“ตี๊ดๆๆๆ”
เสียงดนตรีที่ดังขึ้นในความเงียบช่วยปลุกให้คนที่อยู่ในความเศร้ารู้สึกตัวขึ้นมา เขารีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเบนสายตาไปยังหัวเตียงซึ่งเป็นที่มาของเสียงที่กำลังแผดดังอยู่ เขาเก็บโทรศัพท์ของภูษิตาเอาไว้ในลิ้นชักหัวเตียง ความตั้งใจแรกเมื่อเปิดลิ้นชักออกมาคือโทรศัพท์ แต่แล้วความสนใจในตอนนี้กลับไปหยุดอยู่ที่กระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกพับไว้อย่างดี
แม้ว่าข้อความในกระดาษแผ่นนั้นเขาจะอ่านมาหลายครั้งจนจำได้ขึ้นใจ แต่มันก็ทำให้เขาอดสะเทือนใจไม่ได้สักครั้งที่ได้เห็นมัน และความรู้สึกที่เกิดขึ้นก็ทำให้เขาคอยย้ำเตือนถึงบางสิ่งที่เขาต้องทำเพื่อน้องสาวคนเดียวของเขา
พี่คะ ตอนที่พี่ได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ตาคงจะไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว ตาขอโทษที่ทำตัวไม่ดี ทำให้พี่ต้องผิดหวัง
ตารักผู้ชายคนหนึ่ง รักมากจนยอมทุกอย่าง รักจนลืมว่ามีอีกคนที่รักตา ความรักมันทำให้คนๆ หนึ่งตาบอด จนเผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้กับเขา แต่แล้วเขากลับทรยศความรักของตา เขาหลอกให้ตารักจนหมดใจ ตาทนไม่ได้หากเขาจะทิ้งตาไป ตาจึงขอจากไปเองเสียดีกว่าจะทนดูภาพบาดตาบาดใจนั้น
รักพี่ชาย
ตาผู้หญิงโง่เขลา
ชายหนุ่มหลับตานิ่ง เก็บความรู้สึกที่อัดแน่นไว้อยู่ในอก เพื่อสะกดกลั้นความรู้สึกบางอย่าง เมื่อสายตาลากผ่านประโยคสุดท้าย ตัวอักษรที่ไม่สม่ำเสมอและรอยด่างของหยดน้ำเล็กๆ ที่เดาได้ไม่ยากว่ามันคงคือน้ำตาของผู้ที่เขียนนั่นเอง
‘น้องของพี่ไม่ได้โง่เขลา...’ ชายหนุ่มร้องบอกอยู่ในใจพร้อมกับกัดริมฝีปากตัวเองอย่างปวดร้าว ‘ฉันจะไม่ยอมให้เธอสองพี่น้องอยู่อย่างลอยนวล...’ เขาคิดอาฆาตอยู่ในใจและรอวันที่จะได้สะสางที่กำลังใกล้เข้ามา
แผ่นหลังสะเทือนเหมือนที่นอนกำลังเคลื่อนที่ ปรินทิพย์ที่อยู่ในชุดสวยเริ่มขยับตัวเพราะรู้สึกได้ถึงความอึดอัด มือและเท้าก็ไร้ซึ่งอิสระ ครั้นเธอพยายามลืมตาแต่กลับรู้สึกว่าเปลือกตาหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สมองเริ่มประมวลสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกาย นี่เธอหลับไปนานจนมือเท้าชาอย่างนั้นหรือ?...ร่างบางที่ยังหลับตาอยู่ร้องถามตัวเองในใจพร้อมกับพยายามจะดึงมือข้างหนึ่งขึ้นมาเพื่อจะนวดคลึงขมับที่รู้สึกปวดตุบๆ แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปอย่างที่เธอต้องการจนเธอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น
ยิ่งขยับปรินทิพย์ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความอึดอัด มันไม่ใช่ความฝันเพราะรู้สึกเจ็บที่ข้อมือกับข้อเท้าด้วย ซี๊ดด....เธอครางออกมาเบาๆ พร้อมกับฝืนตัวเองให้ลืมตาขึ้นมา
‘มันเกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ย?...’
ตากลมโตกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับแสงให้คุ้นชิน ก่อนจะกวาดมองไปรอบๆ โดยใช้ข้อศอกยันตัวเองขึ้นจากพื้นที่กำลังสะเทือนอยู่
“...” ปากบางจิ้มลิ้มเปิดอ้าค้างคล้ายต้องการเอ่ยคำบางคำออกมา ทว่ากลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเพราะมึนงงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
“เป็นไง ตื่นแล้วหรือ?” เสียงห้วนห้าวของบุรุษเพศส่งเสียงเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“...” เธอไม่มีคำตอบใดๆ ให้กับคนแปลกหน้า
“นอนขี้เซาเป็นบ้า” คนตัวโตว่าออกไปอย่างไม่สนใจกับอาการตื่นตระหนกของอีกฝ่าย
ภูมินทร์ปรายตามามองหญิงสาวนิดหนึ่งก่อนจะกระตุกมุมปากขึ้นยิ้ม ยาสลบอย่างดีทำให้หญิงสาวถึงกับหลับไม่ได้สติมาตลอดเส้นทางกรุงเทพจนถึงเหนือสุด
เขาละสายตาจากใบหน้าเรียวงามมาหันมองเส้นทางที่เริ่มเป็นถนนลูกรังแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตามามองใบหน้าสวยหวานนั้นอีกครั้ง “ไม่คิดจะเอ่ยถามอะไรบ้างหรือไงแม่คู๊ณ” เสียงทุ้มนัยน์ตาล้อเลียนร้องถาม ครั้นเมื่อปรินทิพย์เริ่มปรับสภาพตัวเองได้จึงทำตามที่อีกฝ่ายต้องการ ถามกลับไป..
“คุ...คุณเป็นใคร?”
ปรินทิพย์กลืนน้ำลายลงคอพยายามสะกดความกลัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหยามใจว่าเธอขี้ขลาดตาขาวแต่กระนั้นก็ยังได้สายตาและรอยยิ้มเยาะจากชายแปลกหน้าอยู่ดี
“แล้วเธอว่าคนอย่างฉันเหมาะที่จะเป็นใครดีละ เป็นโจรห้าร้อยหรือว่าโจรโรคจิตดี ช่วยเลือกให้ฉันหน่อยสิสาวน้อย...” เขาพูดยิ้มๆ พร้อมกับทำสายตากรุ้มกริ่มมาให้สาวน้อยที่เขาเรียก
เมื่อได้ยินคำพูดจากบุรุษแปลกหน้าปรินทิพย์รีบขยับชิดติดประตูรถอีกด้านทันที ความหวาดกลัวแล่นเข้ามาจับขั้วหัวใจจนเธอถึงกับน้ำตาเอ่อคลอ ร่างบางสั่นเทาอย่างไม่อาจระงับไว้ได้ ผู้ชายตรงหน้าแม้จะมีใบหน้าหล่อเหลาดังเทพบุตร แต่แววตาของเขาที่ทอดมองมายังเธอเหมือนกับซาตานที่พร้อมจะกระชากวิญญาณเธอได้ทุกเมื่อ
ภาพที่ชายหนุ่มเห็นไม่ได้มีผลอะไรกับความรู้สึกของเขาแม้แต่น้อย เขารู้สึกสะใจกับท่าทางนั้น ยิ่งหล่อนกลัวมากเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกสะใจมากเท่านั้นและเขาจะไม่หยุดอยู่แค่ทำให้หล่อนกลัว สิ่งที่เขาจะตอบแทนให้กับหล่อนยังมีมากกว่านั้น หล่อนจะต้องเจ็บปวดจนเหมือนตายทั้งเป็นและมันก็คงจะมีผลไปถึงความรู้สึกของใครอีกคนด้วยเช่นกัน
เมื่อรถชะลอความเร็วลง ดวงตากลมโตที่ยังฉายแววหวาดหวั่นอยู่ก็ตวัดไปมองข้างทางทันทีและเลิกสนใจคนข้างๆ ที่ตอนนี้เขากำลังส่งสายตาเคียดแค้นมายังเธอ ซึ่งปรินทิพย์เองก็ไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้ผู้ชายคนนี้โกรธหนักหนา...
ด้านนอกหน้าต่างที่เห็นอยู่ตอนนี้มีแต่ต้นไม้เขียวขจี และมองเห็นภูเขาที่ลดหลั่นกันไปสุดลูกหูลูกตา บรรยากาศรอบด้านมีเพียงความเงียบสงบดูเวิ้งว้างไร้ผู้คน ความคิดที่จะมองหาคนช่วยถูกพับเก็บไปทันทีและความหวาดกลัวก็เริ่มทวีมากขึ้นเป็นลำดับ
ปรินทิพย์ขยับตัวนั่งหลังตรง ตั้งใจว่าจะประท้วงนั่งอยู่ตรงนี้และจะไม่ยอมลงไปจากรถอย่างเด็ดขาด
เมื่อรถจอดนิ่งสนิทแต่หัวใจเธอกลับเต้นรัวเร็วขึ้นจนเหงื่อเม็ดโป้งเริ่มผุดพรายอยู่ตามไรผม เขาพาเธอมาที่นี่ทำไมหรือว่าเขาจะฆ่าเธอ แล้วแถวนี้ก็ดูเปลี่ยวคงจะไม่มีใครมารู้มาเห็นแน่หากว่าเขาคิดจะทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ
แสงอาทิตย์เรืองรองของรุ่งอรุณสะท้อนผ่านช่องเขาที่มองเห็นอยู่เบื้องหน้า ทำให้ทุกอย่างรอบกายดูสดชื่นและอบอุ่นด้วยแสงสว่างที่ส่งผ่านมา แต่ใครอีกคนที่นั่งอยู่ภายในรถและรับรู้ถึงรุ่งอรุณที่กำลังเข้ามาเยือนผืนโลกกลับไม่รู้สึกถึงความสดชื่นและความอบอุ่นนั้นเลย ด้วยตอนนี้จิตใจของเธอกำลังเหี่ยวเฉาและเหน็บหนาวอย่างมากด้วยไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังรอเธออยู่ข้างหน้านั้นคืออะไร...