สีหโรจนภูวดล
ตระกูลของเหล่าราชสีห์ผู้มีอำนาจและพรสวรรค์
คำกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ชรันได้ยินจนชินหู ตั้งแต่ลืมตามองโลก ภายใต้ชื่อสกุล ชรัน สีหโรจนภูวดล ที่ถูกตั้งมาอย่างดี และเพื่อให้เขาไปสู่จุดสูงสุดตามอย่างชื่อ การต่อสู้ที่มีชัย
สีหโรจนภูวดล...
ตระกูลที่รวยล้นฟ้าจากธุรกิจโรงแรมขึ้นชื่อในหลากหลายเครือ แต่ที่โดดเด่นมากที่สุดคือโรงแรมภูวดลพิลลาร์แกรนด์สวีต กรุงเทพ ที่แต่ก่อนเคยอยู่ในความดูแลของคุณท่านภานุเดช หรือคุณพ่อของเขา นักธุรกิจและนักบริหารชื่อดัง อีกทั้งโรงแรมภูวดลก็ได้ซึ่งสั่งสมชื่อเสียงมายาวนานในด้านความหรูหราสะดวกสบาย เป็นที่ยอมรับระดับโลก นับเป็นโรงแรมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดภายในเครือ และท่านก็ส่งมอบต่อให้เขาเมื่อถึงวัยที่สมควร
ช่วงชีวิตในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลมั่งคั่ง ย่อมมีแค่การเรียนและธุรกิจสองสิ่งวนไปไม่รู้จบ อาจเป็นเรื่องน่าเบื่อในสายตาใครหลายคน แต่สำหรับเขามันคือความภาคภูมิใจ ที่ได้สานต่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ให้เจริญก้าวหน้า อย่างที่ได้รับสมญานามจากทุกคนว่า...
เขาคือราชสีห์ทองคำ เจ้าของเครือโรงแรมหรูและผู้บริหารที่เป็นที่หนึ่งในเรื่องของธุรกิจโรงแรมในการท่องเที่ยวในปัจจุบัน สายตาอิจฉาริษยามักจับจ้องมาที่ชรันเสมอ ซึ่งเขาก็พร้อมน้อมรับ เพราะนั่นถือเสมือนคำชมที่เปรียบว่าตัวเขาเก่งกาจ
แต่แม้จะเป็นถึงราชสีห์ที่แข็งแกร่ง ก็ย่อมมีจุดอ่อน ซึ่งจุดอ่อนนั้นเรียกว่าอาการกลัวกลางคืน มันเกิดขึ้นเมื่อสมัยเด็ก เพราะถูกเคี่ยวเข็ญให้ต้องเป็นที่หนึ่งทำให้เขาถูกฝึกให้เข้มแข็ง ต้องคอยขยันอ่านหนังสือจนดึกดื่น และต้องโตกว่าเด็กคนอื่นในวัยเดียวกัน เด็กชายชรันในขณะนั้นจึงมีห้องนอนส่วนตัวเร็วกว่าที่เด็กคนหนึ่งควรจะมี ต้องอยู่คนเดียวให้ได้ในขณะที่เด็กคนอื่นมีพ่อแม่คอยเล่านิทานให้ฟังและส่งเข้านอน แต่ถึงอย่างไรเด็กชายชรันก็ทำได้ดีเสมอ ไม่เคยงอแง ไม่เคยโวยวาย เป็นที่หนึ่งตลอดมาตั้งแต่จำความได้ ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ทุกคนหลงลืมไปว่าแท้จริงแล้วเขาก็แค่เด็กคนหนึ่งที่อยากได้รับความรักความเอาใจใส่บ้าง ช่วงเวลากลางคืนน่ากลัวเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะทนอยู่ไหว และยิ่งสำหรับชรัน เวลากลางคืนเป็นเวลาที่เขาต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักอยู่คนเดียว รวมถึงการเป็นพี่คนโตที่ทำให้ทุกความสนใจเพ่งไปที่น้องสาวจนหลงลืมเขาไป
ความเหงา และความกดดันในทุกค่ำคืน หล่อหลอมให้ชายหนุ่มมีอาการแบบนี้ แต่เพราะต้องเป็นลูกชายและเป็นพี่ชายที่เข้มแข็งเขาจึงต้องสะกดกลั้นความกลัวนี้เอาไว้คนเดียว กระทั่งมันติดพันมาถึงปัจจุบันที่อาการเริ่มแสดงมากขึ้น มากขึ้นและชัดเจนขึ้น
และนี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เขาต้องใช้ความสัมพันธ์ทางกายเป็นตัวแก้ไขอาการสั่นเทาในยามที่กลางคืนมาถึง เป็นสาเหตุให้เขาต้องเมมชื่อร้านโคมแดงเอาไว้ในลิสต์รายชื่อพิเศษ
และเป็นสาเหตุให้เขามาเจอกับเด็กสาวคนหนึ่ง...คล้ายหนูขาวที่แสนขลาดกลัว แต่ก็กล้าที่จะจ้องหน้าราชสีห์ทองคำอย่างเขา เธอกล้าจะต่อปากต่อคำแถมเสนอตัวจะบำบัดอาการนี้ที่เป็นให้หายขาด ทั้งที่เป็นแค่เด็กสาวที่ตัวสั่นงันงก และกำลังนั่งปรนเปรอให้เขาอยู่ในตอนนี้
เธอกำลังดูดดึงปลุกเร้าแก่นกายตามคำสั่ง แต่เพราะความเก้ๆ กังๆ เห็นแล้วขัดใจเขายิ่งนัก เขาจึงสั่งให้เธอหยุด
“เธอยังไม่เป็นงาน... เงยหน้าขึ้นมา”
เธอได้ยินเสียงต่อว่าจากเขา ก็ทำให้นึกขัดใจ แล้วเผลอสั่งเขากลับ ราวกับเธอไม่ได้อยู่ใต้อำนาจของเขา
“ถ้าฉันทำไม่เก่ง คุณก็เป็นคนทำเองสิ”
“เก่ง? ... เธอกล้าสั่งฉันอย่างนั้นเหรอ”
“ค่ะ” เธอรวบรวมความกล้า จ้องตาเขาอย่างอาจหาญ
“ถ้างั้นก็รอรับสิ่งที่ฉันจะปรนเปรอให้เธอ แล้วอย่ามาร้องขอชีวิตล่ะ”
เขายิ้มมุมปากอย่างชอบใจในความดื้อดึงของเธอ เพราะไม่เคยมีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเขาแบบนี้มาก่อน
พูดเสร็จเขาก็ผลักเธอให้นอนลงบนเตียง เขาจ้องมองกลีบดอกไม้ของเธออย่างหลงใหล ก่อนจะทำในสิ่งที่แม้แต่ตนเองยังตกใจ เพราะเขาไม่เคยก้มหัวให้ใคร
ยิ่งผู้หญิง... มีแต่พวกเธอต้องปรนนิบัติให้เขา
ชายหนุ่มปาดเรียวลิ้นแตะเลียลงบนกลีบดอกไม้ ที่เขาเก็บไปฝันถึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ก่อนใช้เรียวลิ้นแหวกว่ายเปิดทาง จนค้นพบปุ่มสีชมพู เขาดูดดึงเกสรดอกไม้อย่างแผ่วเบา เพื่อเป็นการทำโทษเธอ
“อ๊ะ” เธอสะดุ้งพร้อมเปล่งเสียงครวญคราง
“ชอบใช่ไหมล่ะ... เรียกชื่อฉันสิ... เพชร”
ชื่อนี้เขาสงวนให้ใช้เฉพาะคนในครอบครัวกับคนสนิทเท่านั้น
“คุณเพชร อ๊า…” รชนิชลครวญครางออกมาไม่เป็นภาษา
เขาชอบใจที่ได้ยินเธอเอ่ยเรียกชื่อเขา เขาจึงยิ่งรัวเร็ว จนเธอกรีดร้องพร้อมทั้งเกร็งกระตุก แถมมือของเธอก็เผลอไปขยุ้มเส้นผมเขาจนแน่น
“เธอหวาน ฉันชอบรสชาติของเธอ”
ชรันมองดูเธอด้วยสายตาอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว
เขาคว้าเครื่องป้องกันมาสวมใส่ จากนั้นก็สอดตัวตนลงไปในความฉ่ำหวานของเธอ จับเอวเธอกระแทกกระทั้นด้วยความเร็ว
“คุณเพชรขา... อ๊ะ! .... น้ำไม่ไหวแล้ว” เธอเกร็งกระตุกเป็นครั้งที่สอง เมื่อเขาส่งเธอไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ
รชนิชลเผลอแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นจริงๆ แต่ชรันที่กำลังสอบสะโพกใส่เธออย่างรัวเร็วกลับไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขากำลังสนใจแต่กับความเสียวซ่านที่ได้รับจากเธอ
เสียงความฉ่ำแฉะของกายที่ประสานกันดังลั่นไปทั่วห้อง ก่อนที่ราชสีห์จะคำรามลั่นพร้อมกับกอดร่างบางไว้แน่น ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เขากอดเธอ
รชนิชลสังเกตมือของเขา มันดูไม่ค่อยสั่นเหมือนครั้งแรกที่เจอแล้ว
ชั่ววินาทีนั้น ชายหนุ่มรีบผละออกจากเธอ เมื่อรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังกกกอดร่างบางไว้อย่างทะนุถนอม