เธอกับแม่ไม่ลงรอยกันอีกเลย จะเรียกว่าตัดขาดก็ไม่เกินจริง สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ตอนนี้ก็คือสายใยของสายเลือดเท่านั้น ที่มันไม่สามารถตัดกันขาดได้จริงๆ
ทองกวาวย้ายมาอยู่กับพ่อหมอสมิงหลังจากที่จบเรื่องราวนั้นแล้ว เพื่อไม่ให้กลายเป็นเรื่องราวกล่าวขานถึงตระกูลในทางที่เสื่อมเสีย พ่อหมอสมิงเลยจำใจต้องยอมรับทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย และพาทองกวาวกลับมาอยู่ที่บ้านของตนเองอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน
ครั้งแรกที่ได้มาเห็นบ้านของพ่อหมอสมิง มันทำให้ทองกวาวถึงกับขนลุกเกรียว เพราะมันเงียบสงบมาก บรรยากาศท้ายหมู่บ้านก็เย็นยะเยือกจนต้องยกมือขนลูบแขนของตัวเองปาวๆ เสียงต้นไม้หวีดหวิวคล้ายเสียงคนร้องโหยหวนมันดังผ่านหูมาไม่หยุด
"พะ พี่ อยู่คนเดียวไม่กลัวหรือจ๊ะ?" ทองกวาวเอ่ยปากถามเสียงแผ่ว พร้อมกับมองไปรอบๆ ตัวเองอย่างหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เพราะยืนอยู่ข้างหลังของพ่อหมอสมิง
"ตามกูขึ้นมา ล้างตีนมึงด้วยล่ะ"
"จ้ะ"
จากนั้นทองกวาวก็ค่อยๆ ตามพ่อหมอสมิงขึ้นไปด้านบน แม้จะอยู่ไกลจากเรือนของชาวบ้านคนอื่นๆ ภายนอกดูเก่าแก่ แต่ภายในไม่ทรุดโทรมเลย เหมือนมีคนคอยดูแลกวาดถูอยู่ตลอดเวลา พื้นกระดานเหมือนถูกขัดเป็นเงาวับ มันน่าอยู่แต่ก็มีความน่ากลัวด้วยเช่นกัน
ในตัวบ้านของพ่อหมอเป็นเรือนใหญ่และกว้าง มีห้องแบ่งแยกเป็นสัดส่วน ดูเรียบร้อยดี
"มึงไปนอนตรงนู้นนะ"
"ฉะ ฉันก็ต้องนอนเดียวรึ?"
"เออสิ"
"มันน่ากลัวพิลึก ฉันขอนอนกับพี่จนกว่าจะปรับตัวได้ไหม ฉันกลัว"
"อย่ามากเรื่อง ที่ไหนก็เหมือนๆ กันทั้งนั้นแหละ เรือนมึงก็มีผีไหงมึงนอนได้ กูเห็นผีเต็มบ้านมึงไปหมด"
"มันไม่เหมือนกันนี่จ๊ะ ฉันอยู่เรือนนั้นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว มันก็เลยชิน แต่ที่นี่...ยังไม่เคยมาอยู่"
"โตจนป่านนี้ละ มึงจะยังกลัวอะไรอีก"
"....." โตแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าจะกลัวผีไม่เป็นนะ แถมเป็นบ้านของหมอผีเช่นเขาอีก แค่ก้าวขาเข้ามาในบริเวณบ้านก็รู้สึกได้แล้วว่าที่นี่มันน่ากลัว
"กูถือพรหมจรรย์ มึงจะมานอนกับกูไม่ได้"
"แต่เราสองคนเป็น..."
"มึงปดคนอื่นเรื่องที่อยู่ในป่าด้วยกัน กูยอมรับมึงก็เพราะตัวกูและบรรพบุรุษกูต่างหาก ไม่ใช่เพราะมึงอีทองกวาว"
"....." อย่างนั้นเองสินะ
"เรือนนี้กูเคยอยู่คนเดียวมาก่อน มึงเพิ่งจะเข้ามาอยู่อย่าได้ทำเรื่องเชียวไม่งั้นมึงจะเจอดี เจออะไรก็อย่าไปทักล่ะ ดูแลเก็บกวาดบ้านให้ดี แล้วมึงจะอยู่ได้เอง"
"เดี๋ยวๆ ถ้างั้นฉันขออะไรอย่างได้ไหม?"
"อะไร?"
"ฉันจะดูแลบ้านให้พี่อย่างดีเลย แต่ทำให้ฉันไม่เห็นผีได้ไหม ฉันไม่อยากเจอ"
"เรื่องนั้นกูทำไม่ได้หรอก"
"แล้วมีอะไรบ้าง หมายถึงที่พี่เลี้ยงไว้น่ะ ฉันจะได้ทำใจ"
"ไม่ใช่เรื่องของมึงที่ต้องรู้"
พูดจบพ่อหมอสมิงก็เดินไปทันที เขาเปิดประตูห้องนึง ซึ่งมันอยู่ตรงกลางบ้าน เป็นห้องที่เหมือนจะใหญ่สุดในบรรดาห้องอื่นๆ และช่วงที่ประตูเปิดออกนั้นก็ทำให้ทองกวาวได้เห็นด้านใน
ห้องที่เต็มไปด้วยของต่างๆ พานบูชา เศียรพ่อปู่ เศียรครู ถูกตั้งวางเรียงไว้ตามลำดับครูที่เคารพนับถือ
"อึ๋ย...." จู่ๆ ก็ขนลุกแบบไม่มีสาเหตุ ทองกวาวหันมองรอบๆ กายรวมถึงข้างหลังอย่างหวาดระแวง ก่อนจะรีบเข้าไปในห้องที่พ่อหมอสมิงชี้ให้ดูก่อนหน้านี้
.
.
เวลาต่อมา
"พ่อหมอ พ่อหมอ พ่อหมอ..."
"???" ทองกวาวได้ยินเสียงคล้ายคนเรียกชื่อพ่อหมอจากใต้ถุนเรือน เธอค่อยๆ ชะโงกหน้าออกไปมองด้วยความอยากรู้ ทีแรกก็ไม่เห็นหรอก แต่พอมองกลับมาที่หน้าบันไดบ้านก็ถึงกับเข่าอ่อนแทบทรุดลง
เพราะอะไรน่ะเหรอ...
เธอเห็นใครก็ไม่รู้ยืนอยู่ที่ตรงทางขึ้นบันไดบ้าน และตอนนี้ก็กำลังมองมาทางเธออยู่ด้วย เขาตัวผอมและตัวเล็กมากคล้ายกับว่ายังเด็กอยู่ มีผมเป็นหัวจุกอยู่หย่อมเดียวกลางกระหม่อม
'คะ ใครน่ะ ใครกัน ทำไมถึงเอาแต่จ้องเธอนิ่งงันแบบนั้น ผะ ผีเหรอ ผีที่พี่สมิงเขาเลี้ยงไว้งั้นเหรอ'
ทองกวาวได้แต่ยืนคิดอยู่ในใจ เพราะพ่อหมอสมิงเพิ่งจะสั่งไปหยกๆ ว่าเจออะไรห้ามทัก ห้ามคุย
"พ่อหมอสมิงอยู่ไหมจ๊ะพี่สาว"
"อึก..." เขาพูดกับเธอ ผีน่ะเหรอพูดได้ และก็กำลังพูดกับเธออยู่ด้วย
"ฉันเป็นคนจ้ะ ไม่ใช่พี่ ฉันชื่อว่า..."
"อ้าวไอ้จุก มาแล้วรึ" ยังไม่ทันที่ทองกวาวจะได้ตอบอะไร พ่อหมอสมิงก็เดินออกมาก่อนพอดี
"มาแล้วจ้ะ"
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ครู่นึงจากนั้นพ่อหมอสมิงก็เดินไปสะพายย่ามเก่าขึ้นบ่า ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอก แต่จะออกไปไหนกันล่ะ
"พี่สมิงจะไปไหนจ๊ะ?"
"กูก็มีเรื่องที่ต้องทำสิวะ มึงนี่ถามทุกเรื่องจริงๆ"
"....." เอ๋า ถามก็ผิดเหรอ "แล้วพี่จะกลับตอนไหน ค่ำหรือเปล่าฉันกลัว"
"มันไม่มีอะไรหรอก มึงนี่กลัวอะไรเป็นตุเป็นตะไปได้"
"ฉันขอไปด้วยได้ไหม?"
"กูจะไปอีกหมู่บ้านนึง คงกลับพรุ่งนี้ มึงจะไปทำไมกูไปนอนในป่า"
"ฉันอยู่ได้" พูดอย่างมั่นใจ เพราะหวังว่าพ่อหมอสมิงจะเห็นใจและไม่ทิ้งให้เธอต้องอยู่คนเดียว
"อย่ามาเร้าหรือกูอีทองกวาว"
"....."
"ไปกันไอ้จุก เดี๋ยวเสียฤกษ์หมด"
จากนั้นทั้งสองก็พากันออกไป ทิ้งให้ทองกวาวอยู่บ้านหลังนี้คนเดียว
อะไรกันเนี่ย มาอยู่วันแรกคืนแรกก็ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวเลยเหรอ ทองกวาวได้แต่พึมพำในใจกับตัวเอง
เวลาผ่านไปจนกระทั่งตกดึก บรรยากาศก็เย็นยะเยือก เสียงลมพัดใบไม้ปลิวไหว มันคล้ายกับเสียงร้องโหยหวนของคน ดั่งเช่นที่ได้ยินเมื่อตอนกลางวัน แต่พอได้ยินในช่วงเวลาแบบนี้แล้ว มันน่ากลัวกว่าที่คิดซะอีก
เพราะแปลกที่ทองกวาวไม่กล้าที่จะดับตะเกียงเลย ร่างเล็กนั่งคุดคู้อยู่กับมุมของห้อง สภาพแบบนี้จะให้ข่มตานอนหลับได้ยังไง เจ้าของเรือนก็ไม่อยู่
ยิ่งดึกสงัดมากขึ้น บรรยากาศมันก็วังเวง มันน่ากลัวและเงียบงันจนทองกว่าเริ่มที่จะคิดอะไรไปเองแล้ว
สุบ~ สุบ~ สุบ~
เพราะความเงียบมันจึงทำให้ได้ยินเสียงด้านล่าง ไม่รู้ว่าหูฝาดไหม แต่เธอได้ยินเสียงคล้ายกับคนที่กำลังเดินฝ่าพงหญ้าเข้ามา ก่อนที่เรือนนี้จะสั่นไหวคล้ายกับคนกำลังขึ้นบันไดมาอย่างเชื่องช้า และเปิดประตูห้องนอนของเธอ แสงจันทร์ข้างนอกมันทำให้เห็นร่างกายที่ใหญ่โตนั้น กำลังยืนดำทะมึนอยู่ที่หน้าประตูห้อง
แอ๊ด~
"เฮือก!"