ปรินทิพย์รู้สึกแปลกๆ ตาขวากระตุกถี่จนร่างบางที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวนุ่มต้องขยับเอนเปลี่ยนท่าทางการนั่งเสียใหม่เผื่อเส้นจะได้คลาย เพราะใช้เวลานั่งกดโทรศัพท์ไปยังเบอร์ที่ต้องการซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่นานแล้ว
เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาหลายครั้งแทบนับไม่ถ้วนจนคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้สังเกตถึงความผิดปกติ
“เป็นอะไรน่ะเรา?...” ผู้เป็นพี่หยุดยืนอยู่ตรงหน้า ครั้นคนที่ถูกถามยังคงนิ่งเงียบ พี่ชายอย่างเขาจึงนั่งลงใกล้ๆโซฟาตัวเดียวกัน “ลมหายใจมากนักหรือไง พี่เห็นนั่งถอนอยู่นานแล้วนะ” ถามต่อเมื่ออีกฝ่ายยังคงนั่งเงียบ มือหนาจึงยกขึ้นสัมผัสศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดู
ตากลมโตมองค้อนเหมือนกับว่าคนที่เอ่ยอยู่เป็นต้นเหตุที่ทำให้หล่อนต้องถอนหายใจอยู่อย่างไม่จบไม่สิ้น
“ก็ตานะสิ...บอกว่าจะมาช่วยซื้อของ นัดกันไว้ดิบดีแล้ว แต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติด... ไม่สิ ติดแต่ไม่ยอมรับสาย” ความอึดอัดทำให้ปริณทิพย์ต้องอ้าปากพูดทั้งที่ในใจงอนพี่ชายไม่จางหาย แต่ครั้นจะไม่พูดเสียเลยความอึดอัดและน้อยใจเพื่อนสาวก็อัดอั้นอยู่ในอก
“ก็ลองส่งข้อความไปดูสิ เผื่อบางทีตาอาจส่งตอบกลับมาก็ได้” ชายหนุ่มออกความคิดเห็น สีหน้ากังวลไม่แพ้กัน
เขาเองก็เจอเหตุการณ์เหมือนกับน้องสาว แต่ก็ไม่ได้เอ่ยบอกอะไรไปเพราะเกรงว่าจะถูกซักไซ้ถามหาสาเหตุที่แท้จริงด้วยมั่นใจว่าสาเหตุทั้งหมดอาจมาจากเขา
‘โทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย มันหมายความว่าไง?...’ ปรินทิพย์ครุ่นคิดอยู่ในใจอย่างสงสัย
“ขนาดโทรหา ตายังไม่ยอมรับสาย แล้วถ้าส่งข้อความไปตาจะเปิดอ่านหรือคะ” คิ้วเรียวขมวดมุ่น ไม่มั่นใจกับการแนะนำของพี่ชาย “พี่กร ไปทำอะไรให้ตาโกรธหรือเปล่า บอกรินมานะ”
“เปล่า! พี่ไม่ได้ทำอะไรตา พี่สาบานได้ ก่อนหน้านี้ รินก็เห็นไม่ใช่หรือ พี่ทิ้งทุกอย่าง ทั้งเรื่องเที่ยวเตร่หรือเรื่องผู้หญิง...” เสียงทุ้มเอ่ยรัวเร็วก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาผู้เป็นน้องที่มองอย่างจับผิด “เว้น...แต่...เมื่อคืนนี้ที่พี่เมาไปหน่อย” เสียงทุ้มแผ่วเบาลงไปอย่างรู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ไม่รู้ละ... ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ พี่ก็ช่วยโทรหาตาด้วยแล้วกัน ส่วนรินจะลองส่งข้อความไปดูก่อน”
เมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชายที่หม่นลง ผู้เป็นน้องสาวเลยจำต้องตัดเรื่องอื่นออกไปก่อน
จริงอยู่ที่คนเรามีสิทธิ์ที่จะทำผิดกันได้ แต่หากผิดซ้ำอยู่บ่อยๆ มันก็คงเกินกว่าที่คนรอบข้างจะรับได้ และหากความเชื่อใจระหว่างคนสองคนมันหมดลงแล้ว ก็คงยากที่จะเรียกคืนความรู้สึกดีๆ ให้กลับมาได้เหมือนเช่นเดิม...
หลังจากที่ตกลงแบ่งหน้าที่กันแล้ว สองพี่น้องก็ลงมือจัดการทำหน้าที่ของตัวเองทันที
นิ้วเรียวบางจัดการส่งข้อความตามที่คิดไว้ ‘ตา นี่รินนะ ทำไมไม่รับสาย วันนี้วันเกิดริน ลืมแล้วหรือจ๊ะ มาให้ได้นะ รินจะคอย ...ริน’
ข้อความถูกส่งไปเมื่อพิมพ์เสร็จ ใบหน้านวลผุดยิ้มอย่างมีความหวัง ก่อนจะเหลือบตาไปมองคนนั่งข้างๆ และรู้สึกขำกับอาการของพี่ชาย แต่ลึกๆ แล้วก็รู้สึกดีใจที่พี่ชายของเธอเลิกเที่ยวเตร่และหันมาจริงจังกับใครสักคนแบบนี้ ที่สำคัญคนๆ นั้นก็คือเพื่อนของเธอเสียด้วย
“รินว่าเราไปกันเถอะค่ะ...ไปกันสองคนก่อนก็ได้” เมื่อคิดว่ารอไปก็เสียเวลาเปล่าปรินทิพย์จึงตัดสินใจไปกับพี่ชายแค่สองคน แม้ในใจจะรู้สึกผิดหวัง ไม่คิดว่าเพื่อนรักลืมวันเกิดเธอไปแล้ว
ห้องมืดสลัวที่ถูกปิดตายมาเกือบเดือน ถูกเปิดออก ร่างหนาของภูมินทร์ค่อยๆ ก้าวอย่างช้าๆ เหมือนกลัวว่าพื้นห้องจะสึกหากเขาจะย่ำเท้าหนักเกินไป รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เขามักจะได้เห็นจากเจ้าของห้องในยามที่เขาเก็บเอาเรื่องตลกมาเล่าให้ฟังบัดนี้มีเพียงความเงียบงันและว่างเปล่า
มือเรียวหนาค่อยๆเลื่อนหน้าต่างเพื่อเปิดคลายกลิ่นอับที่มีในห้องให้จางไป แสงสว่างของดวงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามา จนเห็นภายในห้องชัดเจนทุกอย่างภายในห้องยังเหมือนเดิมทุกอย่าง ยกเว้นเจ้าของที่หายไปตลอดกาล...
ครั้นความเงียบเข้าเกาะกุมพื้นที่ อารมณ์เศร้าสร้อยเกาะกินหัวใจยากจะสลัดทิ้ง กรามหนาของภูมินทร์บดเข้ากันจนเกิดเสียง นึกถึงใบหน้าของใครที่ต้องชดใช้ขึ้นมาเดี๋ยวนั้น แค้นพวกมันนัก!... เขาคิดอย่างอาฆาต
แต่ครั้นผันมาเห็นเตียงนอนความทรงจำต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นภายในห้องนี้ ทำให้อารมณ์ทุกอย่างเย็นลงอย่างไม่น่าเชื่อ ร่างสูงเดินมาทรุดนั่งลงบนเตียงนุ่มที่ครั้งหนึ่งน้องสาวของเขาเคยนอนฟังเขาเล่าถึงสิ่งต่างๆ ให้ฟัง และบางครั้งเรื่องเล่านั้นก็เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ จนบางทีผู้เป็นน้องสาวถึงกับหลับไปพร้อมกับรอยยิ้มเลยก็มี
แล้วภาพบางภาพในอดีตก็เกิดขึ้นซ่อนทับ...
‘พอได้แล้วพวกเธอ ปล่อยให้พี่น้องเขาได้ถ่ายรูปกันบ้างสิ’ สาวสวยในกลุ่มตะโกนขึ้นอย่างรู้ตัว เมื่อเพื่อนในกลุ่มเดียวกันหมุนเวียนบดเบียดโอบกอดหนุ่มหล่อกันเป็นว่าเล่น โดยที่น้องสาวของชายหนุ่มเองไม่ทันได้เข้าใกล้พี่ชายก็โดนเพื่อนที่มาด้วยกันแทรกหายออกวงจรมุมกล้องไปหลายครั้งแต่มันเป็นเหตุการณ์น่าประทับใจที่เพื่อนๆ สาวสวยทุกคนให้ความสนใจในตัวของพี่ชายตน
‘ไม่เป็นไรถ่ายๆ กันไปเถอะ’ เสียงหวานใสของภูษิตาพร่ำบอกสาวๆที่ยืนออ รอถ่ายรูปกับพี่ชายตนสีหน้ายิ้มแย้มด้วยความยินดี
เมื่อเห็นว่าคงอีกนานที่ตัวเธอจะได้เข้าใกล้พี่ชายได้ ภูษิตาจึงพาตัวเองออกห่างจากกลุ่มมาเล็กน้อยเพื่อพ้นจากแรงปะทะจากเพื่อนๆตนเองและเพื่อนพี่ชาย