว่าการท้าทายอำนาจมืดสำเร็จไปด้วยดี เวลานี้ฉันไม่มีสอนเป็นคาบตรวจงานเพราะฉะนั้นตอนนี้ถือเป็นนาทีทองที่ฉันจะทำอะไรก็ได้ “โลโก้ร้านมันคุ้นมากเลยนะคะ” “ร้านฉันไงแต่เซ้งต่อให้ป้าเขาแล้ว” ไม่แปลกที่ครูนันทนินทร์จะคุ้นตากับโลโก้นี้เป็นอย่างดี ฉันเคยบอกแล้วว่าก่อนได้งาน ฉันทำร้านกาแฟมาก่อนแล้วเซ้งร้านให้ป้าที่ฉันรู้จักต่อ ทุกวันนี้ฉันเหมือนเป็นเจ้าของร้านอยู่ ก็เลยสั่งด้วยความอยากและคิดถึงก็เท่านั้น “งั้นเองเหรอ” “เอกสารล่ะ” ฉันขอเอกสารที่ครูนันทนินทร์ไปถ่ายมา แล้วฉันรีบทำงานต่อจะได้ไม่ทำให้ใครเห็นแล้วหาว่าฉันอู้งาน ใช้เวลาว่างมานินทาเรื่องชาวบ้านมันก็ไม่ใช่ความเป็นครูสักเท่าไหร่ ทางด้านลูกข่าง “นายไม่ต้องกลัวนะ เราจะล้มไอ้เวกเตอร์เอง” “นายพูดเหมือนสู้มันได้” ใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าผมกับเวกเตอร์ไม่ชอบขี้หน้ากัน จะโดนแกล้งก็ไม่แปลก แต่ผมอยากเอาชนะเขาเช่นกันเพราะคนแบบนี้ควรโดนเอาไปอยู่ด้วย ระหว่างที่ผมเดินไปตามทางผมเห็นใครบางคนเดินผ่านทางแยกตรงหน้าไป ลักษณะความสูงและท่าทางเหมือนกับใครบางคนที่ผมเห็นคุ้นตามาทั้งชีวิต ผมวิ่งตามไปแต่ไม่พบเขาแล้ว “ลูกข่าง แกมองหาใครอะ” “เอ่อ...” ผมรู้ว่ามันเหมือนใครที่ผมรู้จัก ผมกำลังจะบอกแต่ครูรังสิตาเดินผ่านมาเห็นพวกเราและบอกว่าเราสองคนไม่เข้าเรียนกันหรือไง ผมก็เลยรีบไปทันทีเพราะผมกลัวครูรังสิตา ดุดันทุกเวลานักเรียนคนไหนจะกล้าคุยด้วย “พี่ฉายหลิง ๆ ไอ้ตุ๊ด...” “เวกเตอร์ มันจะมากไปแล้วนะ เรียกพี่ดี ๆ ได้ไหม” ผมตกใจเมื่อเวกเตอร์มาเรียกผมที่ห้องทำงาน ผมกำลังจะเปิดประตูแต่น้องเรียกผมเป็นการล้อเลียนผมปิดประตูล็อกให้น้องพูดผ่านประตูกระจกแล้วผมจะฟังและสนทนาผ่านช่องทางนี้เท่านั้น “พี่ก็เปิดประตูให้ผมก่อนสิครับ” “ใช้น้ำเสียงให้ดีด้วยครับ แต่งตัวให้เรียบร้อย...” ผมชักรำคาญแล้วเพราะพี่เขาตั้งใจแกล้งผมตั้งแต่เรียนว่ายน้ำแล้ว ผมจำใจแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานขอคุยกับพี่เขาเป็นการส่วนตัวแม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ “มีอะไร” “พี่เห็นกางเกงในผมไหม” “เดี๋ยว ๆ มาถามพี่ทำไม” ผมไม่รู้ว่าเวกเตอร์มาถามแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมบอกแล้วไงว่าเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าวางของแต่ละคนให้รวมกันเป็นของตัวเองแยกกัน ทำสัญลักษณ์หรือวางไว้ใกล้กันจะได้ไม่หาย มันเป็นแบบนี้ทุกคาบเรียนเลย เดี๋ยวคนนั้นรองเท้าหาย ชุดว่ายน้ำหาย ล่าสุดกางเกงในหายอีก “ไหน เปิดซิปดิ” “จะบ้าเหรอ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ใส่อะไร ไม่งั้นผมจะมาถามพี่ทำไม” “ของส่วนตัวใครเขาจะไปเอา ใส่แล้ววางไม่เป็นที่เองนะ” ผมบอกแล้วไงว่าคนเราจะมีระเบียบก็ต้องดูแลของตัวเองไม่ให้หายเป็นอันดับแรก แค่กางเกงในยังรักษาไม่ได้ผมว่าจะไปรักษาคนรักคงยาก ไปกับแฟนคนอื่นมาร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้หรอก “พี่เช็กแล้วไม่มี” “หรือพี่เอาไป” “พี่เนี่ยนะจะเอาของนักเรียนไป เอาเป็นว่าพี่ช่วยหาอีกแรงแล้วกัน” ผมว่าเวกเตอร์โวยวายแล้วมากล่าวหาผมมากเกินไปแล้ว ผมบอกให้น้องเขาสงบจิตลงและผมจะช่วยไปดูให้อีกทีแล้วกัน ผมไม่ชอบนะมาใช้อารมณ์เหนือเหตุผลด่าทอต่อปากกับผม ผมเป็นผู้ชายยังไม่สามารถอดทนกับเรื่องแบบนี้ได้เลย ช่วงเย็น ก้านไม้ชอบตีแบดมินตันมาก ผมนับเวลารอให้เลิกเรียน ผมจะได้ไปเล่นกับเพื่อน แล้วคนที่ผมอยากเล่นด้วยมากที่สุดคือพี่ฉายหลิง พี่เขาเป็นครูพละที่หน้าตาดี หล่อตี๋แถมเข้ากับนักเรียนดีมาก ดีจนผมอยากเข้าหา พี่เขาใจดีไม่เหมือนครูหลายท่านในโรงเรียน ผมไม่กล้าถามกลัวโดนด่า แต่ถ้าเป็นพี่เขาผมพร้อมรับทุกสถานการณ์ “ครูครับ เล่นกับผมหน่อยครับ” ผมส่งลูกแบตและไม้แบดมินตันให้พี่ฉายหลิง ผมอยากให้พี่เขาเล่นด้วยเสมอ ปกติผมเล่นกับนักเรียนกันเองความรู้สึกเหมือนซ้อม แต่ถ้าเล่นกับพี่เขาเหมือนอยู่ในสนามจริง ความฝันของผมคืออยากเล่นกีฬากับใครสักคน “นะครับพี่” “ได้สิ พี่ไม่มีหน้าที่มากกว่าคนอื่นตอนนี้” ผมขออนุญาตออกไปเล่นกับนักเรียนก่อน เวลาเด็กมาเอาใจและชวนผมให้เล่นกีฬา ถ้าทางสะดวกผมพร้อมไปเสมอ ผมเห็นนักเรียนหลายคนมาเล่นกับผมแต่ว่าผมไม่เห็นเวกเตอร์อยู่บริเวณนี้ ผมแอบเสียดายเหมือนกันเพราะผมอยากเจอน้องคนนั้นเป็นพิเศษ ที่โรงอาหาร เวกเตอร์นั่งเล่นเกมกับเพื่อน ผมไม่รู้ว่าใครมันขโมยกางเกงในผมไป ผมถึงหงุดหงิดมาระบายด้วยการเล่นเกมกับเพื่อนนี่ไง ผมวางของเป็นระเบียบเสมอแต่พี่เขาหาว่าผมทำอะไรไม่เป็นระเบียบ เรื่องอะไรมาตัดสินชีวิตผมด้วย เพราะของหายไปทำผมหงุดหงิดไม่หายสักที “มึงนี่หวงกางเกงในจังนะ” “ของแบบนี้ใครเขาจะยอมให้เอาไป เป็นพวกโรคจิตเหรอชอบเอากางเกงในคนอื่นไปดม” ผมไม่รู้ว่าฝีมือสุนัขลอบกัดตัวไหนอยากแกล้งผมด้วยการขโมยของหวงผู้ชายไปทำมิดีมิร้าย เอาไปดมหรือช่วยตัวเอง ผมว่าคนแบบนี้โรคจิตไม่น่าคบหาที่สุด “พี่ฉายหลิงเขาเข้ากับเด็กเก่งจังนะ ดีกว่าครูในโรงเรียนอีก” “กูว่านะพี่เขาดูเข้ากับเด็กดีขนาดนี้ เป็นเกย์หรือเปล่าจะหลกขืนใจนักเรียน” “มึงก็อย่าไปว่าพี่เขาแบบนั้นได้ไหม เดี๋ยวพี่เขาเสียภาพลักษณ์หมด พี่เขาประวัติขาวสะอาด มึงอย่าไปแต้มสีดำให้เขา” “หลายรอบละนะ มาหลอกลวนลามจับจู๋จับก้นกูเนี่ย...” ผมว่าพี่ฉายหลิงเป็นครูพละที่ดูศึกษาเรื่องใต้เสื้อผ้าเก่ง ไม่แปลกที่พี่เขาเรียนด้านนี้มารวมถึงเพศศึกษาจำขึ้นใจ แต่ผมสงสัยเหมือนกันว่าของผมหายไปอยู่ที่ใคร มันไร้ร่องลอยผิดสังเกต “กูเขาพี่เขาดูแปลกจนกูสงสัย...” ผมรู้สึกว่าพี่ฉายหลิงดูเป็นคนหนึ่งนิสัยอาจแปลกประหลาดในสายตาผม ดูไม่มีพิษภัยแต่สายตาและการกระทำบางอย่างมันทำให้ผมไม่ไว้ใจยังไงไม่รู้ เหมือนคนกำลังคิดวางแผนจัดการตลอดเวลา ผมชะล่าใจไม่ได้เลย หากพลั้งเมื่อไหร่ ผมพลาดท่าแน่นอน อีกด้านหนึ่ง “มือไม้อ่อนเหรอ แกะขนมไม่ได้เนี่ย” ฉายหลิงเตรียมจะกลับบ้านใกล้เวลาเลิกงานแล้ว ผมเห็นน้องก้านไม้ยังไม่กลับบ้าน เดินเข้ามาหาผมให้ผมแกะแท่งช็อกโกแลตให้ มันไม่ได้แกะยากขนาดนั้นแล้วทำไมน้องแกะไม่ได้ จะมือไม้อ่อนเวลาอยู่กับผมไม่ได้นะ “ก็ผมอยากใช้พี่” “พี่กับน้องก้านไม้น่ารักไม่แพ้กันเลย ส่องกระจกดูสิ” ผมให้ส่องกระจกดูผมกับน้องหน้าหวานไม่แพ้กัน มาชมผมน่ารักแล้วตัวน้องเขาเองไม่น่ารักหรือไง ระหว่างที่น้องกำลังกัดช็อกโกแลตอยู่ ผมทำอะไรบางอย่างเป็นการฉวยโอกาสทันที จู้บบ ผมตกใจเมื่อพี่ฉายหลิงจูบแก้มผม ผมตกใจหันมามองเพราะผมคาดไม่ถึงว่าพี่เขาจะทำแบบนี้กับเด็ก ปกติผมไม่เคยโดนใครจูบขนาดผู้หญิงยังไม่มีเลยแต่จูบแรกในชีวิตผมกลับเป็นผู้ชายอย่างพี่ฉายหลิง มันอาจจะเป็นการกระทำเล่นและแกล้ง แต่ผมรู้สึกเหมือนพี่เขาจริงจังมาก “ชอบไหม” “ผม...” “พี่ดูออกนะว่าก้านไม้เป็นเกย์ หน้าหวานขนาดนี้ชอบผู้ชายคนไหนล่ะ” ผมไม่กล้าตอบเพราะผมไม่ได้ชอบใครเป็นเจ้าของหัวใจ เด็กแบบผมยังไม่รู้อะไรในเรื่องความรักมากกว่าผู้ใหญ่เลย มาถามผมแบบนี้จะให้ผมตอบยังไง “ไม่มีคนที่ชอบครับ ผมอยากเป็นเด็กเล่นกับเพื่อนไปก่อน” “ก้านไม้ ผู้ปกครองมาแล้ว” ครูโลมาเดินมาตามนักเรียน ผมเห็นฉายหลิงอยู่ดูแลนักเรียนถือว่าปฏิบัติหน้าที่ดีจนหมดเวลางาน นักเรียนกลับบ้านใกล้หมดแล้วจะได้หมดห่วงไม่งั้นมีปัญหาโดนรถทัวร์จอดใส่อีกตามเคย โรงเรียนไหนมีผู้อำนวยการนิสัยดีและเป็นเจ้าคนนายคน ผมจะพาฉายหลิงไปสมัครงานด้วยกัน “ขอบคุณนะฉายหลิง ช่วยครูได้อีกแรงเลย” “ผมก็ต้องจริงจังจนเวลาเลิกงานสิครับ หมดเวลางานผมก็ปลดปล่อยเหมือนคนละคนแล้ว” “วัยแบบเธอเข้าผับเข้าบาร์ไหมเนี่ย อย่าเป็นสเปคร้านเหล้าให้เขาเลือกล่ะ เมาแล้วมาสอนนักเรียนไม่ไหว ภาพลักษณ์แย่หมด” “ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร มีแค่ครูโลมาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” ผมกับครูโลมาเตรียมกลับบ้านไปพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้กลับมาลุยงานกันต่อ ผมรู้สึกว่าหนึ่งเทอมเวลาผ่านไปช้ามากไม่เหมือนตอนเรียนเลย แต่ยังไงผมก็จะสู้ต่อจนจบให้ได้ ผมจะได้ไปทำอะไรตามความฝันของตัวเองสักที ที่บ้านปอนด์ ผมรับลูกข่างกลับบ้านมาปกติ หลังจากพาเข้าบ้านนั่งโต๊ะอาหารแล้ว ถึงเวลาพ่อศรีเรือนแบบผม ผมทำอาหารเสร็จแล้วมานั่งกิน ในขณะนั้นผมสังเกตที่แขนน้องลูกข่าง ผมตกใจจนช้อนดีดขึ้นกลางอากาศเพราะแขนทั้งสองข้างมีวงกลมสีแดงไม่เต็มวงประดับเป็นลายเต็มแขน “เชี่ยย...” บล็อกตี้ตกใจตามเสียงของปอนด์ดังขึ้นมาไม่ทันตั้งตัว ผมมองดูลูกข่างไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ หรือผมกับเขาเห็นอะไรไม่เหมือนกัน ผมรู้สึกว่าช่วงนี้มันมีอะไรแปลก ๆ ที่ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลย “ปอนด์ นายเห็นอะไร” “ที่แขนลูกข่างมีวงกลมสีแดงเต็มไปหมด” ลูกข่างมองที่แขนตนเองพบว่ามีวงกลมสีแดงวาดไว้ไม่เต็มวง ผมเห็นแล้วยังแปลกใจเช่นกันว่ามันมาจากไหน ผมมองดูเส้นวงกลมค่อย ๆ ลบหายตามเส้นทางวงกลมหายไปต่อหน้าต่อตาผม ผมเห็นยังตกใจไม่แพ้พี่ปอนด์ “เอ่อ... ไม่รู้เหมือนกันครับ” “พี่ปอนด์ วันนี้ผมเห็นเหมือนพี่ไปโรงเรียนเลยนะ” ผมตกใจเมื่อน้องลูกข่างเห็นเหมือนผมไปโรงเรียน ผมพูดไม่ถูกเลยแล้วคำถามของน้องทำให้บล้อกตี้สงสัยมากกว่าเดิม “ปอนด์ไปโรงเรียนเหรอ” “ไม่ได้ไป” “แล้วตอนนั้นนายรับสายใคร ชื่อที่โทรเข้ามาจะอ่านยังไงอะ ด. + ฎ. มันเรียกว่าตัวอะไร” ตัวอักษรภาษาไทยตัวนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเอามาผสมกันเรียกมันตัวที่สี่สิบห้าหรือไง แล้วช่วงที่ปอนด์หายไปคือไม่ได้กลับมากินอาหารกลางวันกับผม หายยาวจนผมกินแทนไปแล้ว แล้วเขาหายไปไหน “ลูกค้าเราไง” “เหรอ ปกติงานด่วนต้องขนาดนี้เลยเหรอ” “ไม่มีอะไรหรอก ลูกค้าประจำเราอะ” ผมบอกแล้วไงว่าผมมีงานด่วนเลยออกไปก่อน ผมรีบจนไม่ได้บอกบล็อกตี้ปล่อยเขารอนานจนรู้สึกผิด ผมไม่ได้ไปนอกเหนือจากเส้นทางงานด้วยซ้ำ ยังไงผมไม่ทำให้เขาระแวงอยู่แล้วกินอาหารต่อดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา หลังจากนั้น “นายเห็นอะไรในตัวลูกข่างเหรอ” ผมถามด้วยความขนลุกเพราะจากอาการของปอนด์ ความตกใจกลัวมันสมจริงยิ่งกว่าแกล้งทำ ผมรู้คำตอบอยู่แล้วว่าเขาเห็นวงกลมสีแดงแต่ผมอยากรู้ว่าเขาเห็นอะไรมากกว่านั้น เขาบอกว่าเห็นแค่นั้นจริง ๆ ผมไม่เชื่ออะไรมากเพราะผมไม่ได้เห็นกับตา “บล็อกตี้ เราว่าเราเหมือนนายเข้าไปทุกทีแล้วนะ” “อาการประสาทหลอนมันไม่ใช่โรคติดต่อนะ” “บล็อกตี้ เราว่ามันถึงเวลาแล้วนะ...” ผมว่าเรื่องนี้ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพราะถ้าไม่ทำอะไรเลย ผมจะไม่รู้ความจริงเลยว่าสิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไรยิ่งคาใจมันยิ่งหลอกหลอนมากกว่าเดิม ผมคิดว่าเรื่องนี้บล็อกตี้ต้องเข้ามาร่วมมืออีกแรง “นายจะให้เราทำแบบนั้นเหรอ” “นายอยากแก้ตัวอีกครั้งไหม” เรื่องที่ปอนด์บอกผมคือ ต้องการให้ผมกลับเข้าไปในโรงเรียน ทำเหมือนผมไปสังเกตการณ์สอนเหมือนตอนที่ผมเรียนคณะนี้เพื่อทำการสืบความจริง แต่ว่าเรื่องนี้ผมไม่อยากตอกย้ำ “มันอาจจะเป็นทางเดียวที่ทำให้เรารู้ความจริงก็ได้นะ เราจะช่วยทำทุกอย่างให้เนียนขึ้น ปกติครูชฎาพรเห็นหน้าเราไม่เคยเห็นบล็อกตี้ด้วยซ้ำ ถ้านายไปจะเนียนจนใครจับไม่ได้เลยล่ะ” ผมเสนอวิธีนี้ให้บล็อกตี้มันเป็นวิธีที่จะสืบความจริงได้ ยังไงเขาก็สงสัยเรื่องนี้อยู่แล้ว ช่วยผมและลูกข่างให้กระจ่างก็พอแล้ว ผมจะช่วยทำทุกอย่างให้ราบรื่นเอง “ไม่ต้องกลัวนะบล็อกตี้ ทุกอย่างจะปลอดภัย...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม