เกือบครึ่งชั่วโมงเมื่อนายแบบจำเป็นหลุดออกมาจากกลุ่มสาวน้อยและสาวรุ่นเดียวกันได้ สายตาคมเข้มก็กวาดหาน้องสาวของตนเองทันที หากแต่หันมองไปได้ไม่เท่าไหร่ สายตาคมกล้าก็ปะทะกับสาวสวยที่ยืนคุยกันอย่างถูกคอและนั้นทำเอาสายตาคมเข้มของเขาสะดุดและเพ่งมองอย่างสนใจเช่นกัน
ผู้หญิงร่างบางในชุดเดรสสีหวานผมยาวดำสลวยถึงกลางหลัง ถึงจะมองไกลแค่ไหนภูมินทร์ก็จำได้ดีว่านั่นคือภูษิตาน้องสาวแต่ผู้หญิงอีกคนที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงสดรัดรูปยาวเลยเข่าผมยาวดำสลวยถึงกลางหลัง มันสะดุดตาเขายิ่งนัก
หล่อนคือใคร? เกิดคำถามขึ้นกับตัวเองทันที ถ้าหากเป็นเพื่อนน้องสาวทำไมไม่ชวนมาถ่ายรูปด้วยกัน...
ภูมินทร์ยังไม่ละสายตาจากสองสาวเหมือนกำลังลุ้นอะไรสักอย่าง อย่างใจจดใจจ่อแต่แล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อสองสาวแยกออกจากกัน สาวชุดแดงร่างกลมกลึงเดินหายเข้าไปอีกด้านของซุ้ม ความรู้สึกเสียดายแผ่เข้ามาในใจก่อนจะจางหายไป
เขาจะสนใจทำไมว่าใครจะถ่ายหรือไม่ถ่ายรูปเพราะนั่นคือความสมัครใจของแต่ละคน...
‘เป็นอะไรคะ มองหาตาอยู่หรือ?’ คนเป็นน้องจับสายตาได้ว่าคนเป็นพี่ชายกำลังจ้องมองเหมือนหาอะไรสักอย่างและคาดว่าน่าจะเป็นน้องสาวคือตัวเธอ
‘ก็...หาน้องตาสุดสวยของพี่อยู่นั่นแหละ น้อยใจรู้ไหมที่ปล่อยให้พี่ชายยืนคอย’ ดัดเสียงต่ำลงให้คนฟังได้ยินว่าตัวเองกำลังน้อยใจเป็นที่สุด
‘ได้ไงคะ ตาเสียอีกที่ต้องน้อยใจ’ เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ชายก่อนจะเขย่งปลายเท้าหอมแก้มพี่ชายของตัวเองจนคนที่ทำหน้ายู่อยู่ถึงกับตั้งรับแทบไม่ทัน
‘นี่คือรางวัลค่ะ’ น้ำเสียงนุ่มนวลกระซิบเสียงหวาน ครั้นเห็นสีหน้าตกตะลึงของพี่ชายเธอกลับเปล่งเสียงหัวเราะชอบใจและนั้นได้สายดุแต่ไม่จริงจังของพี่ชายกลับมา
‘เป็นผู้หญิงหอมแก้มผู้ชายได้ไง’ เสียงทุ้มแต่นุ่มหูต่อว่าเบาๆพอให้ได้ยินกันแค่สองคน
‘ทำไมจะหอมแก้มพี่ชายตัวเองไม่ได้?’ คนโดนดุอย่างภูษิตาถลึงตาใส่คนตัวโตที่ยืนทำหน้าขรึมไว้เต็มกำลัง
‘แล้วคนอื่นเขารู้หรือเปล่าละ’ เขาทำสีหน้าและน้ำเสียงขรึมกลับไปเช่นเดิม
‘ไม่รู้ละ ก็พี่ชายตานี่คะตาไม่สนใจหรอก ว่าใครจะว่ายังไง’ สาวสวยหน้าใส งอเป็นจวักกับคำทักของพี่ชายที่ดูจะไม่ยอมลงให้เธอเอาเสียเลย
‘หึ... ดีมาก กับพี่ชายน่ะได้แต่อย่าเผลอไปหอมแก้มผู้ชายคนอื่นนะ เพราะพี่ไม่ยอม’ ประโยคของพี่ชายทำให้ภูษิตายิ้มกว้าง ‘พี่ชาย ‘หวง’เธอเสมอ’
และเขาคิดว่าทุกวันนี้ไม่มีอะไรน่า ‘ห่วง’ กว่าน้องสาวตนเองที่สวยวันสวยคืนจนแทบจะปล่อยให้ไปไหนไกลตาไม่ได้...
‘แล้วหาก...ตาเผลอหอมแก้มผู้ชายคนนั้นละ?’ ตากลมโตมองพี่ชายอย่างรอลุ้นคำตอบและหล่อนพอจะเดาได้เลยว่าผู้เป็นพี่ชายต้อง...
‘พี่จะกระชากหน้าหล่อๆ มันมาต่อยให้หายแค้น แล้วก็จัดการฝังทั้งเป็นไปเลย’ ตอบน้ำเสียงหนักแน่นและสบตาสาวน้อยอย่างจริงจัง
‘ยี้!! พี่ชายใจร้าย’ สาวสวยทำหน้าสยอง ถอยห่างพี่ชายไปก้าวหนึ่ง
‘นี่แน่ะ...ล้อเล่นหน่อยไม่ได้เลยนะ’ มือเรียวหนาขยี้ศีรษะของสาวน้อยแรงๆ อีกฝ่ายไม่ได้หลบหลีกกลัวผมสลวยจะเสียทรงแต่อย่างใด ก่อนจะมองหน้ากันแล้วหัวเราะดังๆ อย่างรักใคร่เหมือนจะรู้กันว่าสิ่งที่คุยกันเมื่อกี้ แค่หยอกล้อ
‘ลุงมนตรีพาน้องตากลับก่อนดีกว่าครับ’ เสียงทุ้มร้องสั่งเมื่อคิดว่าคงแก่เวลาที่ตนเองจะเข้าด้านใน ภูษิตาได้แต่มองหน้าพี่ชายอย่างแปลกใจ อยู่ดีๆก็ไล่ให้กลับ...
‘อ้าว ทำไมละครับ?’
“ผมไม่อยากให้น้องตากับคุณมนตรีรอ กว่าจะเสร็จคงอีกนาน” ชายหนุ่มบอกน้ำเสียงจริงจังและก็เป็นเรื่องจริงที่ต้องรออีกนานกว่าจะเสร็จการทำพิธีมอบปริญญาบัตร
‘ไม่เป็นไร ตากับคุณลุงรอได้’ ภูษิตาบอกความจำนงพร้อมสอดแขนกลมกลึงกอดเอวหนาของพี่ชายไว้แสดงให้เห็นว่าเธอยินดีที่จะรอ หากมันจะช้าอย่างที่พี่ชายบอก...
หากแต่พี่ชายดันร่างบางในอ้อมแขนออกห่าง‘กลับเถอะ...ที่นี่คนพลุกพล่านเกินไปและอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงพิธีมอบพี่เป็นห่วง...’ คำพูดหนักแน่นย้ำชัดไม่เปลี่ยนใจ
แม้จะห่วงหวงดูแลไม่เคยคลาดสายตาแต่คนเราพออายุเข้าวัยเบญจเพส ความรู้สึกนึกคิดของคนเราก็ต่างกันออกไป จากคนที่เคยว่านอนสอนง่าย ก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พี่ชายที่มุ่งทำงานและศึกษาต่อก็ดูแลเอาใจใส่เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลงแต่ชะตาฟ้าลิขิต ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้...
มือหนาของภูมินทร์ลูบไล้ไปบนที่นอนอย่างระลึกถึง เหมือนต้องการซึมซับความรู้สึกต่างๆ เอาไว้พร้อมกับส่งผ่านความรู้สึกของตัวเองไปยังผู้ที่เคยนอนอยู่บนเตียงนี้ ซึ่งบัดนี้ไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้...
ขอบตาของเขาค่อยๆ ร้อนผ่าวลามไปถึงลำคอและปลายจมูกก่อนจะไปรวมตัวที่หน่วยตากลายเป็นหยดหยาดน้ำใสที่กลั่นมาจากความรู้สึกคิดถึงจะรินไหลลงมาบนผิวแก้มและหล่นลงไปสัมผัสกับเตียงนุ่มหยดแล้วหยดเล่าโดยที่เจ้าตัวไม่คิดจะปาดทิ้งราวกับจะให้ความรู้สึกปวดร้าวทุกอย่างไหลผ่านไปกับหยาดน้ำตาเหล่านั้น...