ตอนที่ 3
จนถึงยามนี้ไป๋เซียนก็ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าเหตุใดนางถึงโผล่มายังสถานที่แห่งนี้ หญิงสาวครุ่นคิดพลางเหม่อมองไปบ่อน้ำ เรือนเหลียนฮวาแห่งนี้มีดอกบัวผุดมากมายแต่ทว่ากลับไม่ได้รับการใส่ใจดูแล ดอกบัวงดงามเหี่ยวเฉาตายคาบ่อ ไป๋เซียนที่เห็นเช่นนั้นก็บังเกิดความไม่สบายใจ นางคว้าไม้ก่อนจะพยายามเกี่ยวดอกบัวที่ตายแล้วขึ้นมาจากบ่อน้ำ
แต่ขณะนั้นเองนางก็เหลือบไปเห็นเต่าตัวหนึ่งกำลังเดินลงไปในน้ำก่อนที่มันจะว่ายไปยังดอกบัวเหี่ยวเฉา มุดลงไปใต้น้ำก่อนจะผุดขึ้นมาพร้อมกับคาบก้านบัวไว้ในปาก
“เอ้า กินได้งั้นเหรอ”
เห็นเจ้าเต่าเคี้ยวเอื้องอย่างเอร็ดอร่อย หญิงสาวก็ล้มเลิกความคิดที่จะทำเช่นนั้น นางวางไม้ลงข้างกายก่อนถอนหายใจยาวและเอนกายพิงเก้าอี้โยก เวลาผ่านมาสามวันแล้วแต่นางยังใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย อาจเพราะนางนั้นยังปรับตัวเข้ากับยุคสมัยนี้ไม่ได้จึงทำเพียงเก็บตัวอยู่ในเรือน นั่งๆนอนๆไปวันๆ
“คุณหนู อาหารเจ้าค่ะ”
กลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ไป๋เซียนลอบกลืนน้ำลายก่อนที่นางนั้นจะค้าตะเกียบคีบอาหารเข้าปากช้าๆ รสชาติกลมกล่อมแผ่ซ่านไปทั่วทั้งลิ้น ขณะที่รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม
“รสชาติดีจริงๆ”
เนื้อหมูตุ๋นได้ที่ไม่หวานและไม่เค็มจนเกินไป เป็นรสชาติที่พอดีกล่อมกล่อม ทั้งเนื้อหมูก็ไม่ได้ยุ่ยเปื่อยถึงเพียงนั้น ทานคู่กับข้าวร้อนช่างเข้ากันได้ดียิ่ง
“วันนี้คุณหนูไป๋ซินเข้าครัวเองเจ้าค่ะ”
ไป๋เซียนพอจะเข้าใจแล้ว ในหนังสือที่นางเคยอ่านนั้น ไป๋ซินเป็นสตรีตามต้นแบบสี่คุณธรรม นางได้รับการอบรมเนื่องจากเกิดและเติบโตในครอบครัวขุนนางซึ่งนับว่าเป็นชนชั้นสูงในขณะนี้
สตรีสี่คุณธรรมที่นางเข้าใจ ต้องมีคุณธรรมดีกิริยามารยาทเรียบร้อย อ่อนน้อยถ่อมตน สะอาดสะอ้านและไม่บกพร่องเรื่องงานเรือน
ซึ่งไป๋ซินมีครบครันทุกอย่างตามแบบฉบับนางเอกผู้เพียบพร้อม
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงได้อร่อยขนาดนี้”
หญิงสาวนึกชื่นชมอีกฝ่าย นอกจากใบหน้างดงาม กิริยามารยาทเรียบร้อยแล้ว ฝีมือการทำอาหารก็ไม่ด้อยไปกว่าผู้ใด ไม่น่าเล่า จางเหยียนหลงถึงได้หลงหัวปักหัวปำถึงเพียงนั้น
ครั้งหนึ่งเขาเคยหยิบยกความดีความชอบเพื่อขอราชโองการลับจากฮ่องเต้ ลงโทษนางกำนัลขององค์หญิงที่บังอาจแตะต้องไป๋ซิน
แต่คิดแล้วก็เศร้าใจไม่น้อย ในขณะที่ไป๋ซินนั้นเป็นที่รักของผู้คนมากมาย ไป๋เซียนผู้นี้กลับกลายเป็นเพียงตัวประกอบที่มีบทบาทรวมกันทั้งเรื่องแล้วไม่ถึงสามหน้ากระดาษด้วยซ้ำ!
นางรู้เพียงว่าเป็นบุตรสาวของเสนาบดีไป๋และบ่าวรับใช้ที่ไม่อาจรู้ชื่อแซ่ เป็นน้องสาวต่างมารดาของไป๋ซินและอาศัยอยู่ที่เรือนหลังเล็กที่มีชื่อว่าเรือนเหลียนฮวา
นอกเหนือจากนี้คงไม่มีผู้ใดสนใจตัวประกอบไป๋เซียน
“นี่ฉันเป็นแค่ตัวประกอบงั้นเหรอ”
คำนี้ตอกย้ำความเจ็บปวดของนางเมือ่ครั้งที่เข้าวงการใหม่ๆ ก่อนก้าวข้ามผ่านอุปสรรคเพื่อไปยืนยังจุดสูงสุดของสายอาชีพ นางก็เคยเป็นเพียงตัวประกอบมาก่อน ทั้งยังโดนดูถูกดูแคลนสารพัด
ณ เวลานั้นนางได้รับบทบาทเล็กๆไม่มีค่าให้ผู้คนสนใจ เมื่อเวลาผ่านไปก็ถูกลืมเลือนอย่างง่ายดาย แม้ว่าหนังเรื่องนั้นจะประสบความสำเร็จมากเพียงใด แต่ท้ายที่สุดแล้วแสงสว่างก็ไม่เคยสอดส่องมาถึงนาง
หลังจากนั้นนางก็พยายามอย่างหนักเพื่อผลักตัวเองขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด ไป๋เซียนที่เคยเป็นเพียงนักแสดงสมทบ กลับกลายเป็นนางเอกเเถวหน้าของวงการ แล้วจู่ๆจะให้นางกลับมาใช้ชีวิตเป้นตัวประกอบได้อย่างไร
นางยอมไม่ได้เด็ดขาด!
ไป๋เซียนมีความมุ่งมั่นตั้งใจ นางต้องการที่จะกอบกู้ความเป็นดาวกลับคืนมาอีกครั้ง ไป๋เซียนในโลกนี้จะไม่ใช่ตัวประกอบอีกต่อไป นางจะไม่ยอมให้ตัวละครนี้ถูกกลืนกินและตายจากไปโดยไม่มีผู้ใดจดจำ
ไป๋เซียนตั้งใจจะเดินทางไปเรือนเหมยฮวาเพื่อพบไป๋ซิน แต่ขณะนั้นหลี่ข่ายได้เอ่ยเรียกนางเอาไว้เสียก่อน
“คุณหนูเจ้าขา ท่านเสนาบดีไป๋เจ้าค่ะ”
ชายวัยกลางคนท่าทางเคร่งขรึมย่างกายเข้ามาใกล้บุตรสาว ไป๋ซานหรี่ตามองนางนึกฉงนใจที่อีกฝ่ายเติบโตถึงเพียงนี้ เมื่อปีก่อนเขาเพิ่งพบนางและหากจำไม่ผิดนางอายุเพียงสิบสองย่างสิบสามปีไม่ใช่หรือ?
ไป๋เซียนไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติของผู้คนที่นี่ เมื่อนางเห็นว่าผู้เป็นพ่อกำลังหรี่ตามองเขม็ง นางก็จ้องกลับโดยไม่หลบละสายตาเช่นกัน
“เจ้าคงไม่ตั้งใจศึกษาตำราสตรี ถึงได้ไร้มารยาทเช่นนี้”
ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเล็กน้อยยามที่ได้ยอนวาจาร้ายกาจ นางเหลือบมองบ่าวรับใช้สาวที่มีสีหน้าซีดเซียว อีกฝ่ายพยายามทำท่าทางเพื่อบอกใบ้ แต่ไป๋เซียนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ท่านพ่อ….เหรอคะ”
ไป๋ซานชะงักมองบุตรสาวนิ่ง ไม่คิดว่าเพียงหนึ่งปีที่ไม่ได้พบหน้านางจะลืมเลือนเขาง่ายดาย บุตรสาวจำบิดาไม่ได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าขันนัก
“เจ้าจำข้าไม่ได้”
“แล้วท่านจำข้าได้ไหมเจ้าคะ”
นางเริ่มเรียนรู้สำนวนการพูดของผู้คนที่นี่ ไป๋เซียนไม่อยากถูกมองว่าแปลกแยกจากผู้อื่น นางจึงพยายามที่จะปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย
“สามหาว! เจ้าเป็นบุตรสาว เหตุใดข้าจะจำไม่ได้”
เสนาบดีวัยกลางคนโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ นางถามยอกย้อนเช่นนี้เท่ากับว่ากำลังดูแคลนสติปัญญาของเขา บิดาบ้านใดจะจำบุตรสาวของตัวเองไม่ได้กันเล่า!
“เช่นนั้นบอกได้ไหมเจ้าคะว่าข้าชื่ออะไร”
นางรู้ดีว่าไป๋ซานจดจำบุตรสาวเช่นนางไม่ได้ เนื้อหาช่วงหนึ่งในหนังสือกล่าวว่า ไป๋ซานผู้นี้นั้นมีบุตรสาวหลายคนแต่เพียงผู้เดียวที่เขาโปรดปรานคือไป๋ซิน เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นบุตรสาวคนแรกทั้งยังเป็นบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินใหญ่
“เจ้าคือ….ไป๋ซูซู”
เขามีท่าทางลังเลทั้งคำตอบนั้นก็ไม่มั่นคงเอาเสียเลย ไป๋เซียนถึงกับหลุดหัวเราะยามที่ได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยออกมา ไป๋ซานรู้สึกโกรธจนหนวดกระตุก คำตอบของเขามันน่าขบขันอย่างไรกัน!
“ข้าคือคุณหนูหกไป๋เซียนเจ้าค่ะ”
“ข้ารู้อยู่แล้ว เพียงหยอกเจ้าเล่น”
หญิงสาวหรี่ตาพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ เห็นอีกฝ่ายพยายามแก้ตัวก็ได้แต่หัวเราะขบขัน
“ท่านพ่อ ดูเหมือนท่านจะไม่ได้เจอข้านาน เช่นนั้นเดี๋ยวข้าจะไปเยี่ยมบ่อยๆนะเจ้าคะ”
“เอาเวลาไปร่ำเรียนศึกษา กิริยามารยาทเจ้าต้องอบรมกันอีกมาก”
ผู้เป็นบิดาเอ่ยด้วยท่าทางขึงขังก่อนจากไปเขาสั่งบ่าวรับใช้ยืนห่อผ้าให้บุตรสาว เมื่อคลี่เปิดออกดูก็พบว่าด้านในนั้นมีทองคำสามสี่ก้อนวางซ้อนทับอยู่
ไป๋เซียนอดยิ้มไม่ได้ ถึงแม้ว่าบิดาจะไม่ค่อยใส่ใจแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังจดจำได้ว่าต้องจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้แก่นาง
“ไปกันเถอะหลี่ข่าย”
สองนายบ่าวเดินตรงไปยังเรือนเหมยฮวา ก่อนจะพบว่าไป๋ซินนั้นกำลังเอนกายอ่านตำรา ดวงตาสุกสกาววาววับกวาดมองตัวอักษรอย่างเชื่องช้า ทุกอากัปกิริยาองนางนั้นดึงดูดสายตาผู้พบเห็น ผลักผู้คนเหล่านั้นเข้าไปในภวังค์แห่งความลุ่มหลง
ไป๋เซียนเก็บห่อผ้าใส่สาบเสื้อก่อนนั่งลงข้างอีกฝ่าย
ไป๋ซินที่เห็นว่าน้องสาวเดินทางมาเยี่ยมเยียนถึงเรือนก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก นางยื่นตำราให้บ่าวรับใช้นำไปเก็บก่อนที่จะสั่งให้อีกฝ่ายนำขนมมาต้อนรับไป๋เซียน
“ทำไมถึงทำขนมเยอะแยะ”
“ท่านพ่อจะไปเยี่ยมสหาย ข้าจึงตื่นแต่เช้าทำขนม”
“ท่านนี่ขยันจริงๆ”
เอ่ยชมแล้วก็ได้เวลาลิ้มรสขนมฝีมือพี่สาว ไป๋เซียนไม่รอช้ารีบตักขนมกุ้ยฮวาเข้าปาก
“ว่าแต่เจ้ามาถึงที่นี่มีอะไรงั้นหรือ”
มัวแต่เพลิดเพลินกับความอร่อยตรงหน้าจนลืมเลือนธุระสำคัญ ไป๋เซียนวางช้อนลงก่อนที่นางนั้นจะเอ่ยกับพี่สาว
“ข้าอยากรู้ว่าท่านใช้อะไรแต่งหน้า”
เพราะไม่รู้ว่าเครื่องสำอางที่มีอยู่นั้นใช้อย่างไร นางจึงได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากพี่สาว ไป๋ซินกดไหล่อีกฝ่ายนั่งลงหน้าคันฉ่อง เครื่องสำอางมากมายวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า
“ผงข้าว ทำให้ใบหน้ากระจ่าง”
กระปุกไม้สีน้ำตาลถูกหมุนเปิดออกก่อนที่ละอองฝุ่นจะปลิวว่อน ทำให้ไป๋เซียนนั้นจามออกมาเสียงดัง
“เจ้าต้องปิดปากให้แน่น อย่าให้เสียงนั้นเล็ดลอดออกมามากจนเกินไป”
ผู้เป็นพี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน นางเข้าใจดีว่าไป๋เซียนนั้นไม่ได้ร่ำเรียนมากเท่าพี่น้องคนอื่นๆ จึงไม่อาจรู้ธรรมเนียมสตรีชนชั้นสูง
หลายปีที่ผ่านมานี้ ไป๋เซียนเอาแต่เก็บตัวอยู่ในเรือน ไม่เคยออกไปพบปะผู้คน นางจึงเข้ากับผู้ใดไม่ค่อยได้แม้แต่พี่น้องของตนก็ตาม แต่ทว่านี่อาจเป็นผลพวงจากการที่อีกฝ่ายถูกกลั่นแกล้งรังแกมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย
“ส่วนสิ่งนี้คือชาด แต่งแต้มริมฝีปากและแก้ม”
“นี่ทำมาจากอะไร”
ไป๋ซินยกยิ้มก่อนไขข้อสงสัยในใจน้องสาว
“เม็ดสีจากดอกคำฝอย”
หญิงสาวพยักหน้าก่อนมองตัวเองในคันฉ่อง ใบหน้าซีดเซียวเริ่มมีสีแต่งแต้ม ไป๋ซินเปิดกระปุกกระเบื้องหยก ก่อนใช้แปรงขนาดเล็กปาดผงสีดำและเคาะเบาๆเพื่อไล่เศษผงส่วนเกิน
“แล้วอันนี้ทำมาจากอะไรเหรอ”
“กิ่งต้นหลิวเผาไหม้ บดละเอียดแล้วใช้เพื่อวาดคิ้ว”
ใบหน้าที่งามอยู่แล้วเมื่อถูกแต่งแต้มก็ยิ่งงดงามจนยากจะละสายตา ไป๋เซียนแทบไม่อยากเชื่อว่าเครื่องสำอางจากธรรมชาติเหล่านี้จะสามารถเปลี่ยนใบหน้าหญิงสาวให้งดงามราวเทพเซียนได้
“ข้าจะวาดฮัวเตี้ยนให้”
ไป๋ซินปาดแปรงบนเนื้อชาดก่อนจะบรรจงวาดดอกไม้บนหน้าผากของไป๋เซียน หลังจากเสร็จสิ้นชั้นตอนการแต่งหน้าแล้วนางก็ได้ให้คำแนะนำแก่น้องสาว
“เจ้าอย่าปล่อยให้ใบหน้าเปล่าเปลือย เข้าใจหรือไม่”
ปีนี้ไป๋เซียนอายุเหยียบย่างสิบแปดแล้ว แต่ยังไร้แม่สื่อมาทาบทาม คงเพราะน้องสาวผู้นี้เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนเหลียนฮวา คุณชายบ้านอื่นไม่เคยได้พบหน้า จึงไม่อาจรู้ว่ายังมีอัญมณีงามซุกซ่อนอยู่ที่จวนตระกูลไป๋
น่าเสียดายยิ่งนัก บนแผ่นดินนี้ยังมีบุรุษดีๆมากมายที่คู่ควรแก่ไป๋เซียน หากอีกฝ่ายนั้นยอมรับไมตรีจากผู้อื่นบ้าง อีกไม่นานจวนตระกูลไป๋คงจะมีข่าวน่ายินดี
“ฝีมือข้าคงเทียบท่านไม่ได้”
หญิงสาวเอ่ยยกยอพี่สาว เครื่องสำอางเหล่านี้ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ คงต้องใช้เวลาในการฝึกฝน เห็นน้องสาวถ่อมตัวเช่นนี้แล้ว ไป๋ซินก็ยกยิ้มก่อนเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำสียงอ่อนโยนเช่นเคย
“หากเจ้าฝึกฝนบ่อยๆ เจ้าก็จะกลายเป็นยอดฝีมือในสักวัน”
ไป๋เซียนพยักหน้า พี่สาวมอบความรู้ให้นางมากมายเกี่ยวกับความงามของสตรีในยุคสมัยนี้ หญิงสาวเกรงว่าจะหลง
ลืม จึงได้ขอให้หลี่ข่ายช่วยจดบันทึกขั้นตอนการเเต่งหน้าไว้ให้ แต่เพราะบ่าวรับใช้สาวไม่รู้หนังสืออ่านและเขียนอักษรไม่ได้ นางจึงแก้ไขปัญหาด้วยการเขียนภาพขึ้นมาแทน