บทที่ 4 เด็กที่ไหนกัน

1736 คำ
บทที่ 4 เด็กที่ไหนกัน หลังจากที่นำของกลับไปเก็บที่บ้านพี่จินเรียบร้อยแล้ว หญิงชาวบ้านผู้ใจดีจึงเตรียมถังใส่น้ำ และพานางไปยังลำธาร คราแรกลี่อิงคิดว่าจะเป็นลำธารที่อยู่ติดกับบ้านของนาง แต่จินเหมยกลับพานางเดินมาอีกทาง ซึ่งเป็นลำธารอีกสายที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก แต่มีความลึกมากกว่า “เดี๋ยวช่วยกันตักน้ำไปใส่ตุ่มบ้านเจ้า เจ้าอยู่คนเดียวให้ข้าช่วยขนไปใส่ตุ่มไว้เพื่ออาบน้ำแล้วกัน” “เจ้าค่ะพี่จิน” ตอนแรกนึกว่าจะพามาอาบน้ำในลำธารสรุปคือให้ตักใส่ตุ่ม ยังไม่ได้ดูเลยแฮะ…บ้านเรามีตุ่มหรือเปล่าเนี่ย เมื่อขนน้ำมาใส่ไว้จนเต็มตุ่มแล้ว พี่จินจึงได้บอกนางว่า น้ำไว้ซักล้างก็ให้ใช้ลำธารหลังบ้านนางเอา เพราะลำธารหลังบ้านของนางตื้นเกินไปตักแล้วต้องรอตะกอนลงไปนอนก้น หากต้องการใช้อาบทันทีจะไม่สะดวก เมื่อเสร็จเรียบร้อยพี่จินจึงขอตัวลากลับบ้าน เพื่อไปจัดการให้อาหารไก่และดูแลพืชผักสวนครัวที่นางปลูกไว้ตามรั้วบ้าน เสิ่นลี่อิงไม่ได้รั้งจินเหมยไว้ นางเองก็มีหลายสิ่งที่ต้องจัดการในบ้านหลังนี้เช่นกัน ลี่อิงจึงเดินสำรวจรอบบ้านโดยละเอียดอีกครั้ง ที่ดินที่อยู่ติดกับบ้านหลังนี้มีความอุดมสมบูรณ์ดี หากจะนำอะไรมาปลูกก็คงเติบโตได้ดีพอสมควร ในตัวบ้านแม้จะทรุดโทรมแต่ฝุ่นไม่ได้มีเยอะนัก นางจึงตัดสินใจทำความสะอาดบ้านหลังนี้ก่อนที่จะอาบน้ำเตรียมพักผ่อน เสิ่นลี่อิงเช็ดฝุ่นทั่วทั้งบ้านจนสะอาดเอี่ยมก็ล่วงเลยไปถึงหนึ่งชั่วยามแล้ว นางตัดสินใจที่จะไปอาบน้ำให้ร่างกายรู้สึกโปร่งโล่งสบายก่อน นางคิดไปว่าบ้านหลังนี้คงเคยมีครอบครัวอยู่อาศัยเพราะมีสองห้องนอน และห้องส่วนกลางของบ้าน นางจะใช้อยู่อาศัยคนเดียวถือว่าไม่คับแคบเลย ลี่อิงสามารถใช้ห้องนอนห้องหนึ่งไว้สำหรับทำงานได้ บริเวณครัวก็มีเครื่องครัวเหลืออยู่นิดหน่อย แต่ปราศจากซึ่งวัตถุดิบและเครื่องปรุง แม้แต่ข้าวสารก้นถังก็ไม่มีเหลือไว้แม้แต่น้อย เมื่อดูสถานการณ์ในครัวแล้วจึงกลับมานั่งแยกสิ่งของที่นางเทลงไปในหีบใหญ่ เสิ่นลี่อิงนับตั๋วเงินดูพบว่ามีมูลค่ารวมทั้งหมดสองพันตำลึงทอง ส่วนที่เป็นก้อนตำลึงเงินตำลึงทองและเงินแบบอื่นๆ มีประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบตำลึงทอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับอีกจำนวนหนึ่งด้วย อาภรณ์ที่นางหยิบติดมาด้วยมีของเสิ่นลี่อิงคนเดิมอยู่สามชุด และอีกสามชุดนางเลือกหยิบอาภรณ์ของบ่าวมา ดีที่นางคว้าเทียนและตะเกียงติดมาด้วย คงสะดวกในการใช้ให้แสงตอนกลางคืนไม่น้อย ของเล็กน้อยอื่นเสิ่นลี่อิงก็จัดการแยกหมวดหมู่และนำไปเก็บในจุดที่สิ่งเหล่านั้นควรจะอยู่ ก็พอมีทุนในการตั้งตัว ยังไงก็น่าจะอยู่ได้อย่างสบายๆ เมื่อจัดการกับข้าวของเรียบร้อยแล้ว ลี่อิงจึงไปไล่ดูรั้วบ้านของตัวเอง และลองจับโยกดูว่ามีจุดไหนที่ต้องซ่อมแซมบ้างหรือไม่ เมื่อเจอไม้ที่ผุพังไปมากนางก็ทำสัญลักษณ์ไว้ว่าต้องมาเปลี่ยนแผ่นไม้ จากนั้นจึงเดินไปบ้านพี่จินเหมยเพื่อบอกนางว่าจะไม่มาร่วมกินอาหารตอนเย็น อ้างว่ายังอิ่มอยู่และต้องการพักผ่อน แต่ความจริงแล้วเสิ่นลี่อิงต้องการจะสำรวจมิติช่องว่างของตัวเองต่างหาก ไหนดูซิมีอะไรให้เล่นบ้างเนี่ย ต้องเข้ายังไงก่อนเอ่ย สิ้นคำถามก็เกิดร้อนวูบยังบริเวณข้อมือด้านซ้าย ลี่อิ่งจึงลูบไปยังจุดที่รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา เมื่อแตะลงไปก็สามารถมองเห็นมิติช่องว่างของตนเองได้ พบว่านอกจากของแปลกๆ ที่เธอไม่แน่ใจว่าคืออะไร ก็มีสิ่งต่างๆ ที่คุ้นเคยจากภพเดิมอยู่มากมาย แต่สิ่งที่ทำให้เธอดีใจที่สุดคือมีไก่หมักที่เธอทำทิ้งไว้ก่อนจะไปนอนในคืนสุดท้าย โอ้ยดีใจอะ ไก่หมักซอสนี่ยังไม่ได้กินเลย โอ้โห ไหนเอาออกมาทำคืนนี้เลยดีกว่า หมักพร้อมอบพร้อมย่างสุดๆ นางหยิบไก่หมักออกมา และเดินไปหลังครัวทันที ควานหาตะแกรงย่างอยู่สักครู่ก็พบ ลี่อิงเริ่มก่อไฟและวางตะแกรง ก่อนจะหยิบก้อนเนยออกมาจากมิติช่องว่างเพื่อถูลงบนตะแกรงก่อน แล้วค่อยวางไก่ส่วนสะโพกที่หมักเรียบร้อยแล้วลงไป ระหว่างที่รอให้ไก่สุกนางจึงดูในมิติว่ามีสิ่งใดที่สามารถนำมากินในตอนนี้ได้อีกบ้าง ก็พบว่ามีสลัดมันฝรั่งที่ทำทิ้งไว้แล้วยังทานไม่หมดด้วยเช่นกัน จึงนำออกมาเพื่อจะกินคู่กับไก่หมักซอส เมื่อจัดการเรื่องมื้ออาหารของตนเรียบร้อยแล้ว นางจึงสำรวจให้ทั่วมิติว่างนั้น นางสามารถใช้มือกวักหมุนไปยังส่วนที่ต้องการในมิติได้เพียงแค่ใจนึก หรือหากก้าวเข้าไปก็จะเหมือนกับเป็นห้องเก็บของขนาดใหญ่ นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อแตะสิ่งของแปลกๆ นางจะได้รับรู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไรในทันที สิ่งแรกที่จับไปคือโถที่มีน้ำสีฟ้าอมเขียวจางๆ มันคือน้ำกลิ่นจันทร์ เป็นน้ำวิเศษที่มีฤทธิ์ทำให้สิ่งใดก็ตามที่สัมผัสกับน้ำนี้แข็งแรง หากคนใช้ดื่มก็จะผิวพรรณดีร่างกายแข็งแรง หากใช้รดพืชผักก็จะเติบโตเร็ว หากต้องพิษสามารถใช้ขับพิษได้อีกด้วย หวานล่ะทีนี้ แม่จะปลูกให้เต็มที่เลย ไหนกันน้า…เมล็ดพันธุ์อยู่ไหนนะ คิดได้เช่นนั้นนางจึงมุ่งไปดูเมล็ดพันธุ์ที่อยู่ด้านหลังสุดของมิติว่างนี้ทันที ถึงแม้การใส่น้ำกลิ่นจันทร์จะทำให้พืชผักโตเร็ว แต่นางก็ยังต้องใช้เวลาปลูกพืชพันธุ์เหล่านี้อยู่ดี ลี่อิงเลือกหยิบพืชประเภทหัวออกมาก่อนอย่างเช่น ถู่โต้ว(มันฝรั่ง) หงสู่(มันเทศ) ยวี่โถว(เผือก) และหลัวโป (หัวไชเท้า) จากนั้นจึงหยิบพวกพืชผักสวนครัวอื่นอีกนิดหน่อยตามออกมาวางรอไว้ นางกลับไปดับไฟแล้วพักเนื้อไก่ไว้บนโต๊ะในมิติ รอปลูกผักเสร็จลี่อิงจึงจะกลับมากินข้าวเย็น เสิ่นลี่อิงออกมายืนคิดว่าจะปลูกสิ่งใดไว้ตรงไหน ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจว่าในบริเวณรั้วที่มีไม้ผุพัง นางจะไม่เปลี่ยนแผ่นไม้ใหม่ แต่จะใช้วิธีการปลูกต้นไม้ที่มีความสูงสักหน่อยให้ขึ้นแทนที่แผ่นไม้เหล่านั้น นางเลือกเมล็ดต้นผิงกั่ว(แอปเปิ้ล) จวี๋จือ(ส้ม) และหมางกั่ว(มะม่วง) ออกมาด้วย ส่วนพืชผักผลไม้ชนิดอื่น ไว้รอสามารถเก็บเกี่ยวพืชหัวเพื่อเก็บไว้เป็นเสบียงได้แล้ว ค่อยนำมาสลับเวียนเพาะปลูก ได้เวลาลงมือสักที อีกสักสองเดือนทุกอย่างคงเข้าที่ ลี่อิงไม่ลืมที่จะหยิบจอบและเสียมรวมถึงน้ำกลิ่นจันทร์ออกมาจากมิติด้วย นางเริ่มพรวนดินก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นจึงใช้เสียมขุดหลุมตามแนวยาวและหยอดเมล็ดพันธุ์ตามแนวที่ขุดไว้ นางขุดหลุมสำหรับพืชแต่ละชนิดไว้เพียงอย่างละสามหลุมเท่านั้น ลี่อิงต้องการทดลองความเร็วของน้ำกลิ่นจันทร์ ส่วนบริเวณรอบบ้านก็ขุดแค่ตามจำนวนรั้วที่ผุพัง เมื่อหยอดเมล็ดลงในหลุมสุดท้ายฟ้าก็มืดพอดี นางจึงหาที่รดน้ำต้นไม้ฝักบัวพลาสติกในมิติออกมาใช้รดน้ำกลิ่นจันทร์ผสมกับน้ำในลำธารหลังบ้าน เพื่อความรวดเร็วแทนการไล่หยดน้ำลงไปทีละหลุม แน่นอนว่าได้มีการสอดส่องอย่างดีแล้วว่าไม่มีชาวบ้านผ่านไปผ่านมาเห็นสิ่งของที่น่าแปลกตานี้ ‘ขลุก ขลัก ปึง ปัง!’ ..!? เสียงอะไร หรือบ้านนี้มีผีจริงๆวะ แต่ฉันก็เป็นผีฉันจะกลัวทำไม แล้วเสียงก็ไม่ได้มาจากในบ้านนิ โอ้ย เดินไปดูก็ได้ “คนยิ่งเหนื่อยๆ อยากจะพัก ก็มาเสียงดังเอะอะโวยวายหลังบ้านคนอื่นเดี๋ยวเถอะ” เสิ่นลี่อิงบ่นออกมาตั้งใจจะพูดให้อะไรก็ตามที่มาทำเสียงดังอยู่หลังบ้านเธอได้รับรู้ถึงความไม่พอใจ นางเดินมาสุดริมรั้วก่อนจะยื่นหน้าออกไปดู พบว่าเป็นเด็กวัยน่าจะไม่เกินสามหนาวจึงรีบวิ่งอ้อมมายังหลังรั้วทันที “เด็กน้อย เด็กน้อยตื่นเถิด” ฉิบหายละ สมองกระทบกระเทือนไหมเนี่ย แล้วใครมันมาปล่อยลูกหัวกระแทกรั้วบ้านคนอื่น อย่ามาให้เห็นนะฉันจะด่าให้ อื้อหือ.. ยังเล็กอยู่เลย ลี่อิงพยายามปลุกเด็กน้อย แต่ปลุกเท่าไรก็ปลุกไม่ตื่น จึงจับเด็กพลิกอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนตนเอง ก่อนจะเหลือบไปเห็นตราหยกที่ห้อยอยู่ข้างเอวเด็กในอ้อมกอด นางจำได้ทันทีว่าเป็นตราสัญลักษณ์วังหนิงอ๋องตัวร้ายของเรื่อง อย่าบอกนะว่า…นี่มันลูกติดของหนิงอ๋อง แล้วองครักษ์ไปไหนหมด นี่มันอ๋องน้อยเลยนะ ทำไงดีๆๆ!? เสิ่นลี่อิงนึกไปถึงเนื้อเรื่องตามนิยายก็จำได้ว่าหลังจากที่เสิ่นลี่อิงตายไปแล้ว ท่านอ๋องน้อยที่กำลังจะถูกส่งตัวไปเยี่ยมเสด็จปู่เล็กผู้เป็นฮ่องเต้ก็มาหายตัวไประหว่างทางเช่นกัน หลังจากนั้นเด็กน้อยคนนี้ก็ถูกอาจารย์ของพระเอกมาพบเข้าจึงได้ชุบเลี้ยงไว้ และส่งมาเพื่อเป็นหมากที่ใช้จัดการตัวร้ายในอนาคต … ซวยสุดๆ! อุตส่าห์ไม่กลับไป ลูกตาอ๋องดันมาโผล่อยู่ที่นี่ได้ยังไงเนี่ย อุ้มเข้าบ้านก่อนค่อยคิดแล้วกัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม