EP3 (1/2) - วงกลมวงเดิมที่ไม่เหมือนเดิม

3541 คำ
3 - วงกลมวงเดิมที่ไม่เหมือนเดิม “อ๊ากกกก” ผมกรีดร้องโวยวายออกมากลางดึก ผมปิดตากลัวขนลุกพร้อมใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเพราะสิ่งบางอย่างกำลังหลอกหลอนผมแม้ตื่นรู้สึกตัวแล้ว ผมปิดตากลัวเพราะผมเห็นอะไรบางอย่างกำลังทิ่มแทงร่างกาย ราวกับมีดร้อยเล่มพุ่งเสียบขั้วหัวใจผมให้แตกไม่เหลือชิ้นดี ผมรู้สึกตื่นตัวเมื่อมาถึงเหตุการณ์นี้ “บล็อกตี้ เป็นอะไรน่ะ” ผมเปิดประตูห้องเข้ามาอย่างรวดเร็ว วิ่งตรงมากอดแฟนสุดที่รักขณะเขาตัวสั่นร้องไห้เสียงดังสะอื้นกับความกลัวบางอย่างพุ่งโจมตีขณะเขานอนหลับ เวลาในนาฬิกาข้อมือผมบอกเวลาตีสามสิบนาที เวลานี้คนโบราณเชื่อว่าจะเจออะไรไม่ควรเห็น แม้ยุคสมัยเปลี่ยนไปแต่เรื่องพวกนี้ยังมีหลงเหลืออยู่ “พี่บล็อกตี้...” ลูกข่างค่อย ๆ ขยับตัวหลังจากหลบอยู่หน้าประตูห้อง ผมเห็นพี่บล็อกตี้หวาดกลัวเสียสติทำให้ผมขนลุกนอนไม่หลับเหมือนกัน ผมยืนนิ่งตัวสั่นยืนกอดหมอนให้แน่นตัวมากที่สุด ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปดึงแขนเสื้อพี่ปอนด์ให้เขาหันมา ผมมีเรื่องบางอย่างอยากบอกให้พี่เขาฟังเพราะผมเห็นอะไรบางอย่างเสมือนผมกึ่งความจริงกึ่งความฝัน “เห้ยย” ผมตกใจเมื่อผมเห็นอะไรบางอย่างบนฝาผนังห้องนอนของลูกข่างมันเป็นสัญลักษณ์หนึ่งไม่ใช่ข้อความ แต่เป็นวงกลมสีแดงไม่เต็มวง กลมทุกประการแต่เส้นขาดหายไปบางส่วน ผมยืนมองค่อย ๆ เข้าใกล้ดูกลัวว่าจะเจอดีคิดไปเองถ้าเอามือสัมผัสมันจะดึงผมกลับเข้าไปในกำแพงหรือไม่ ผมตั้งสติแล้วค่อย ๆ ถามลูกข่างว่าน้องผมเห็นอะไรมาก่อนตื่นนอน “ลูกข่าง น้องเห็นอะไรมา” “ผมเห็นเพื่อนในห้องตามมาหลอกหลอน เขาต้องการของบางอย่าง” “ของบางอย่าง...” ผมมองดูผนังห้องยังมีวงกลมสีแดงหลายวงเส้นไม่เต็มวงปรากฏเต็มด้านที่หันหัวเตียงชดผนังไปทางขวา ผมขนลุกมากเพราะนี่ไม่ใช่ลายวอลเปเปอร์ที่บ้านผมมีด้วยซ้ำ วงกลมที่ไม่เต็มวงมีความหมายว่าอะไร เส้นที่ขาดหายต้องการสื่ออะไร “มันคืออะไร” “เขาต้องการวงเวียนของประจำตัวของเขาครับ” “เขานี่หมายถึงใคร” ผมพูดไม่ออกขนลุกไปหมดเห็นวงกลมสีแดงไม่เต็มวงหลอกหลอนเมื่อปรากฏอยู่บนผนังห้องนอนลูกข่าง ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ได้มือบอนไปวาดเล่นแน่นอน เด็กคนหนึ่งจะทำให้ตัวเองตื่นกลัวทำไมและอีกอย่างบ้านหลังนี้ไม่มีปากกาเมจิกสีแดงเพราะผมไม่ชอบสีแดง แสดงว่าฝีมือของอมนุษย์ที่พร้อมคร่าชีวิตใครบางคนในบ้านหลังนี้ หลังจากนั้น ผมถ่ายรูปวงกลมสีแดงบนผนังห้องนอนลูกข่างไว้เป็นหลักฐาน วงกลมที่ผมเห็นมันหมายถึงอะไร ทั้งที่มันเป็นสัญลักษณ์ของเรขาคณิตวงกลม ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แทบเห็นทุกวันกับของที่เป็นวงกลมแต่ว่าทำไมเส้นของมันขาดหายทุกวง เหมือนคนวาดเป็นแต่ไม่สมบูรณ์ ผมนั่งดูรูปแล้วยังตีความไม่ออกเลยว่ามันหมายถึงอะไร จะถามครูชฎาพร ซึ่งเป็นครูประจำชั้นคงให้คำตอบไม่ได้ เธอไม่ได้เป็นจิตแพทย์หรือนักสืบจะได้ให้คำตอบเรื่องนี้ได้ เอาเป็นว่าผมจะเก็บมันไว้ก่อนจะได้ใช้มันภายหลัง ‘มันหมายความว่ายังไงวะ’ หลังจากนั้น ผมและบล็อกตี้เดินทางไปที่ทำงานตามปกติ ตารางชีวิตแทบไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมาก ส่งลูกข่างไปโรงเรียน ผมเราสองคนมาทำงาน ช่วงเย็นรับกลับและใช้เวลาครอบครัวด้วยกัน ทุกวันเหมือนหนึ่งวันเหมือนกันไปแล้วหนึ่งเดือน แม้จะไม่มีสีสันอย่างน้องก็ไม่อดตาย หาให้ตัวเองและคนอื่นพอประมาณ “ขอเติมพลังก่อนนะ” “อีกแล้วนะ ไหนว่าเบื่อไง” ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจบล็อกตี้บางที วันนี้อยากกิน บางทีเบื่อแต่ผมไม่เคยต่อว่าอะไรบล็อกตี้ถ้าเขาชอบอะไรก็ให้เขาได้รับมันอย่างพอใจ เหมือนที่เขาเคยได้รับมันมาเพียงพอแล้ว ผมเห็นเขาเดินไปร้านกาแฟตรงข้าม วันนี้ผมปล่อยเขาไปคนเดียวแล้วกันเพราะผมเบื่อรสชาติกาแฟของหานมสดดื่มบ้าง ผมเห็นบล็อกตี้เดินข้ามถนนเข้าร้านกาแฟไปแล้ว ผมเดินเข้าที่ทำงานก่อน ค่อยเจอกันที่โต๊ะทำงานแล้วกัน ที่โรงเรียน ครูชฎาพรเดินลงจากรถยนต์ ในรถยนต์ฉันเรียกได้ว่าเต็มไปด้วยกองเอกสารและเอาแก้วกาแฟและน้ำบรรจุในถุงนั่งเป็นเพื่อนไปด้วย ฉันเป็นผู้หญิงขับรถตัวคนเดียวสงสัยต้องหาคนช่วยยกของเพิ่มแล้วล่ะ “ครูโลมาคะ” ผมกำลังโบกจราจรหน้าโรงเรียนพร้อมกับฉายหลิง ผมเห็นรถยนต์ครูชฎาพรบรรจุของมาเยอะมาก อีกอย่างถ้าไปพร้อมกันใครจะทำหน้าที่ระบายการจราจรหน้าโรงเรียน ผมสังเกตเห็นฉายหลิงชอบไปสนิทกับครูชฎาพร งั้นผมวานเขาไปช่วยครูเขาแล้วกัน “ได้ครับครูโลมา” ฉายหลิงรับคำสั่งจากครูโลมา ผมเป็นคนชอบเข้าไปช่วยเหลืออยู่แล้ว ผมยกกองเอกสารที่เป็นกล่องและกองแฟ้มช่วยครูชฎาพร ยังดีมีครูนันทนินทร์เพื่อนครูด้วยกันมาช่วยอีกแรง “ครูชฎาพรติดน้ำชงขนาดนี้เลยเหรอครับ” “เธอเห็นทุกวันชินตาน่าจะรู้แล้วนะว่าครูชอบมากกว่าน้ำเปล่าแล้ว” ผมเห็นทุกวันแต่ยังไม่คุ้นเคยเพราะปกติผมไม่เคยเห็นใครดื่มจริงจังขนาดนี้มาก่อน ถ้าเป็นคอกาแฟก็ไม่ถึงขั้นดื่มทุกวันติดแทนน้ำเปล่า ผมว่าครูเขาดูไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปเลยด้วยซ้ำ ชอบอะไรคลั่งไคล้เกินขีดจำกัด “ครูกินขนาดนี้เดี๋ยวเบาหวานถามหาหรอก” “เอ๊ะ...” “ขอโทษครับครู ผมแค่สังเกตว่าครูดื่มบ่อยเกินไป ดื่มแทนน้ำเปล่ากลัวครูเลือดข้นฉี่จางครับ” “ร่างกายครูทนอยู่แล้วล่ะ ขนาดรถยนต์ครูล้อยังแข็งแรงไม่แพ้กันเลย” ผมว่ามันไม่เหมือนกันสักหน่อย สิ่งของกับร่างกายมนุษย์แข็งแรงก็จริงแต่ถ้าเวลาผ่านไปและมีอะไรมาลดความแข็งแรงลงเรื่อย ๆ วันนั้นจะไม่เรียกคำว่าแข็งแรงแล้ว จะกลายเป็นอ่อนแอทรุดตัวลงทันที “เธอดูเป็นห่วงคนอื่นดีเหมือนกัน ดูแลตัวเองบ้างนักศึกษาพละแบบเธอต้องหนักกว่าสาขาอื่นที่ส่งมาอยู่แล้ว” “ขอบคุณครับที่เข้าใจ” ผมชอบเวลาใครชมผมว่าผมดูแลตัวเองดีหน้าตาดีด้วย ผมเขินเกาหัวเหมือนผมมีอาการหลงตัวเองไปแล้ว ใครชมผมก็ไม่ว่าเพราะมันเป็นเรื่องจริงอยู่แล้ว ผมเดินตามครูไปที่ห้องทำงานขนาดใหญ่จะเป็นห้องทำงานเวลาคุณครูมาประชุมและรองรับนักศึกษา ผมเห็นครูหลายท่านเข้ามาถ่ายเอกสารใบงานนักเรียน มานั่งทานอาหารเช้า ถือเป็นเรื่องปกติของโรงเรียนนี้ ผมวางน้ำแล้วช่วยครูเทน้ำใส่แก้วที่มีน้ำแข็งเตรียมไว้ “ไม่มีอะไรแล้วล่ะฉายหลิง เธอไปอยู่หน้าโรงเรียนต่อเลย เดี๋ยวสายตาพิฆาตทำงานหรอก” “ครับ” ผมรู้แล้วว่าครูชฎาพรหมายถึงอะไร แน่นอนว่าถ้าเวลาจริงจังแล้วผมมานั่งอู้งานไม่ดูแลนักเรียน ผมได้โดนรถทัวร์คว่ำใส่บ้านแต่เช้าแน่นอน ผมเดินกลับไปหน้าโรงเรียนทำหน้าที่พร้อมกับครูโลมาทันที จะได้อยู่ในเวลางานจริงจัง เขาจะได้ไม่หาว่านักศึกษาส่งมาปฏิบัติงานเหมือนเล่นขายของ อีกด้านหนึ่ง บล็อกตี้และปอนด์พักเที่ยง เราสองคนจะออกไปหาร้านอาหารตามสั่งที่ผมชอบไปกับเขา วันนี้ผมอยากกินข้าวผัดกุ้ง ส่วนปอนด์กินกะเพราหมูกรอบและผมจะชอบทะเลาะกับปอนด์แย่งหมูกรอบเสมอ มันดูน่ารักดีเหมือนกัน ผมสั่งอาหารไปแล้ว ระหว่างรอผมก็นั่งคุยกันไปทั้งเรื่องงานและเรื่องชาวบ้าน “เรื่องชาวบ้านจำได้ดีจังนะบล็อกตี้” “คนเราจะอยากเอาเรื่องฝันร้ายมาพูดทำไม เราว่าหาอะไรสนุกปากมาทำให้เรามีความสุขดีกว่า” ปอนด์เขาก็รู้อยู่แล้วว่าผมเป็นอะไร ฝันร้ายเหมือนคนไม่สมประกอบอีก ไหนจะเรื่องวงกลมสีแดงเส้นไม่เต็มวงที่เขาพูดกับผมหลังจากลูกข่างเข้าโรงเรียนแล้ว ผมไม่รู้ความหมายของมันคืออะไร แต่ปรากฏในห้องนอนลูกข่าง หรือสิ่งลี้ลับตนนั้นต้องการให้เขาช่วย “เมื่อเช้าคุยอะไรกับป้าเจ้าของร้านเหรอ” “มันบังเอิญมากเลยนะ” ผมกำลังจะบอกเรื่องก่อนหน้านั้น ช่วงเช้าตอนที่ผมไปซื้อกาแฟ ผมเห็นออเดอร์ชุดใหญ่มาก คาดว่าจะรอไรเดอร์รับไปส่ง ผมถามป้าเขาด้วยความอยากรู้อย่างมีมารยาท ป้าบอกผมว่าครูชฎาพรสั่งน้ำเข้ามา และอีกอย่างครูเขาเซ้งร้านนี้ให้ป้ารับต่อเพราะเธอได้งานและไปทำงานเป็นครูประจำโรงเรียนนั้นแล้ว ผมไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญโลกกลมมาก “จริงเหรอเนี่ยบล็อกตี้” ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องบังเอิญขนาดนี้มาก่อน ผมไม่เคยรู้ว่าครูชฎาพรเซ้งร้านให้ป้ารับต่อไป แล้วผมก็เห็นครูที่โรงเรียนประจำทุกวันไหนจะเป็นครูประจำชั้นในห้องเรียนเดียวกับลูกข่าง มันดูบังเอิญจนผมยังคิดว่าเหมือนตั้งใจ “ความบังเอิญมันก็มีตลอดเวลาเหมือนชีวิตบล็อกตี้แหละ” “จริงเหรอ เราเจออะไรบังเอิญ ถ้าบังเอิญมาเจอปอนด์เราไม่เรียกว่าความบังเอิญนะ แต่เรียกว่าความรัก” ผมรู้สึกดีที่ปอนด์เข้ามาเติมเต็มชีวิตผมเหมือนผมเลือกผู้ชายถูกคนแล้วต่อไปชีวิตรักผมคงไม่มีปัญหามากแล้วล่ะ ตรี๊ดดด... ผมเห็นโทรศัพท์ปอนด์ดังขึ้นหน้าจอสว่างจากการมีสายโทรเข้า ผมแปลกใจว่าทำไมหน้าจอโทรศัพท์ถึงมีตัวอักษรประหลาด มันเป็นตัว ด. แต่หางเหมือนตัว ฎ. ผสมกัน มันคือภาษาไทยตัวที่สี่สิบห้าหรือไง ถึงเอามาผสมกันแบบไม่มีหลักการ แล้วชื่อที่บันทึกไว้ก็ตัวเดียวกัน ก่อนอื่นตัวอักษรที่ผมเรียกว่า ด. + ฎ. ผสมกันมันมีในแป้นพิมพ์ด้วยเหรอ “เรารับสายก่อนนะ” ผมเห็นปอนด์ออกไปรับสาย ผมก็ไม่ว่าอะไรนั่งกินข้าวต่อไปด้วยความหิวยังพอมีอยู่ แต่ว่าสายนี้มันแปลกมากเลยทำไมต้องประดิษฐ์อักษรตัวใหม่เป็นตัวที่สี่สิบห้าด้วย ที่โรงเรียน “ครูรังสิตาเป็นอะไรนะครับ” ฉายหลิงนั่งกินข้าวกับครูโลมา ผมสนิทกับครูเขาและเขาเป็นครูพี่เลี้ยงผมจะให้ผมไปนั่งกับครูท่านอื่น ผมทำตัวไม่ถูกหรอก ผมรู้จักกับครูพี่เลี้ยงก่อนก็ต้องปรึกษากันเสมอ ระหว่างที่ผมซดน้ำซุปกินข้าวไข่ข้นเบคอน ผมได้ยินเรื่องราวแปลกใจว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับครูรังสิตา ครูที่ดูภายนอกปากจัดแต่ภายใจอาจใจดีก็ได้ “คือฉายหลิงเป็นคนเทน้ำให้ครูช่วงเช้าใช่ไหม” “ครับ พอดีครูชฎาพรให้ผมช่วยเตรียมน้ำให้ครับ” “แล้วเธอเห็นอะไรในแก้วไหม” “ไม่ครับ...” ครูโลมาถามผมแบบนี้เหมือนผมเป็นคนผิดในเรื่องอะไรสักอย่าง ผมตอบไปตามความจริงเพราะปกติของพวกนี้จะไม่มีอะไรผิดปกติ ร้านจะหลอกลวงผู้บริโภคใส่อะไรแปลกปลอมไปทำไมให้เสียลูกค้า ผมทราบมาว่าในแก้วน้ำครูรังสิตานอกจากสีน้ำแข็งจะเข้มเมื่อเจอชาเขียวแล้ว ยังมีอะไรบางอย่างหลุดมาด้วย ครูบอกว่ามันเป็นเศษแก้วปั่นละเอียดจนแยกไม่ออกว่าเป็นน้ำแข็งหรืออะไร ทั้งที่สั่งแบบไม่ปั่นแต่มันกลมกลืนกับน้ำจนมองไม่ออก “ผมสาบานนะครับว่าผมไม่มีเจตนาแกล้งครู ผมเห็นทุกอย่างปกติดี” “ครูก็ว่าแปลกนะ แก้วตั้งมากมายแต่คนที่โดนเป็นคนนี้” ผมนั่งเงียบทำอะไรไม่ถูกเพราะเรื่องราวที่ผมได้ยินมันเสียวคอผมแทน ปกติผมชอบดื่มของแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าเจออะไรแปลกปลอมตอนดื่มไป คอผมได้บาดเจ็บไม่ใยดีแน่นอน “วันนี้เธอไม่กินข้าวสามจานเหมือนทุกครั้งเหรอ” “ผมกินสามจานเฉาพะสปาเก็ตตี้ครับ ถ้าชอบรองลงมาก็สองจาน ไม่อร่อยมากก็หนึ่งจานพอครับ” ครูโลมาน้อมรับแล้วทานอาหารต่อหลังจากทราบคำตอบแล้ว ปกติโรงเรียนผมไม่มีครูฝึกสอนวิชาผมมา ปีแรกทั้งทีก็ต้องดูแลให้ดีที่สุด เผื่อรอบหน้าทางมหาวิทยาลัยส่งนักศึกษาสาขาพลศึกษามาจะได้ไปรีวิวปากต่อปากว่าครูพี่เลี้ยงแบบผมดูแลดีขนาดไหน “ผมอิ่มแล้ว ไปเก็บจานก่อนนะครับ” ผมลุกออกไปและจะแยกย้ายไปทำหน้าที่กันต่อ ผมนั่งนานไม่ได้หรอกกลัวจะไม่เป็นตัวของตัวเอง การที่ใครชอบมาสงสัยทุกเรื่องว่าผมเป็นคนทำ ผมไม่ชอบเลย ผมไม่มีเจตนาทำร้ายใครแล้วทำไมต้องมาสงสัยผมด้วย “ครูโลมา” ผมตกใจเมื่อครูรังสิตามาสะกิดหลังผม พร้อมเสียงมาก่อนตัวเสมอ ครูเขามาถามผมว่าทำไมฉายหลิงเขาคุยกับครูโลมาและครูชฎาพรดีมาก ผิดกับครูท่านอื่นออกแนวชักสีหน้าบ้าง หรือหยิ่งผยองมันดูเหมือนคนตีสองหน้า สร้างนิสัยโลกสองใบ ผมไม่รู้ว่าครูเขาคิดแบบนั้นเพื่ออะไร “แกจะไปแซะนักศึกษาเขาทำไมเนี่ย บางทีเด็กเขายังปรับตัวในสังคมโรงเรียน เขาก็อยากสนิทกับครูสักคนเป็นเซฟโซนไหม” ผมจะรู้นิสัยเพื่อนร่วมงานอย่างครูรังสิตาว่าเธอเป็นคนชอบชวนคุย กันเองกับเพื่อนครูด้วยกัน เธอไม่ค่อยสนิทกับนักศึกษาเพราะไม่ใช่คนในโรงเรียนเต็มตัว แต่ว่ามาพูดกับน้องฉายหลิงแบบนี้ ผมปกป้องแทนเขาได้นะ “ครูว่าเขาไม่พอใจฉัน” “ก็แกเป็นคนปากจัด ปากแรงใครเขาจะทนได้ล่ะ นักเรียนเขาก็บอกว่าเธออะดุดันจนเด็กกลัว” “มันก็หน้าที่ไหม ไม่งั้นใครเขาจะสนใจเรียนจนหมดคาบล่ะ แล้วอีกอย่างครูว่าฉายหลิงกำลังโกหก” “จะมาสงสัยอะไรเด็กครูเนี่ย” “ครูจำได้ว่าเขาสายตาดีมากเหมือนเหยี่ยวเลย ตอนแรกครูก็ไม่เชื่อแต่วันนั้นที่มาจัดห้องทำงานใหญ่ เห็นฝุ่นเกาะหนังสือหรือเศษกระจกขนาดเล็ก แยกเม็ดทรายออกได้ แล้วทำไมตอนเทน้ำไม่เห็นว่ามีเศษอะไรปนมาด้วย” ครูโลมาได้ยินเริ่มลังเลแล้วว่าสิ่งที่ครูรังสิตาพูดมามันคือเรื่องจริงหรือไม่ ผมจำได้ตอนที่ครูพูดว่าฉายหลิงสายตาดีมากผิดมนุษย์ นึกว่าเหยี่ยวมาสิงร่างเขา และทุกการกระทำที่พูดมามันดูเหนือมนุษย์มาก ผมว่าผมชักจะลังเลแล้วสิว่าฉายหลิงเป็นคนยังไง “แกอย่าไว้ใจนักศึกษาคนนี้มากล่ะ เขากับฉันดูไม่ค่อยชอบหน้ากันด้วย ระวังตัวหน่อยก็ดี...” ผมไม่รู้จะตอบเรื่องนี้ยังไงแต่ผมขอเป็นคนกลางก่อนอยากสืบดูให้แน่ชัดก่อน ใช่ว่าตัดสินทันทีแบบไม่มีเหตุผล เวลาต่อมา ผมกินข้าวเสร็จแล้ว ต่อไปผมมานั่งอยู่ในอาคารกิจกรรม อยากไปดูเด็กนักเรียนและรับหน้าที่สอดส่องความปลอดภัยในอาคารกิจกรรมไปในตัวอยู่แล้ว ผมนั่งพร้อมดูดชาเย็นจากโรงอาหาร ผมพยายามทำตัวกลมกลืนมากที่สุดจะได้ไม่ทำให้นักเรียนอึดอัด ผมจะเป็นคนติดหรูมาก แค่ไม่อยากแสดงให้ใครเห็นก็เท่านั้น ปึกก ผมตกใจเมื่อมีอะไรบางอย่างมาโดนตาผมเต็มแรง รีบปัดตกพื้น ผมตกใจพยายามตั้งสติไม่กล้าโวยวายออกมากลัวนักเรียนตกใจ ผมมองดูที่พื้นพบว่าลูกแบตมินตันลอยมาตกใส่ตาผมแล้วกระเด็นลงพื้นต่อ ผมหยิบมามองดูไม่รู้ว่าเป็นของใคร ยังไม่ทันที่ผมจะมองหา เด็กคนหนึ่งเข้ามาขอคืนอย่างสุภาพ ผมมองดูพบว่าเด็กคนนั้นคือก้านไม้ “พี่ฉายหลิงครับ” “ทีหลังระวังหน่อยนะ มือหนักนะเราอะ” ก้านไม้หัวเราะเล็กน้อยและยอมรับว่ามือหนัก แต่ความจริงคนที่มือหนักมากกว่าคือน้องชี้ไปที่เวกเตอร์ แม้ไม่ชอบหน้าแต่เป็นคู่แข่งในเกมกีฬา ผมคิดอะไรบางอย่างได้ ไหน ๆ ผมได้แผลเข้าเบ้าตาแล้วขอจัดการนักเรียนเป็นการเดิมพันสักหน่อย “ครูเล่นด้วยนะครับ” ฉายหลิงขอเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับนักเรียน เวลาครูพักเขาคงไม่มากระแหนะกระแหนหรอกว่าอู้งาน ครูโลมาก็บอกให้กันเองกับนักเรียนได้ ไม่ใช่ถืออำนาจหยิ่งผยองเกินไป จะดูเหมือนคนไม่เคยเป็นเด็ก โตมานิสัยเคร่งขรึมเหมือนผู้ใหญ่เกินไป “สู้กับผมไหมล่ะ” “เอาสิ” ผมอยู่ฝ่ายเดียวกับน้องเวกเตอร์ ผมเป็นครูสอนสุขะพละจะไม่เคยเล่นแบดมินตันได้ยังไง หาว่าผมจับฉลากมาเรียนแฝงตัวเป็นนักศึกษาพละคงไม่ใช่เรื่อง ผมควงไม้แบดมินตันแล้วเสิร์ฟลูกให้นักเรียนเป็นการเริ่มเกม ผมก้าวขาถอยหลังขยับทุกพื้นที่ในเขตผม ผมจะแพ้นักเรียนได้ยังไงดูสินักเรียนแต่ละคน ตีแบดมินตันโหดเหมือนเป็นนักกีฬาทีมชาติ ไม่แปลกเพราะเวลาพักเที่ยงของโรงเรียนไม่ได้หรูหรามาก กีฬาที่มีให้ก็ถือว่าเป็นพื้นฐานของเด็ก ผมและน้องเวกเตอร์วิ่งไปมา ผมเริ่มทำตัวปัญญาอ่อนเหมือนนักเรียนเข้าไปทุกทีแล้ว กึ๊กกก เสียงเสียดสีรองเท้าดังที่พื้นตลอดเวลาในอาคารกิจกรรม ผมเห็นลูกลอยมา ผมรับวิ่งรับพร้อมไม้แล้วเป็นจังหวะที่น้องวิ่งเข้าหาผมในระนาบเดียวกัน ผมและน้องชนกัน ผมล้มลงนอนทับตัวเวกเตอร์แล้วเหตุการณ์นี้แหละทำให้ผมเกิดอาการใจสั่น เพราะผมล้มจูบปากน้องเวกเตอร์เต็มกำลังและเน้นเข้าไปตรงปาก จู้บบบ “อื้อออ พี่แม่งโรคจิต” เวกเตอร์ตกใจกลัวเพราะผมคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่การล้มจูบผมอาศัยช่วงเผลอ มันทำให้ขนลุกไปหมด ผมไม่เคยโดนผู้ชายจูบบังเอิญมาก่อนและอีกอย่างพี่เขาอายุบรรลุนิติภาวะแล้วจะมาใจเกเรกับเด็กตัวแค่นี้ได้ยังไง ผมตกใจผลักตัวพี่เขาออกทันที “พี่ขอโทษ วิ่งไม่ดูเลย” ผมแกล้งโทษน้องเพราะผมจะวิ่งมารับลูกแบตเช่นกัน แต่ไม่คิดว่าน้องจะวิ่งมาในเวลานี้ทำให้ผมกับน้องชนกัน ทำชายเสื้อนักเรียนหลุดลุ่ย ผมบอกให้น้องยืนขึ้นผมจะได้ยัดชายเสื้อใส่ให้ ผมบอกแล้วไงว่าอยู่กับผมให้แต่งตัวเรียบร้อยใช่ปล่อยเหมือนนักเลงมาดนักเรียน ผมเห็นกางเกงน้องลดระดับลงคาดว่าจะวิ่งแล้วทำกางเกงหลวมไปบ้าง ผมเห็นน้องเวกเตอร์ใส่กางเกงในสีขาว ผมมองแล้วละสายตาไม่ได้เลย หน้าตาแบดบอยแบบนี้ชอบใส่สีแบบนี้ด้วย ผมว่ามันดูแปลกตาผมเหมือนกัน ผมแกล้งยัดชายเสื้อแล้วเอามือบีบก้นน้องผ่านกางเกงใน “อะไรอะพี่ มาจับก้นผมทำไม” “หน้าตาแบบน้องห้าวนะเรา พี่หมั่นไส้” ผมเห็นหน้าตาน้องเวกเตอร์แล้วหมั่นไส้มากเพราะน้องมาดนักเลงชอบหาเรื่องแกล้งเพื่อนคนอื่น ผมก็ต้องจัดการมันหน่อย ถึงผมเป็นครูนักศึกษาเด็กไม่กลัวแต่ผมต้องทำให้เด็ดขาดบ้าง จะมาแกล้งผมเหมือนผมเป็นเพื่อนเล่นไม่ได้ ครูโลมาสังเกตฉายหลิงดู ผมเห็นเขาเข้ากับเด็กได้ดีแต่มันสนิทเกินไปหรือเปล่า ผมชักไม่แน่ใจและผมเห็นจังหวะบังเอิญจะเรียกตกหลุมรักคงไม่ได้ เขาเป็นนักศึกษาจะมารักนักเรียนคงไม่ใช่เรื่อง ผมอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แต่ว่าทำไมฉายหลิงดูมีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกเยอะเลย ผมว่าผมสงสัยเขาแล้วสิว่าเขาเป็นคนยังไงกันแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม