ในคาบเรียนว่ายน้ำ
“เดี๋ยวครูมานะฉายหลิง ไปพานักเรียนลงมาก่อน”
ครูโลมาขอตัวออกไปจัดการธุระสักครู่ ผมดูตารางสอนพบว่าคาบเรียนว่ายน้ำหลังพักเที่ยง และคาบนี้ถือว่าได้จัดการนักเรียนตัวป่วนที่พร้อมทำผมประสาทกินมากขึ้นแล้วล่ะ ผมเดินขึ้นไปบนอาคารเรียน เมื่อเด็กในห้องเห็นผมถึงกับดีใจยกใหญ่เหมือนผมจะพานักเรียนหนีเรียน
“เดี๋ยวครูไม่พาไปว่ายน้ำนะครับ ก่อนลงไปถอดเข็มขัดนักเรียนถอดถุงเท้าด้วยนะครับ แล้วค่อยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สระว่ายน้ำ” ผมบอกนักเรียนเหมือนทุกครั้งเวลาเรียนวิชานี้เสมอ วิชาที่เด็กอยากเรียนมากกว่าวิชาอื่นผมเข้าใจแต่ห้ามเรียกร้องมากเกินไป ไม่ผมหรือครูโลมาจะโดนสายตาพิฆาตเล่นงานเสมอ
“ทำอะไรน่ะเวกเตอร์”
ผมแกล้งก้มไปใต้โต๊ะทำเหมือนผมเป็นเจ้ากรรมนายเวร น้องเขาตกใจกอดกระเป๋าว่ายน้ำ ผมยิ่งชอบพอน้องวิ่งออกมาจากโต๊ะ ผมจับน้องอุ้มขึ้นมาทันที ทำให้น้องตกใจขัดขืนร้องงื้อใส่ผมไม่หยุดเลย ผมชอบอุ้มนักเรียนมากที่สุด ตัวเบาอุ้มง่ายมาก ผมจะเลือกเด็กตัวผอมเท่านั้น มากไปผมอุ้มไม่ได้
“อื้อออ พี่ปล่อยผมนะ”
“ชอบแกล้งคนอื่นสนุกเหรอครับ” เวกเตอร์แกล้งคนอื่นไม่เห็นเป็นอะไร พอผมแกล้งคืนทำเป็นรับไม่ได้ ถ้าใจอยากแกล้งใครก็ต้องสู้กับใจตัวเองเวลาโดนแกล้งกลับบ้าง ตอนนี้ผมพานักเรียนออกจากห้องไปเกือบหมด ผมหันไปในห้องพบลูกข่างเหมือนเรียกใครไปเรียนว่ายน้ำด้วย
“น้องลูกข่างคุยกับใครครับ”
“ก็เพื่อนผมมันนั่งไม่ยอมไปด้วย” น้องลูกข่างชี้ไปตรงโต๊ะหลังห้องหนึ่งตัวที่วางชิดผนัง ผมมองดูอย่างถี่ถ้วนแล้วไม่เห็นมีใครอย่างที่น้องพูดออกมา ผมว่าน้องคงตาฝาดไปเอง ผมรีบอุ้มน้องลูกข่างไปเรียนว่ายน้ำจะได้ไม่เสียเวลา ระหว่างทางผมคิดไปว่าน้องเห็นอะไรที่ผมไม่เห็น ผมชักขนลุกมากกว่าเดิมแล้ว
เวลาต่อมา
ลูกข่างถือกระเป๋าว่ายน้ำมาที่สระว่ายน้ำ ผมกับก้านไม้เดินไปเปลี่ยนชุด แล้วที่นี่ห้องแต่งตัวรวมและโรงเรียนชายล้วนแบบนี้ เปลี่ยนเสื้อผ้าเห็นตัวเดียวอันเดียวที่ผู้ชายทุกคนมีอยู่แล้ว ต่างกันแค่ขนาดเท่านั้น ผมไม่ได้เขินอายหรอกแต่เห็นร่างกายคนอื่นแอบหวั่นไหวไปทั้งใจ
“ไม่ต้องอายนะลูกข่าง ผู้ชายเหมือนกันมีไอ้นั่นหมด” ก้านไม้เป็นผู้ชายหน้าหวานแต่พูดแบบนี้กับผมคือหื่นสวนทางกับหน้าตามาก สะกิดให้ผมหันมาเห็นหนอนชาเขียว แกว่งให้ผมดู ต้องโรคจิตกับผมขนาดไหนถึงสนิทกันถึงขั้นเปิดให้ดู
“หัวยังไม่เปิดเลย”
“วัยแบบเรามันเปิดให้เห็นแล้วหรือไง” ผมหูแดงหน้าแดงเมื่อก้านไม้พูดจาโรคจิตกับผม ผมเปลี่ยนเรื่องไปทางอื่นดีกว่า วันนี้เรียนว่ายน้ำสองคาบต่อกันจะแกล้งเขาให้เต็มที่เลย
“อื้ออ นายอะ ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว จะลงสระแบบนี้ไม่ได้นะ” ในขณะนั้นลูกข่างพูดอะไรบางอย่าง ทำให้นักเรียนทุกคนชะงักหันมามองลูกข่างสายตาเดียวกันราวกับว่าคำพูดนี้คือคำพูดที่ทำให้ทุกคนขนลุก
“เห้ยย มึงพูดบ้าอะไร”
เวกเตอร์ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ เมื่อลูกข่างทำให้เพื่อนทุกคนหยุดชะงักทุกการกระทำเมื่อเขาหันไปมุมห้องพูดกับอากาศ ผมไม่รู้ว่าทุกวันนี้มันเสพยาจากผู้ปกครองมันก่อนมาเรียนหรือไง พูดอะไร ตามองเห็นและคิดไปเองหมด
“เราไม่ได้บ้านะ”
“มึงพูดมานี่ไม่รู้ตัวเหรอว่าบ้า เพื่อนในห้องเขาจะไม่กล้าเข้าหามึงเพราะมึงเป็นแบบนี้ไง”
“กูไม่ได้เป็นแบบนั้นนะ” ลูกข่างโวยวายและผมไม่ชอบให้ใครมากล่าวหาว่าผมบ้า มาล้อเลียนพี่ปอนด์ผมด้วย มันไม่ใช่คนในครอบครัวผมมีสิทธิ์อะไรมาพูดจาสุนัขต้องเรียกมันเป็นเจ้าถิ่นด้วย ผมอาละวาดตบหน้าเวกเตอร์ให้มันหยุดทำแบบนี้กับผม
“มึงห้าวเหรอไอ้ลูกข่าง” ผมเป็นผู้ชายมาดนักเลงจะใส่หมัดกับลูกข่างไม่เป็นหรือไง ผมซัดหมัดใส่หน้ามันหนึ่งทีได้แผลก่อนลงสระว่ายน้ำได้ยิ่งดี ให้แผลติดเชื้อคลอรีนไปข้าง
“ช่วยเราด้วยลูก...”
“กูบอกให้มึงหยุด”
“อะไรน่ะ เอาอีกนะเวกเตอร์” ครูโลมาได้ยินเสียงนักเรียนทะเลาะกัน ต้องเป็นผมทุกครั้งที่เข้ามาจับแยก ถ้าให้ฉายหลิงมา เด็กไม่ค่อยฟังนักศึกษาหรอกเพราะเขาไม่ใช่ครูเต็มตัว ผมเด็ดขาดมากพอ ก่อนอื่นผมขอให้นักเรียนทุกคนออกไปรอที่สระว่ายน้ำ อย่าพึ่งลงใครลง คาบหน้าผมไม่ให้ลงถาวรทั้งเทอม จะไปฟ้องผู้ปกครองว่าผมใจร้ายไม่ได้หรอก
“ครูโลมา มันน่ะเป็นตัวประหลาด แม่งทำทุกคนกลัวเพราะ...”
เพี๊ยะ!!
ผมทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของเวกเตอร์ ตบเข้าที่หน้าสักทีจะได้ไม่ต้องปากสุนัขไปแกล้งเพื่อนหรือทำอะไรให้คนอื่นรำคาญ ผมไม่ชอบนะเด็กที่แกล้งคนอื่นไปวัน ๆ ไม่สำนึกแล้วยังหาพรรคพวก รวมถึงเรื่องนี้ด้วย ลูกข่างเขาอยู่ของเขาดี ๆ ไม่ต้องข้ามเขตไประราน
“เธออย่ามาพูดจาแบบนี้นะ ลืมไปแล้วเหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ผมไม่อยากให้เวกเตอร์มาพูดจาบ้าบอท้าทายสิ่งลี้ลับ ไม่เชื่อก็อย่ามาลบหลู่ให้คนอื่นเดือดร้อน ผมไม่อยากหัวเสียไปอีกคน
“แล้วครูไม่เชื่อเรื่องนี้เหรอ”
“เชื่อไม่เชื่อไม่ต้องมาถามครู แต่ตอนนี้ขอถามเธอก่อนเถอะ ว่าเพื่อนเสพก***าแล้วตัวเธอไม่เสพมากกว่าเหรอ”
“ครูจะพูดแบบนี้กับผมไม่ได้นะ ผมบอกแม่ให้ไล่ครูออกได้นะ”
“แม่เธอเป็นใคร เธออย่ามาใช้อำนาจเหนือกว่าคนอื่น” ผมกับเวกเตอร์จะฟาดกันเอง ผมแทบจะลืมไปแล้วว่าผมต้องสอนนักเรียน ผู้เรียนและผมเป็นผู้สอน อยู่ ๆ ผมมีความคิดมาทะเลาะต่อปากต่อคำกับนักเรียน มันไม่เหมือนครูที่เด็กรักตอนปกติ ถ้าตอนผมจริงจังเหมือนตอนนี้บอกเลยว่านักเรียนหนีหมด ไม่ฟังเหตุผลผู้ใหญ่หรอก
“ถ้ามีปัญหาครูขอพบผู้ปกครองเธอ”
“เอาสิ ไม่ต้องไปไหนไกลหรอก เดินไม่ต้องออกโรงเรียนก็เจอแล้ว”
ในคาบเรียน
ฉายหลิงนั่งอยู่ที่โต๊ะเก้าอี้ข้างสระว่ายน้ำ ผมหยิบกระดานรองกระดาษที่หนีบใบรายชื่อนักเรียนไว้ ผมนั่งมองรายชื่อไม่ทันไร ครูโลมาเรียกผมไปเช็กชื่อก่อนเริ่มเรียนเสมอ ผมต้องทำตามหน้าที่ก่อนทุกครั้ง ผมเช็กชื่อนักเรียนตั้งแต่คนแรกไปเรื่อย ๆ ผมมาสะดุดชื่อหนึ่งที่ผมไม่รู้ว่ามันมาจากไหน ผมนิ่งจนครูโลมาสะกิดทันที
“ฉายหลิง เป็นอะไร เธอก็รู้จักนักเรียนมาหลายคาบอ่านชื่อไม่ออกอีกเหรอ” ครุโลมาแปลกใจว่าฉายหลิงเป็นอะไร อ่านชื่อนักเรียนไม่ออกหรือไงแต่สอนมาหลายคาบแล้วก็น่าจะรู้แล้วนะว่าชื่อใครหน้าตาแบบไหน ผมหยิบมาดูผมนิ่งไปอีกคน ก่อนจะพลิกไปหน้าอื่นทันที
“ชื่อผมอ่านยากหรือไงครับ”
“เปล่าครับน้องเวกเตอร์ พี่ลืมว่าเช็กถึงไหนแล้ว” ผมทำเป็นแก้เขินไปงั้น ๆ ทั้งที่ความจริงใบรายชื่อที่ครูโลมาให้ผมคืออันที่ตัดนักเรียนคนหนึ่งออกไปแล้ว ผมคาดว่าครูโลมาจะชอบหนีบเอกสารรวมกันทำให้มันรวมกันไปมาตามสไตล์ครูเขา ผมเช็กชื่อต่อพร้อมเข้าโหมดจริงจังทันที
ทางด้านครูชฎาพร
“ถ้าอยากรู้อะไรอีก มาถามครูได้นะ”
ในขณะนั้นเองครูชฎาพรคุยกับใครคนหนึ่งดูท่าทางเป็นเรื่องส่วนตัวและมีความลับมากที่สุด พร้อมกับเครื่องดื่มในมือที่ฉันสั่งให้เขามาส่งโดยเฉพาะ แม้ว่าคนตรงหน้าจะไม่ใช่ไรเดอร์แต่เขาก็เป็นคนรู้จักฉัน ฉันดูแลเด็กของเขาก็จะไม่ใช่คนไกล เมื่อหมดธุระฉันส่งเขาแค่ตรงประตูกลัวว่าจะมีคนเห็นแล้วไม่สบายใจ ปกติผู้ปกครองไม่ค่อยมาขอพบฉันเวลานี้
“ครูชฎาพร มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ ผู้ปกครองมาเวลานี้”
ครูนันทนินทร์เข้ามาส่งเอกสารหลังจากออกไปถ่ายให้ครูชฎาพร ฉันทราบก่อนหน้าว่าครูชฎาพรมีแขกมาขอพบ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ดูท่าทางแล้วคงเป็นผู้ปกครองของเด็กคนไหนสักคน น่าเสียดายฉันไม่ทันเห็นไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะบางครั้งฉันรู้จักผู้ปกครองเท่ากับครูชฎาพรเช่นกัน
“ก็ไม่ได้อะไรมากค่ะ เรื่องทั่วไป”
“ว่าแต่ครูสั่งน้ำที่ไหนมาคะ แอบสั่งให้รอดสายตาบางคนสิคะ”
“เรื่องท้าทายอำนาจมืดมีใครไม่อยากทำล่ะ” ฉันแอบสั่งเครื่องดื่มมาและฉันลงไปรับมาอย่างแนบเนียนมาก ถือว่าการท้าทายอำนาจมืดสำเร็จไปด้วยดี เวลานี้ฉันไม่มีสอนเป็นคาบตรวจงานเพราะฉะนั้นตอนนี้ถือเป็นนาทีทองที่ฉันจะทำอะไรก็ได้
“โลโก้ร้านมันคุ้นมากเลยนะคะ”
“ร้านฉันไงแต่เซ้งต่อให้ป้าเขาแล้ว” ไม่แปลกที่ครูนันทนินทร์จะคุ้นตากับโลโก้นี้เป็นอย่างดี ฉันเคยบอกแล้วว่าก่อนได้งาน ฉันทำร้านกาแฟมาก่อนแล้วเซ้งร้านให้ป้าที่ฉันรู้จักต่อ ทุกวันนี้ฉันเหมือนเป็นเจ้าของร้านอยู่ ก็เลยสั่งด้วยความอยากและคิดถึงก็เท่านั้น
“งั้นเองเหรอ”
“เอกสารล่ะ”
ฉันขอเอกสารที่ครูนันทนินทร์ไปถ่ายมา แล้วฉันรีบทำงานต่อจะได้ไม่ทำให้ใครเห็นแล้วหาว่าฉันอู้งาน ใช้เวลาว่างมานินทาเรื่องชาวบ้านมันก็ไม่ใช่ความเป็นครูสักเท่าไหร่
ทางด้านลูกข่าง
“นายไม่ต้องกลัวนะ เราจะล้มไอ้เวกเตอร์เอง”
“นายพูดเหมือนสู้มันได้” ใคร ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าผมกับเวกเตอร์ไม่ชอบขี้หน้ากัน จะโดนแกล้งก็ไม่แปลก แต่ผมอยากเอาชนะเขาเช่นกันเพราะคนแบบนี้ควรโดนเอาไปอยู่ด้วย ระหว่างที่ผมเดินไปตามทางผมเห็นใครบางคนเดินผ่านทางแยกตรงหน้าไป ลักษณะความสูงและท่าทางเหมือนกับใครบางคนที่ผมเห็นคุ้นตามาทั้งชีวิต ผมวิ่งตามไปแต่ไม่พบเขาแล้ว
“ลูกข่าง แกมองหาใครอะ”
“เอ่อ...”
ผมรู้ว่ามันเหมือนใครที่ผมรู้จัก ผมกำลังจะบอกแต่ครูรังสิตาเดินผ่านมาเห็นพวกเราและบอกว่าเราสองคนไม่เข้าเรียนกันหรือไง ผมก็เลยรีบไปทันทีเพราะผมกลัวครูรังสิตา ดุดันทุกเวลานักเรียนคนไหนจะกล้าคุยด้วย
“พี่ฉายหลิง ๆ ไอ้ตุ๊ด...”
“เวกเตอร์ มันจะมากไปแล้วนะ เรียกพี่ดี ๆ ได้ไหม” ผมตกใจเมื่อเวกเตอร์มาเรียกผมที่ห้องทำงาน ผมกำลังจะเปิดประตูแต่น้องเรียกผมเป็นการล้อเลียนผมปิดประตูล็อกให้น้องพูดผ่านประตูกระจกแล้วผมจะฟังและสนทนาผ่านช่องทางนี้เท่านั้น
“พี่ก็เปิดประตูให้ผมก่อนสิครับ”
“ใช้น้ำเสียงให้ดีด้วยครับ แต่งตัวให้เรียบร้อย...” ผมชักรำคาญแล้วเพราะพี่เขาตั้งใจแกล้งผมตั้งแต่เรียนว่ายน้ำแล้ว ผมจำใจแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานขอคุยกับพี่เขาเป็นการส่วนตัวแม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องใหญ่
“มีอะไร”
“พี่เห็นกางเกงในผมไหม”
“เดี๋ยว ๆ มาถามพี่ทำไม” ผมไม่รู้ว่าเวกเตอร์มาถามแบบนี้หมายความว่ายังไง ผมบอกแล้วไงว่าเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าวางของแต่ละคนให้รวมกันเป็นของตัวเองแยกกัน ทำสัญลักษณ์หรือวางไว้ใกล้กันจะได้ไม่หาย มันเป็นแบบนี้ทุกคาบเรียนเลย เดี๋ยวคนนั้นรองเท้าหาย ชุดว่ายน้ำหาย ล่าสุดกางเกงในหายอีก
“ไหน เปิดซิปดิ”
“จะบ้าเหรอ ผมบอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ใส่อะไร ไม่งั้นผมจะมาถามพี่ทำไม”
“ของส่วนตัวใครเขาจะไปเอา ใส่แล้ววางไม่เป็นที่เองนะ” ผมบอกแล้วไงว่าคนเราจะมีระเบียบก็ต้องดูแลของตัวเองไม่ให้หายเป็นอันดับแรก แค่กางเกงในยังรักษาไม่ได้ผมว่าจะไปรักษาคนรักคงยาก ไปกับแฟนคนอื่นมาร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้หรอก
“พี่เช็กแล้วไม่มี”
“หรือพี่เอาไป”
“พี่เนี่ยนะจะเอาของนักเรียนไป เอาเป็นว่าพี่ช่วยหาอีกแรงแล้วกัน” ผมว่าเวกเตอร์โวยวายแล้วมากล่าวหาผมมากเกินไปแล้ว ผมบอกให้น้องเขาสงบจิตลงและผมจะช่วยไปดูให้อีกทีแล้วกัน ผมไม่ชอบนะมาใช้อารมณ์เหนือเหตุผลด่าทอต่อปากกับผม ผมเป็นผู้ชายยังไม่สามารถอดทนกับเรื่องแบบนี้ได้เลย
ช่วงเย็น
ก้านไม้ชอบตีแบดมินตันมาก ผมนับเวลารอให้เลิกเรียน ผมจะได้ไปเล่นกับเพื่อน แล้วคนที่ผมอยากเล่นด้วยมากที่สุดคือพี่ฉายหลิง พี่เขาเป็นครูพละที่หน้าตาดี หล่อตี๋แถมเข้ากับนักเรียนดีมาก ดีจนผมอยากเข้าหา พี่เขาใจดีไม่เหมือนครูหลายท่านในโรงเรียน ผมไม่กล้าถามกลัวโดนด่า แต่ถ้าเป็นพี่เขาผมพร้อมรับทุกสถานการณ์
“ครูครับ เล่นกับผมหน่อยครับ”
ผมส่งลูกแบตและไม้แบดมินตันให้พี่ฉายหลิง ผมอยากให้พี่เขาเล่นด้วยเสมอ ปกติผมเล่นกับนักเรียนกันเองความรู้สึกเหมือนซ้อม แต่ถ้าเล่นกับพี่เขาเหมือนอยู่ในสนามจริง ความฝันของผมคืออยากเล่นกีฬากับใครสักคน
“นะครับพี่”
“ได้สิ พี่ไม่มีหน้าที่มากกว่าคนอื่นตอนนี้” ผมขออนุญาตออกไปเล่นกับนักเรียนก่อน เวลาเด็กมาเอาใจและชวนผมให้เล่นกีฬา ถ้าทางสะดวกผมพร้อมไปเสมอ ผมเห็นนักเรียนหลายคนมาเล่นกับผมแต่ว่าผมไม่เห็นเวกเตอร์อยู่บริเวณนี้ ผมแอบเสียดายเหมือนกันเพราะผมอยากเจอน้องคนนั้นเป็นพิเศษ
ที่โรงอาหาร
เวกเตอร์นั่งเล่นเกมกับเพื่อน ผมไม่รู้ว่าใครมันขโมยกางเกงในผมไป ผมถึงหงุดหงิดมาระบายด้วยการเล่นเกมกับเพื่อนนี่ไง ผมวางของเป็นระเบียบเสมอแต่พี่เขาหาว่าผมทำอะไรไม่เป็นระเบียบ เรื่องอะไรมาตัดสินชีวิตผมด้วย เพราะของหายไปทำผมหงุดหงิดไม่หายสักที
“มึงนี่หวงกางเกงในจังนะ”
“ของแบบนี้ใครเขาจะยอมให้เอาไป เป็นพวกโรคจิตเหรอชอบเอากางเกงในคนอื่นไปดม” ผมไม่รู้ว่าฝีมือสุนัขลอบกัดตัวไหนอยากแกล้งผมด้วยการขโมยของหวงผู้ชายไปทำมิดีมิร้าย เอาไปดมหรือช่วยตัวเอง ผมว่าคนแบบนี้โรคจิตไม่น่าคบหาที่สุด
“พี่ฉายหลิงเขาเข้ากับเด็กเก่งจังนะ ดีกว่าครูในโรงเรียนอีก”
“กูว่านะพี่เขาดูเข้ากับเด็กดีขนาดนี้ เป็นเกย์หรือเปล่าจะหลกขืนใจนักเรียน”
“มึงก็อย่าไปว่าพี่เขาแบบนั้นได้ไหม เดี๋ยวพี่เขาเสียภาพลักษณ์หมด พี่เขาประวัติขาวสะอาด มึงอย่าไปแต้มสีดำให้เขา”
“หลายรอบละนะ มาหลอกลวนลามจับจู๋จับก้นกูเนี่ย...” ผมว่าพี่ฉายหลิงเป็นครูพละที่ดูศึกษาเรื่องใต้เสื้อผ้าเก่ง ไม่แปลกที่พี่เขาเรียนด้านนี้มารวมถึงเพศศึกษาจำขึ้นใจ แต่ผมสงสัยเหมือนกันว่าของผมหายไปอยู่ที่ใคร มันไร้ร่องลอยผิดสังเกต
“กูเขาพี่เขาดูแปลกจนกูสงสัย...”
ผมรู้สึกว่าพี่ฉายหลิงดูเป็นคนหนึ่งนิสัยอาจแปลกประหลาดในสายตาผม ดูไม่มีพิษภัยแต่สายตาและการกระทำบางอย่างมันทำให้ผมไม่ไว้ใจยังไงไม่รู้ เหมือนคนกำลังคิดวางแผนจัดการตลอดเวลา ผมชะล่าใจไม่ได้เลย หากพลั้งเมื่อไหร่ ผมพลาดท่าแน่นอน
อีกด้านหนึ่ง
“มือไม้อ่อนเหรอ แกะขนมไม่ได้เนี่ย”
ฉายหลิงเตรียมจะกลับบ้านใกล้เวลาเลิกงานแล้ว ผมเห็นน้องก้านไม้ยังไม่กลับบ้าน เดินเข้ามาหาผมให้ผมแกะแท่งช็อกโกแลตให้ มันไม่ได้แกะยากขนาดนั้นแล้วทำไมน้องแกะไม่ได้ จะมือไม้อ่อนเวลาอยู่กับผมไม่ได้นะ
“ก็ผมอยากใช้พี่”
“พี่กับน้องก้านไม้น่ารักไม่แพ้กันเลย ส่องกระจกดูสิ” ผมให้ส่องกระจกดูผมกับน้องหน้าหวานไม่แพ้กัน มาชมผมน่ารักแล้วตัวน้องเขาเองไม่น่ารักหรือไง ระหว่างที่น้องกำลังกัดช็อกโกแลตอยู่ ผมทำอะไรบางอย่างเป็นการฉวยโอกาสทันที
จู้บบ
ผมตกใจเมื่อพี่ฉายหลิงจูบแก้มผม ผมตกใจหันมามองเพราะผมคาดไม่ถึงว่าพี่เขาจะทำแบบนี้กับเด็ก ปกติผมไม่เคยโดนใครจูบขนาดผู้หญิงยังไม่มีเลยแต่จูบแรกในชีวิตผมกลับเป็นผู้ชายอย่างพี่ฉายหลิง มันอาจจะเป็นการกระทำเล่นและแกล้ง แต่ผมรู้สึกเหมือนพี่เขาจริงจังมาก
“ชอบไหม”
“ผม...”
“พี่ดูออกนะว่าก้านไม้เป็นเกย์ หน้าหวานขนาดนี้ชอบผู้ชายคนไหนล่ะ” ผมไม่กล้าตอบเพราะผมไม่ได้ชอบใครเป็นเจ้าของหัวใจ เด็กแบบผมยังไม่รู้อะไรในเรื่องความรักมากกว่าผู้ใหญ่เลย มาถามผมแบบนี้จะให้ผมตอบยังไง
“ไม่มีคนที่ชอบครับ ผมอยากเป็นเด็กเล่นกับเพื่อนไปก่อน”
“ก้านไม้ ผู้ปกครองมาแล้ว”
ครูโลมาเดินมาตามนักเรียน ผมเห็นฉายหลิงอยู่ดูแลนักเรียนถือว่าปฏิบัติหน้าที่ดีจนหมดเวลางาน นักเรียนกลับบ้านใกล้หมดแล้วจะได้หมดห่วงไม่งั้นมีปัญหาโดนรถทัวร์จอดใส่อีกตามเคย โรงเรียนไหนมีผู้อำนวยการนิสัยดีและเป็นเจ้าคนนายคน ผมจะพาฉายหลิงไปสมัครงานด้วยกัน
“ขอบคุณนะฉายหลิง ช่วยครูได้อีกแรงเลย”
“ผมก็ต้องจริงจังจนเวลาเลิกงานสิครับ หมดเวลางานผมก็ปลดปล่อยเหมือนคนละคนแล้ว”
“วัยแบบเธอเข้าผับเข้าบาร์ไหมเนี่ย อย่าเป็นสเปคร้านเหล้าให้เขาเลือกล่ะ เมาแล้วมาสอนนักเรียนไม่ไหว ภาพลักษณ์แย่หมด”
“ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร มีแค่ครูโลมาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” ผมกับครูโลมาเตรียมกลับบ้านไปพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้กลับมาลุยงานกันต่อ ผมรู้สึกว่าหนึ่งเทอมเวลาผ่านไปช้ามากไม่เหมือนตอนเรียนเลย แต่ยังไงผมก็จะสู้ต่อจนจบให้ได้ ผมจะได้ไปทำอะไรตามความฝันของตัวเองสักที
ที่บ้านปอนด์
ผมรับลูกข่างกลับบ้านมาปกติ หลังจากพาเข้าบ้านนั่งโต๊ะอาหารแล้ว ถึงเวลาพ่อศรีเรือนแบบผม ผมทำอาหารเสร็จแล้วมานั่งกิน ในขณะนั้นผมสังเกตที่แขนน้องลูกข่าง ผมตกใจจนช้อนดีดขึ้นกลางอากาศเพราะแขนทั้งสองข้างมีวงกลมสีแดงไม่เต็มวงประดับเป็นลายเต็มแขน
“เชี่ยย...”
บล็อกตี้ตกใจตามเสียงของปอนด์ดังขึ้นมาไม่ทันตั้งตัว ผมมองดูลูกข่างไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ หรือผมกับเขาเห็นอะไรไม่เหมือนกัน ผมรู้สึกว่าช่วงนี้มันมีอะไรแปลก ๆ ที่ผมไม่สามารถคาดเดาได้เลย
“ปอนด์ นายเห็นอะไร”
“ที่แขนลูกข่างมีวงกลมสีแดงเต็มไปหมด”
ลูกข่างมองที่แขนตนเองพบว่ามีวงกลมสีแดงวาดไว้ไม่เต็มวง ผมเห็นแล้วยังแปลกใจเช่นกันว่ามันมาจากไหน ผมมองดูเส้นวงกลมค่อย ๆ ลบหายตามเส้นทางวงกลมหายไปต่อหน้าต่อตาผม ผมเห็นยังตกใจไม่แพ้พี่ปอนด์
“เอ่อ... ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“พี่ปอนด์ วันนี้ผมเห็นเหมือนพี่ไปโรงเรียนเลยนะ” ผมตกใจเมื่อน้องลูกข่างเห็นเหมือนผมไปโรงเรียน ผมพูดไม่ถูกเลยแล้วคำถามของน้องทำให้บล้อกตี้สงสัยมากกว่าเดิม
“ปอนด์ไปโรงเรียนเหรอ”
“ไม่ได้ไป”
“แล้วตอนนั้นนายรับสายใคร ชื่อที่โทรเข้ามาจะอ่านยังไงอะ ด. + ฎ. มันเรียกว่าตัวอะไร” ตัวอักษรภาษาไทยตัวนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเอามาผสมกันเรียกมันตัวที่สี่สิบห้าหรือไง แล้วช่วงที่ปอนด์หายไปคือไม่ได้กลับมากินอาหารกลางวันกับผม หายยาวจนผมกินแทนไปแล้ว แล้วเขาหายไปไหน
“ลูกค้าเราไง”
“เหรอ ปกติงานด่วนต้องขนาดนี้เลยเหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอก ลูกค้าประจำเราอะ” ผมบอกแล้วไงว่าผมมีงานด่วนเลยออกไปก่อน ผมรีบจนไม่ได้บอกบล็อกตี้ปล่อยเขารอนานจนรู้สึกผิด ผมไม่ได้ไปนอกเหนือจากเส้นทางงานด้วยซ้ำ ยังไงผมไม่ทำให้เขาระแวงอยู่แล้วกินอาหารต่อดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา
หลังจากนั้น
“นายเห็นอะไรในตัวลูกข่างเหรอ”
ผมถามด้วยความขนลุกเพราะจากอาการของปอนด์ ความตกใจกลัวมันสมจริงยิ่งกว่าแกล้งทำ ผมรู้คำตอบอยู่แล้วว่าเขาเห็นวงกลมสีแดงแต่ผมอยากรู้ว่าเขาเห็นอะไรมากกว่านั้น เขาบอกว่าเห็นแค่นั้นจริง ๆ ผมไม่เชื่ออะไรมากเพราะผมไม่ได้เห็นกับตา
“บล็อกตี้ เราว่าเราเหมือนนายเข้าไปทุกทีแล้วนะ”
“อาการประสาทหลอนมันไม่ใช่โรคติดต่อนะ”
“บล็อกตี้ เราว่ามันถึงเวลาแล้วนะ...” ผมว่าเรื่องนี้ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพราะถ้าไม่ทำอะไรเลย ผมจะไม่รู้ความจริงเลยว่าสิ่งที่ผมเห็นมันคืออะไรยิ่งคาใจมันยิ่งหลอกหลอนมากกว่าเดิม ผมคิดว่าเรื่องนี้บล็อกตี้ต้องเข้ามาร่วมมืออีกแรง
“นายจะให้เราทำแบบนั้นเหรอ”
“นายอยากแก้ตัวอีกครั้งไหม” เรื่องที่ปอนด์บอกผมคือ ต้องการให้ผมกลับเข้าไปในโรงเรียน ทำเหมือนผมไปสังเกตการณ์สอนเหมือนตอนที่ผมเรียนคณะนี้เพื่อทำการสืบความจริง แต่ว่าเรื่องนี้ผมไม่อยากตอกย้ำ
“มันอาจจะเป็นทางเดียวที่ทำให้เรารู้ความจริงก็ได้นะ เราจะช่วยทำทุกอย่างให้เนียนขึ้น ปกติครูชฎาพรเห็นหน้าเราไม่เคยเห็นบล็อกตี้ด้วยซ้ำ ถ้านายไปจะเนียนจนใครจับไม่ได้เลยล่ะ” ผมเสนอวิธีนี้ให้บล็อกตี้มันเป็นวิธีที่จะสืบความจริงได้ ยังไงเขาก็สงสัยเรื่องนี้อยู่แล้ว ช่วยผมและลูกข่างให้กระจ่างก็พอแล้ว ผมจะช่วยทำทุกอย่างให้ราบรื่นเอง
“ไม่ต้องกลัวนะบล็อกตี้ ทุกอย่างจะปลอดภัย...”