บทที่ 7
เอาแต่ใจ
หญิงสาวเบ้ปากใส่อย่างเอือมระอาใจกับรอยยิ้มร้ายกาจนั้น นี่เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเหรอ ไม่กระดากปากตัวเองสักนิดหรือไงนะ
“ฉันจะกลับก่อน”
“กลับไหน” แดเนียลถามนิวเคลียร์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง แต่เธอกลับมองว่านั่นคือการแสดง มันน่าปรบมือให้จริง ๆ กับการแสดงเป็นไม่รู้ไม่เห็นของเขา “ทำหน้าแบบนั้นทำไม” แดเนียลเอ่ยถามอีกครั้งทั้งที่คำตอบแรกยังไม่ได้รับ
“ก็ระอาใจกับสิ่งที่แกทำไง ทำเป็นไขสือเหรอ ไม่ตลก”
“อ่า...เธอแม่งรู้ทันฉันไปซะทุกเรื่องจริง ๆ สินะ นั่นก็แปลว่าเราสองคนรู้จักนิสัยสันดานกันดีแล้วใช่ไหม” แดเนียลยกมือขึ้นมาเกลี่ยแก้มนวลเบา ๆ อย่างหยอกล้อแต่กลับถูกนิวเคลียร์ปัดออก เธอขมวดคิ้วใส่เขาแล้วพูดประโยคหนึ่งออกไป
“นายกำลังล้ำเส้นฉัน” ประโยคนั้นทำมือหนาที่กำลังลูบไล้เรือนแก้มนวลต้องชะงักค้าง แดเนียลชักมือกลับอย่างหงุดหงิด “เลิกบงการชีวิตฉันได้แล้ว เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“แต่เราสองคนเอากันทุกวัน แบบนี้เขาเรียกอะไร”
“เลิกเอาเรื่องนั้นมาอ้างสักทีเถอะ นายยกมันมาอ้างเพื่อจะเอาแต่ใจกับฉันตั้งกี่ครั้งแล้ว มันน่าเบื่อรู้ไหม”
“ฮึ! เบื่อ?” แดเนียลหันมาสบตากับนิวเคลียร์ด้วยสายตาดุดัน เขาไม่เคยโกรธเลยสักครั้งจนได้ยินคำคำนั้นออกจากปากเธอ “ได้ดิ เบื่อเหมือนกันนั่นแหละ”
“งั้นก็เลิกมาเจอหน้ากัน ห่างกันสักระยะแล้วกัน เผื่อจะได้รำคาญกันน้อยลง” ว่าจบนิวเคลียร์ก็นั่งเงียบ จนกระทั่งแดเนียลขับรถมาส่งที่คอนโด ชายหนุ่มขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว คนตัวเล็กมองตามแล้วส่ายหน้า
“คนอย่างนายต้องถูกดัดนิสัยเสียบ้าง เอาแต่ใจไม่พอแถมยังชอบบังคับอีก” เธอบ่นพึมพำอยู่คนเดียวก่อนจะเข้าไปในคอนโด
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
แดเนียลทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาในคลับหรูที่ประจำ เขาสั่งเครื่องดื่มมาหลายอย่าง แต่ต้องพ่นลมหายใจออกอย่างเบื่อหน่ายที่เห็นร่างสูงเด่นเป็นสง่าเดินเข้ามาหาและถือวิสาสะนั่งลงโดยไม่ขออนุญาต
“วันอะไรวะ ทำไมต้องมาเจอด้วย” เขาเบือนหน้าหนีพี่ชายตัวดีพลางยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบเล็กน้อย ดีแลนกระตุกยิ้มอย่างเหนือกว่าเพราะรู้ว่าน้องชายเป็นอะไร
“ทะเลาะกับนิวมาอีกงั้นสิ”
“ยุ่งเรื่องของกู” ผู้เป็นน้องแยกเขี้ยวใส่พี่ชาย แต่ดีแลนไม่ได้ถือสาเพราะเกิดมาเป็นแดเนียลจนเติบโตมาถึงตอนนี้แล้วเขาไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิมเลย นี่จึงเป็นเรื่องปกติสำหรับพี่น้องที่คุยกันแบบไม่ต้องเสแสร้ง ดีแลนยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาเชื้อเชิญน้องชาย แต่แดเนียลกระดกดื่มเหล้ารสขมเข้าปากอึกเดียวหมดแก้ว “มาดูแลด้วยตัวเองเลยว่างั้น” แดเนียลถามพี่ชาย
“อืม มาดูกิจการสักหน่อย”
“อืม”
“กลับบ้านไปกินข้าวกับพ่อแม่บ้าง แม่บ่นคิดถึงแกกับนิวเคลียร์อยู่บ่อย ๆ และแม่ฝากบอกว่า…ต้นงิ้วหนามแหลมคม อย่าเที่ยวไปปีนเล่นบ่อย ๆ” มาเฟียหนุ่มกระตุกยิ้มที่ได้เห็นสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจของน้องชายที่ได้ฟังคำพูดแดกดันจากแม่ที่ฝากมา อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ถูกแม่แดกดันคนเดียว
“อืม มีอารมณ์ตอนไหนเดียวไปเองแหละ” แดเนียลตอบอย่างขอไปที
“ก็อย่าให้นานมาก ขี้เกียจบอกแม่ว่าแกน่ะยุ่งเรื่องงาน”
“ก็ไม่ได้บอกให้โกหกช่วยนี่ บอกแม่ไปตรง ๆ ดิ จู้จี้ขี้บ่นเหมือนแม่เข้าไปทุกวัน” แดเนียลเหลือบตามองพี่ชายด้วยความระอาใจ
“ก็ถ้ากูไม่จู้จี้กับมึง มึงจะเป็นผู้เป็นคนไหม”
“เดี๋ยวนี้ขึ้นกูมึงกับน้องแล้วเหรอ”
“เดี๋ยวก่อนนะ สมองมึงยังปกติดีไหม อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ” ดีแลนขมวดคิ้วแน่น
“ไปไกล ๆ ตีนหน่อยไป คนกำลังอารมณ์ไม่ดีอย่ามากวนตีนตอนนี้ได้ไหม”
“กูก็นึกว่ามึงจะฉลาดกว่านี้ แต่ที่ไหนโง่ฉิบหาย” ผู้เป็นพี่ทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ทำเอาคนฟังโกรธจัด แดเนียลกัดฟันกรอดแล้วกระดกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เขากดดูเวลาที่โทรศัพท์ นี่มันก็หลายชั่วโมงแล้วที่นิวเคลียร์เงียบหายไป
“เหอะ! แม่งอวดดีฉิบหาย” เขาแสยะยิ้มแล้วยกขาไขว่ห้างด้วยความหงุดหงิด กะว่าจะมาดื่มให้อารมณ์ดีสักหน่อย ดันมาเจอเรื่องกวนใจจนได้
หลายชั่วโมงต่อมา
นิวเคลียร์เปิดประตูเข้ามาในห้องพักหลังจากออกไปดื่มที่สถานเริงรมย์มา เธอเมานิดหน่อยเพราะเพื่อนบังคับให้ดื่ม ร่างบางเดินโซเซเข้ามาในห้องนอนส่วนตัวแล้วทิ้งตัวนอนลงกับเตียง
“อื้อ...มึนดีจริงเหล้ายี่ห้อนี้” เธอพึมพำกับตัวเองเสียงพร่าแล้วเริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างกาย ภายในไม่กี่นาทีร่างกายเธอก็เหลือเพียงแพนตีตัวน้อยที่ปกปิดของสงวนอยู่ นิวเคลียร์เดินไปคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมทับร่างกายแล้วเดินออกไปดื่มน้ำ “แดน...” เธอชะงักเล็กน้อยที่เห็นแดเนียลนั่งไขว่ห้างสูบบุหรี่อยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น แต่เป็นเพียงเสี้ยววินาทีที่เธอแสดงความตกใจ สีหน้านิวเคลียร์กลับมาเหมือนเดิมภายในไม่กี่วินาที
“เหมือนจะสนุกมากนะ ที่หนีกูไปเที่ยวได้”
“ขอโทษนะ ใครหนีไปเที่ยวเหรอ” หญิงสาวกอดอกถามกลับในทันทีแทบจะได้ ทำเอาอารมณ์แดเนียลยิ่งคุกรุ่นเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มผลุนผลันลุกขึ้นมาแล้วกระชากแขนนิวเคลียร์ไว้แน่น
“อย่ามาเล่นลิ้นกับกู”
พรึบ!
“อย่ามาสั่ง เป็นเจ้าชีวิตฉันตั้งแต่เมื่อไหร่” นิวเคลียร์สะบัดแขนแดเนียลออกแล้วเดินผ่านหน้าเขาไป เธอไม่ได้เกรงกลัวสายตาดุดันนั่นแม้แต่น้อย “อย่ามาเอาแต่ใจตัวเองกับฉัน แกลืมไปแล้วเหรอว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เธอเหยียดยิ้มเมื่อเห็นแววตาวูบไหวของแดเนียล ทว่าเขากลับแสยะยิ้มพลางหัวเราะออกมาเบาๆ
“นี่มึงลืมไปแล้วเหรอว่ากูเอามึงมากี่ครั้งแล้ว?” คำพูดร้ายกาจที่เขาพ่นออกมา เขาจะรู้ไหมว่ามันทำร้ายจิตใจเธอทุก ๆ ครั้งที่เอ่ยออกมาแม้มันเป็นเพียงเศษเสี้ยวความรู้สึกแย่ๆ ที่เข้ามาเพียงไม่กี่วินาทีก็หายไปก็เถอะ
“ทุเรศว่ะ” นิวเคลียร์สะบัดมือออกจากการจับกุมแล้วเดินหนีแดเนียล ทว่าเขากลับจับไหล่เธอแล้วผลักเข้าหาผนังห้องจนแผ่นหลังบอบบางกระแทกกับผนังอย่างแรง ก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างจะถูกพันธนาการด้วยฝ่ามือหนาไว้เหนือศีรษะ “เอาสิ อยากทำอะไรตามใจมึงก็เอาเลยแดน ไม่เคยเห็นกูอยู่ในสายตาอยู่แล้วนี่” แดเนียลขมวดคิ้วแน่น
“มึงพูดอะไรของมึง”
“กูพูดตามความจริง มึงไม่เคยทะนุถนอมกูเลย”
“แล้วมึงต้องการอะไรจากตัวกูอะนิว ให้กูสนใจ ให้กูทะนุถนอม ให้กูมองมึงแค่คนเดียว? หรือให้กูเอามึงแค่คนเดียว? มึงต้องการอะไรเหรอ...” รอยยิ้มร้ายกาจผุดพรายขึ้นบนใบหน้าคมคายซึ่งตอนนี้นิวเคลียร์เกลียดเป็นที่สุด เธอเลือกที่จะเบือนหน้าหนีแต่ก็ถูกแดเนียลจับใบหน้าหันมามอง “อย่าหลบสายตากู!” เขาเค้นเสียงอย่างเดือดดาล
“…” นิวเคลียร์กำหมัดแน่นแล้วเบือนหน้าหนีแต่กลับถูกแดเนียลบีบแก้มอย่างแรง
“มึงเป็นของกูนิว ไม่ว่ามึงคิดจะทำอะไรหรือจะไปไหนกับใคร จำเอาไว้เลยว่ามึงเป็นของกู! และกูมีสิทธิ์ในตัวมึงคนเดียว!”
เพียะ!
นิวเคลียร์ตบหน้าแดเนียลด้วยความโกรธ ก่อนจะรวบรวมเรี่ยวแรงผลักร่างหนาออก
“ทุเรศ! เห็นแก่ตัว!”
“เออดิ! กูมันเห็นแก่ตัว” แดเนียลตอบกลับทันควันแล้วเดินเข้าไปประชิดตัวนิวเคลียร์ไว้
“เลิกทำตัวเห็นแก่ตัวแบบนี้ได้ไหมแดน แกไม่รู้สึกอะไรกับฉันก็อย่ามาวุ่นวายกับชีวิตฉัน ลืมไปแล้วเหรอที่ตกลงกันไว้อะ”
“มึงก็เอาแต่ข้อตกลงมาอ้างกู จริง ๆ แล้วมึงก็ชอบกูใช่ไหมนิว”
“…” นิวเคลียร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะง้างมือขึ้นมาตบเข้าที่แก้มซ้ายแดเนียลอย่างแรง “กูจะชอบใครหรือรักใครก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของมึงแดน อย่าเอาความรู้สึกกูไปขยี้เล่น และต่อไปนี้อย่ามาเจอหน้ากูอีก” ว่าจบเธอก็เดินชนไหล่แดเนียลเข้าไปที่ห้องนอนปิดประตูใส่อย่างแรง
“แม่งเอ๊ย!!”