บทที่ 5 ลองใช้น้ำกลิ่นจันทร์กับคนดู
เมื่อวางเด็กน้อยลงบนเตียงกว้างเสิ่นลี่อิงก็นำตะเกียงมาจุดให้แสงสว่างกับนางในการตรวจร่างกายทันที ระหว่างนั้นลี่อิงได้กลิ่นแปลกๆ ออกมาจากตัวเด็กคนนี้ กลิ่นนั้นถึงชั้นทำให้นางต้องขมวดคิ้วแน่นเลยทีเดียว
เหงื่อผุดขึ้นมาตามกรอบหน้าและซอกคอของร่างเล็กๆ ที่ลี่อิงลองพิจารณาดูแล้วน่าจะมีอายุประมาณสองหนาวยังไม่เกินสองหนาวครึ่งเสียด้วยซ้ำ วิญญาณความเป็นนักดับเพลิงที่ต้องเรียนรู้การปฐมพยาบาลมาหลายรูปแบบเริ่มจุดติดขึ้นมาทันที
ใบหน้าเล็กๆ ซีดขาวไร้สีเลือดเนื้อตัวเย็นเฉียบ ปลายเล็บสีคล้ำม่วง แผลที่ศรีษะนั้นดูไม่รุนแรงเท่าใดนัก แต่ด้วยอายุของเด็ก ลี่อินล้วงมือหยิบไฟฉายจากมิติออกมาส่องรูม่านตา แล้วก็รู้สึกโล่งใจม่านตาขยายหดรับแสงอย่างปกติ สมองคงมิได้กระทบกระเทือนอันใด
“ฮือออ ป้า นม เปาเปาขอโทษ อื้ออ หนาวๆๆ” เสียงเล็กๆนั้นละเมอออกมาอย่างน่าสงสาร อ้าออกเล็กน้อยทำให้ลี่อินเห็นสีที่ผิดปกติ นางใช้มือดูเหงือกด้านในพบว่ามีสีดำคล้ำแดงก่ำน่ากลัวเหลือเกิน
“พี่สาวขอดูเหงือกเจ้าหน่อยนะ” เมื่อได้ยินเด็กน้อยละเมอ นางจึงได้เริ่มบอกว่านางจะทำสิ่งใดกับร่างกายเขาก่อนทำ แม้เขาจะสลบอยู่นางก็ยังอยากบอกเพื่อให้เจ้าของร่างรู้ว่าจะเกิดสิ่งใดกับตนเอง
นางคิดเท่าไรก็คิดไม่ออกว่าเด็กน้อยตรงหน้าเป็นโรคใด สิ่งที่เสิ่นลี่อินคาดเดาได้มีเพียงว่าเด็กคนนี้ต้องพิษเท่านั้น อาการเหล่านี้นางไม่รู้จะต้องทำอย่างไรเลยจริงๆ พิษในโลกนี้เจ้าของร่างคนเดิมก็ไม่มีความรู้ แม้ในมิติว่างจะมียาและอุปกรณ์ทางการแพทย์อยู่ด้วย แต่เมื่อวินิจฉัยไม่ได้ก็ย่อมรักษาไม่ได้
“พี่สาวต้องถอดอาภรณ์ของเจ้าออกเพื่อตรวจดูให้ทั่วถึง เจ้าอยู่นิ่งๆ” ลี่อิงเอ่ยขึ้นเพราะเด็กน้อยที่นอนอยู่เริ่มขยับตัวขยุกขยิกเล็กน้อย
เสิ่นลี่อิงตัดสินใจถอดเสื้อผ้าของเด็กคนนี้ออก เพื่อหาที่มาของกลิ่นเหม็นนี้เสียที หากให้นางทนดมต่อไปคงไม่ไหวกันพอดี แต่เมื่อเปิดเสื้อนางเห็นรอยช้ำเป็นจ้ำๆ คล้ายเป็นรอยหยิกตามตัว มีทั้งรอยใหม่รอยเก่า และลักษณะการช้ำนี้หากจะบอกว่าเกิดจากการหนีคนร้ายย่อมเป็นไปไม่ได้แน่นอน
ลูกตัวร้ายโดนทำร้ายร่างกาย…พ่อเด็กรู้ไหม หรือว่าเป็นฝีมือเขาเองนะ
ลี่อิงเกิดความรู้สึกไม่ไว้ใจตัวร้ายของเรื่องขึ้นมาในทันที การที่เด็กคนหนึ่งจะโตขึ้นไปแล้วยอมเป็นเครื่องมือทำร้ายพ่อแท้ๆของตัวเอง หากไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าคนผู้นั้นคือพ่อ ย่อมต้องเกิดจากความแค้น คิดได้ดังนั้นจึงถอดกางเกงตัวในออกเพื่อตรวจดูเพิ่มเติมทันที
ในที่สุดก็เจอกับที่มาของกลิ่นเหม็น เจ้าเด็กน้อยคนนี้ถ่ายราดตัวเอง แต่เมื่อดมกลิ่นและดูลักษณะก้อนถ่ายพบความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งสีกลิ่นและรูปร่างไม่มีส่วนใดที่ดูเป็นปกติเลย นางแน่ใจแล้วเด็กคนนี้ต้องพิษแน่นอน
“ไม่ต้องตกใจอันใดนะจ๊ะ พี่สาวแค่จะพาเจ้าไปล้างคราบเหม็นๆ เท่านั้น” ลี่อิงบอกกับลูกของตัวร้าย ก่อนจะอุ้มตัวเด็กคนนี้ไปล้างตัว และใช้ผ้าขนหนูจากมิติมาห่อตัวเด็กน้อยไว้แทน
เมื่อได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดและผ้าผืนใหญ่สีหน้าของลูกชายว่าที่สามีก็ดูดีขึ้นเล็กน้อยจึงนำเด็กมานอนลงที่เตียงอย่างเดิม ทันทีที่ร่างเล็กสัมผัสกับแผ่นไม้เบื้องล่าง ก็ยู่หน้านอนพลิกตัวไปมา จนลี่อิงต้องปลอบโยนลูบหัวให้เด็กน้อยสงบลงก่อน
“เจ้าตัวเล็ก พี่สาวยังไม่ได้ซื้อฟูก..ทนนอนแข็งๆไปก่อนนะ” เมื่อเด็กสงบลงแล้ว นางเอื้อมมือจะไปนำน้ำกลิ่นจันทร์ออกมาใช้แต่ก็ต้องชะงักไปก่อน
ลี่อิงยังไม่กล้าใช้น้ำกลิ่นจันทร์กับคน ตัวนางยังไม่เคยดื่มกินน้ำวิเศษนี้ และยังไม่รู้ว่าหากเด็กได้สัมผัสหรือดื่มน้ำวิเศษชนิดนี้จะส่งผลอย่างไร แม้จะบอกว่าเป็นของดีถอนพิษได้ แต่นางก็ไม่แน่ใจว่าหากการถอนพิษต้องอ้วกออกหรือถ่ายออก ร่างเล็กๆ เช่นนี้จะทนไหว
“เจาะน้ำเกลือก่อนแล้วกัน เจ็บเพียงแค่ตอนเข็มแทง แต่มันดีต่อร่างกายเจ้า” ร่างเล็กนี้เหงื่อออกไม่หยุด หากปล่อยไว้ต่อให้ถอนพิษได้ก็ตายเพราะร่างกายขาดน้ำอยู่ดี
นางตัดสินใจนำถุงน้ำเกลือออกมาจากมิติว่าง และเจาะให้น้ำเกลือเด็กน้อยไปที่บริเวณหลังมือ ยังดีที่เด็กคนนี้สลบอยู่จึงสามารถลงมือได้อย่างราบรื่น นางแขวนถุงน้ำเกลือไว้ จนไหลผ่านเข้าร่างกายไปครึ่งถุง ก็เห็นว่าสีหน้าเด็กคนนี้ไม่ขาวซีดดังเดิมจึงกลั้นใจเอาน้ำกลิ่นจันทร์ใส่ในเข็มฉีดยาและฉีดให้ทางสายน้ำเกลือ
“นิดเดียวนะครับ แค่พอสู้กับพิษได้นะ”
ชั่วอึดใจเดียวสีหน้าที่ดีขึ้นก็พลันย่ำแน่ลงไปอีก เหงื่อที่แห้งเหือดไปทีแรกผุดขึ้นอีกครั้ง แต่ครานี้เหงื่อออกมาเป็นสีดำ เสิ่นลี่อิงใช้ผ้าเช็ดออกให้อยู่สองเค่อ ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ เมื่อตรวจดูเหงือกก็มีสีดีขึ้นเช่นกัน เนื้อตัวที่มีรอยช้ำก็จางลงไป นางรอจนน้ำเกลือหมดจึงถอนเข็มออกและปล่อยให้เด็กน้อยนอนหลับไป
“เรียบร้อยแล้วคราวนี้เจ้านอนเยอะๆ พูดนี้ค่อยตื่นมาคุยกับข้า” เสิ่นลิ่อิงลูบศรีษะของเจ้าตัวเล็กสองสามทีก็ได้ยินเสียงท้องตนร้องประท้วง
‘โครก คราก!’
เมื่อดูแลคนป่วยจนสถานการณ์คลี่คลาย ท้องของนางก็ส่งเสียงร้องทันทีเหมือนรู้งาน เวลานางทำงานก็เป็นเช่นนี้ ท้องจะหิวและร่างกายจะรู้สึกถึงความเหนื่อยเมื่อสถานการณ์เลวร้ายผ่านไปแล้วเท่านั้น
หิวๆๆ ไก่ย่างจ๋า ข้ามาแล้ว ยังร้อนอยู่เลยแหะ มิตินี่มันดีจริงๆ
เสิ่นลี่อิงนำไก่หมักซอสย่าง และสลัดถู่โต้วออกมานั่งกินข้างๆ เตียงที่เด็กคนนี้หลับอยู่ ลี่อิงยังไม่กล้าเรียกชื่อในนิยายของลูกชายตัวร้ายเพราะลี่อิงรู้ว่านักไม่ใช่ชื่อที่แท้จริง และยังไม่อยากเรียกชื่อที่แท้จริงของเด็กคนนี้เข่นกัน เพราะร่องรอยการทำร้ายร่างกายเหล่านั้นมันรุนแรงเหลือเกิน ตราบใดที่ที่เด็กน้อยยังตื่นมาบอกความจริงเรื่องที่โดนทำร้ายไม่ได้นางจะเรียกเขาว่าเด็กน้อย
นางใช้ส้อมจิ้มไก่ชิ้นโตขึ้นมากัดโดยไม่หั่น มืออีกข้างก็ตักสลัดถู่โต้วเข้าปาก ไก่คำถู่โต้วคำใช้เวลาไม่ถึงเค่ออาหารที่ควรจะแบ่งทานได้สองมื้อก็ลงไปอยู่ในท้องลี่อิงอย่างรวดเร็ว การปลูกผักด้วยตัวคนเดียว และยังต้องมาทำหน้าที่หน่วยกู้ชีพในเวลาไล่เลี่ยกันช่างเป็นเรื่องที่กินพลังงานโดยแท้ ลี่อิงนำจานออกไปเก็บ แล้วจึงนั่งพิจารณาเด็กตรงหน้าอีกครั้ง นางยกมือตรวจอุณหภูมิร่างกาย เมื่อเห็นว่ายังคงที่ปกติดี ไม่เย็นจนน่าหวั่นใจอย่างในคราแรกก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เจ้าว่าข้าควรทำเช่นไรดี ข้าควรให้เจ้าดื่มน้ำกลิ่นจันทร์หรือไม่”
ลี่อิงชั่งใจอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจนำน้ำกลิ่นจันทร์ออกมาอีกครั้ง นางหยดน้ำวิเศษนี้ลงไปในปากเล็กเพียงเล็กน้อย
หวังว่าข้าจะตัดสินใจถูกต้อง หากยังมีพิษหลงเหลืออยู่ในระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายย่อมไม่ดีกับตัวเจ้า
นางยืนรออยู่นานว่าครานี้ร่างเล็กนี้จะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่รออยู่นานก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเสียที นางจึงนอนลงข้างๆ และหลับตามเขาไป
ผ่านไปหนึ่งก้านธูปเสิ่นลี่อิงหลับสนิทแล้ว แต่เด็กน้อยข้างๆ กลับลืมตาขึ้นมาแทน เขาหันมองรอบตัวในพื้นที่มืดมิด ไม่พบสิ่งใดที่คุ้นเคย พบแต่หญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ด้านข้าง ในตอนที่สลบไปเขาได้ยินทุกอย่าง พี่สาวผู้นี้ช่วยเหลือเขาไว้ ร่างเล็กนั้นจึงขยับไปซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของนาง และหลับไปอีกครั้ง