‘คุณ... กลัวตอนกลางคืนเหรอคะ!’
หนึ่งคำถามทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล…
ชรันหันกลับมา แววตาของชายหนุ่มแข็งกร้าวจนเธอต้องรีบก้มหัวพร้อมกล่าวคำขอโทษขอโพย
‘ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดในลักษณะดูถูก หรือเหยียดหยาม แต่อาการที่เห็นจากมือ และภายในห้องต่างๆ มันทำให้คิดไปแบบนั้น’
เธอกลัวในสิ่งที่พูดออกไปตามความคิดก็เลยไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินกลับมาที่เตียง พร้อมเชิดปลายคางเธอให้เงยหน้าขึ้น
‘ทำไมเธอถึงรู้’
ชรันรู้สึกราวนาทีนั้น ความลับของราชสีห์ถูกปลดเปลื้องโดยหนูขาวตัวกระจ้อยตัวเล็กที่อยู่บนเตียงตัวนี้
เธอนิ่งเงียบแล้วตอบคำถามไปว่า ‘ฉันสังเกตอาการจากมือของคุณ’
‘มือฉันทำไม’
‘มือคุณสั่น เวลาที่ไม่ได้สัมผัสร่างกายคน’
‘…’
‘คุณปิดม่านและหน้าต่างทึบ เปิดไฟในห้องให้สว่างเหมือนตอนกลางวัน’
‘…’
‘คุณไม่ยอมให้ฉันยุ่งกับหน้าต่างและคุณก็ไม่เคยมองไปทางหน้าต่าง…’
‘ฉันเลยคิดว่าคุณเป็นโรคกลัวตอนกลางคืน’
สายตาของชายหนุ่มค่อยๆคลายความแข็งกร้าวลง เขาเดินกลับมานั่งลงข้างเตียง ก่อนจะพึมพำด้วยประโยคเดิมที่เธอเคยได้ยินตอนมาถึงที่นี่ครั้งแรกอีกครั้ง
‘เหมือนจริงๆ’ เขาไม่ได้มองหน้าหญิงสาว เพียงแต่นั่งข้างเธอบนเตียงแล้วพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
รชนิชลมีสีหน้าไม่เข้าใจ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเพราะรู้ว่าเขาไม่ชอบคนพูดมาก อย่างที่เขาเอ็ดเธอในตอนแรกที่เจอหน้ากัน
ครั้งนี้ชายหนุ่มเป็นฝ่ายหันหน้ามาสบตาเธอพร้อมกับเอ่ยถาม
‘ทำไมถึงมาทำงานนี้’
‘ฉันต้องการเงิน ที่ทำทั้งหมดนี้ เพื่อนำเงินไปรักษาพี่ชาย’
รชนิชลตอบชรันไปตรงๆ เธอสบตาเขาอย่างไม่ปิดบัง
ชรันที่ได้ฟังก็นิ่งไปสักพัก ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อเขาเงียบอย่างใช้ความคิด เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ถือสากับการที่จะเป็นคนแรกหรือคนที่เท่าไหร่ของใครตราบใดที่เขาสนุก และผู้หญิงคนนั้นรู้จักอยู่ให้เป็น เขาย่อมเคยฟังเรื่องราวพวกนี้มาสารพัดจากหลาย ๆ คนที่พยายามเข้าหา แต่ยามสบตากับหญิงสาวตรงหน้า เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเธอคนนี้พูดความจริง
ความรู้สึกบางอย่างพลันก่อตัวขึ้นภายในใจของชรัน จะเรียกว่าเห็นใจก็ไม่ใช่ สงสารก็ไม่เชิง เขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับใคร เพราะที่ผ่านมาผู้หญิงที่แม่ใหญ่หามาให้ก็มีแต่คนที่เจนเวทีแล้ว แตกต่างจากวารี เธอทั้งหอมและสดใหม่ เธอช่างสังเกตและที่สำคัญ แววตาของเธอดูจริงใจไม่เหมือนคนอื่นที่จ้องจะหาผลประโยชน์ จิตใจของชายหนุ่มจึงเกิดความวูบโหวงแปลกๆ
รชนิชลอยากรู้ว่าเขาจะจ้างงานอีกไหม เพราะจำนวนเงินที่ได้ในวันนี้มันเพียงพอสำหรับแค่ส่วนหนึ่งของการรักษาเท่านั้น ในอนาคตยังต้องมีรายจ่ายอีกเยอะ ที่ทางโรงพยาบาลต้องเรียกเก็บแน่นอน เพราะพี่ชายของเธอต้องใช้เงินเรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่กล้าถามตรงๆ เธอเลยเกริ่นถามออกไป
‘ครั้งหน้าจะให้ฉันมาหาเวลาเดิมไหมคะ’
ชรันได้ยินจึงหรี่ตา ‘ฉันไม่เคยรับสินค้าซ้ำ เพราะไม่ชอบ’
รชนิชลจึงเริ่มขมวดคิ้ว แล้วพูดต่อว่า
‘แต่ฉันไม่ได้เป็นสินค้า’
‘…’
‘เพราะความไม่เท่าเทียมกันของเรา มันเลยกลายเป็นว่า คุณมองคนเป็นแบบนั้นไปเสียแล้ว’ พูดเสร็จหญิงสาวก็รีบปิดปากตัวเอง แล้วก็นั่งหลุบตาลงต่ำ ถ้าเขาโกรธจนไม่ยอมจ้างงานเธอต่อแล้วเธอจะทำยังไง ยัยน้ำเอ๊ยยัยน้ำ ปากไวตลอด หญิงสาวนึกก่นด่าตัวเองในใจ
ด้านชรันจึงสบตากลับมาด้วยแววตาที่น่ากลัวเหมือนเดิม
‘นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดกับฉันมากขนาดนี้... ช่างเป็นหนูขาวที่ท้าทายดีจริงๆ’
ชรันลอบยิ้มและมองอย่างชอบใจในความกล้าหาญของเธอ
หญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่ไม่ทันเห็นรอยยิ้มของเขา แต่เมื่อได้ยินดังนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วบอกว่า
‘ฉันต้องเดินไปต่อ เพราะฉันต้องการเงิน ถ้าคุณไม่รับสินค้าซ้ำ งั้นฉันขอเป็นคนรักษาอาการของคุณได้ไหม ฉันจะบำบัดอาการกลัวของคุณให้เอง เพราะดูจากท่าทางคุณก็ไม่ได้อยากจะมีสัมพันธ์ในทุก ๆ วันใช่ไหมล่ะ’
ชรันนิ่งเงียบ ในสายตาของรชนิชล แววตาน่ากลัวของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเฉยชา เขาหยัดตัวลุกขึ้นยืนแล้วกลับหลังหัน
หญิงสาวขมวดคิ้วและแอบตำหนิตัวเองในใจว่าคงพูดมากไปหน่อย ต่อจากนี้อาจไม่ได้รับงานจากเขาอีก หรืออาจจะต้องไปเป็นนางบำเรอให้คนอื่น ถึงจะต้องเป็นนางบำเรอให้เขา แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มีรสนิยมแปลก ๆ อะไร เฮ้อ!…สุดแล้วแต่โลกแล้วกันว่าจะหมุนอะไรมา
ระหว่างที่หญิงสาวขบคิดและบ่นกับตัวเองในใจ ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินพ้นจากห้องไปเขากลับเอ่ยขึ้นมาว่า
‘ถ้าอย่างนั้น... ฉันจะรอดูการรักษาของเธอในครั้งต่อไป’
พูดจบชรันก็ก้าวออกจากห้องไป ทำให้รชนิชลไม่ทันเห็นว่าชายหนุ่มแอบยกยิ้มเล็กน้อยอย่างพอใจ
ครั้นประตูปิดสนิท รชนิชลก็รู้สึกว่าได้ตกลงไปในกับดักของราชสีห์เสียแล้ว ถ้าทำไม่ได้ตามที่พูด ก็อาจจะถูกกินจนไม่เหลือซากเลยก็เป็นได้
ในห้วงความคิดของเธอได้พยายามรวบรวมทุกอย่างเท่าที่ตัวเองจะทำได้ตามสายวิชาที่เรียนมา แต่ก็ยากเกินกว่าจะหามุมมองใดมาเสนอวิธีรักษา ดวงตาที่อ่อนล้าจึงผล็อยหลับลงเพื่อบรรเทาภาวะการคิดไม่ตกที่ตนเองเลือกจะแบกรับไว้
และเมื่อลืมตาตื่นอีกครั้ง เธอก็ถูกยืนยันด้วยภาพห้องนอนหรูหรา ซึ่งเป็นการย้ำเตือนว่าเหตุการณ์เมื่อคืน... เกิดขึ้นจริงๆ
น้ำตาที่มักจะกลั้นไว้เสมอ หลุดลอดออกมาจากดวงตา หญิงสาวข่มอารมรณ์และหักใจหัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะสัญญากับตนเองว่าจะเข้มแข็ง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้รับสายจากแม่ใหญ่ว่ากำลังจะส่งคนมารับกลับโคมแดง...
รชนิชลก็รีบลุกขึ้นไปชำระร่างกายและพบว่าร่างกายตัวเองสะอาดในระดับหนึ่ง น่าจะมีคนมาเช็ดตัวให้ ซึ่งหญิงสาวก็พอเดาได้ว่า น่าจะคนเป็นคนรับใช้หรือแม่บ้านของชรัน ชั่วเวลาหนึ่งเธอแอบก็เผลอคิดไปว่าราชสีห์ตัวนี้ก็มีมุมอ่อนโยนเหมือนกัน
ค่อนข้างจะมีพื้นฐานจิตใจที่ดี แต่ทำไมถึงเลือกมานอนกับคนอื่น ทั้ง ๆ ที่มีภรรยาแล้ว
ดูจากที่ถอดแหวนขณะมีสัมพันธ์ และสวมใส่แหวนหลังเสร็จกิจอาบน้ำ ก็พอจะรู้ได้ว่า เขาให้ความสำคัญกับภรรยาอยู่...
‘คุณเป็นคนยังไงกันแน่คะ... คุณชรัน?’