บทที่ 6 คงต้องเลี้ยงไว้เสียแล้ว
เสิ่นลี่อิงตื่นขึ้นเพราะรู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังจับจ้องนางอยู่ เป็นเด็กชายตัวน้อยคนเดิมนั่นเอง ท่าทางลูกของตัวร้ายดูสดใสขึ้นมากเลยทีเดียว ดวงตาใสกระจ่างจ้องมองมาหานางตาไม่กระพริบ
“ตื่นแล้วหรือ พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นดีเลย” นางลุกขึ้นมานั่งมองเจ้าเด็กน้อยคนนี้กลับบ้าง
“ตื่นแล้ว ขอรับ ขอบคุณ พี่สาว” เด็กเล็กตรงหน้าพูดช้าๆ ทีละพยางค์สองพยางค์ อาจเพราะต้องการออกเสียงให้ชัดเจนครบทุกคำ
น่ารักจังเลย…แก้มอ้วนน่าหยิกจริงๆ
มือเลื่อนไปไวกว่าความคิดเสิ่นลี่อิงใช้นิ้วบีบแก้มที่มีเลือดฝาดแล้วไปเบาๆ แต่เด็กน้อยกลับกรีดร้องออกมาทันที
“ฮือออ ปล่อยๆ เปาเปาเจ็บ ขอโทษๆ” เขาพูดพร้อมๆ กับวิ่งหนีไปที่ริมกำแพงห้องนอนแคบนี้
เสิ่นลี่อิงตกใจและก่นด่าตัวเองไปด้วย ก็เห็นว่าเด็กมีรอยหยิก ทำไมต้องมือไวขนาดนี้ด้วย ต้องทวนเรื่องจิตวิทยา กับความรุนแรงในเด็กแล้วเรา ทำงานมายี่สิบปีเรื่องแค่นี้ลืมได้ไง
“พี่สาวขอโทษ พี่สาวเพียงเห็นว่าแก้มของเจ้ามีสีแดงน่ารักก็เท่านั้น เจ้าเจ็บหรือ พี่สาวไม่ทำอีกแล้วดีหรือไม่” นางเอ่ยปลอบโยนเด็กน้อยตรงหน้า ไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้ให้เด็กน้อยรู้สึกว่าลี่อิงไม่ได้เข้าไปรุกล้ำพื้นที่ของตัวเด็ก
“ยี ยี (ดี ดี) ฮือๆๆ พี่ฉาว ม่ายทำจริงหยือ (พี่สาวไม่ทำจริงหรือ)” เด็กน้อยปาดน้ำตาเงยหน้ามองนางแต่ก็ยังมีท่าทีระแวงอยู่
“จริงแน่นอน ไม่บีบไม่หยิกอีก ข้าสัญญา”
“ขอรับ” เด็กน้อยสะอื้นสูดน้ำมูก แต่ก็ยังไม่เข้ามาหา เขาเพียงแค่สังเกตว่านางจะทำสิ่งใดต่อไป
“เมื่อครู่เจ้าว่าเจ็บ พี่สาวขอดูได้หรือไม่”
เมื่อถูกถามเด็กน้อยจึงได้สติลองจับแก้มของตนดู ก็ได้รู้ว่าตนไม่รู้สึกเจ็บเหมือนที่โดนกระทำตลอดมา จึงมีท่าทีผ่อนคลายลง และพยักหน้าแทนการอนุญาตให้เสิ่นลี่อิงเข้าหาได้
“ข้าจะเป่าเพี้ยงให้ รับรองว่าหายแน่นอน” พูดจบลี่อิงก็เดินเข้าไปหา และเป่าลมเบาๆ ลงบนแก้มนุ่มสองครั้ง
“เรียบร้อยแล้ว คราวนี้บอกพี่มาที ใครทำให้เจ้ากลัวการโดนหยิกหรือ”
“…”
เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยไม่ยอมตอบ ลี่อิงก็ถามซ้ำออกไป “ข้าบีบเพราะเจ้าน่ารักทำด้วยความเอ็นดู แต่ที่ผ่านมาโดนทำให้เจ็บใช่หรือไม่ บอกมาเถิด”
เด็กน้อยหลุบตาลงไม่กล้ามองนาง นิ้วเล็กๆของเขาเชี่ยอยู่ตามพื้น ภายในใจของเด็กวัย 2 หนาวครึ่งหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง “บอกไม่ได้ อนุเฉียวสั่งว่าไม่ให้บอกใคร”
เด็กยังไงก็เป็นเด็ก เขาไม่ให้บอกก็บอกชื่อมาซะงั้นว่าใครไม่ให้บอก
“ไม่ต้องกลัว บอกพี่สาวได้ อยู่ที่นี่ใครก็มาทำอะไรเจ้าไม่ได้”
“จริงหรือขอรับ”
“จริงสิ อนุเฉียวเป็นผู้ทำร้ายเจ้าหรือ”
เด็กน้อยตรงหน้าพยักหน้าเบาๆ “อนุเฉียว ไม่ชอบเปาเปา”
“แล้วท่านพ่อของเจ้ารู้หรือไม่”
“ไม่รู้ เปาเปาไม่บอก … พี่สาวข้าคิดถึงท่านพ่อ”
“ท่านพ่อดีกับเจ้าหรือไม่”
“ดี พ่อใจดี เล่นกับข้า” รอยยิ้มบริสุทธิ์ผุดขึ้นบนใบหน้าของตู้เปาหลงอ๋องน้อยในจวนหนิงอ๋อง
“ข้าก็ใจดี มีของอร่อยด้วย เจ้ารอตรงนี้ ข้าจะไปเอามาให้”
นางเดินไปที่นอกห้องแล้วล้วงมือลงไปในมิตินำโอเวอไนท์โอ๊ตที่แช่เตรียมไว้ออกมาให้เปาหลงทานร้องท้อง พร้อมกับนมช็อคโกแลตอีกหนึ่งแก้ว นางอธิบายวิธีการทานแล้วปล่อยให้เปาหลงทานเองเพื่อฝึกกล้ามเนื้อมือ
“กินหกก็ค่อยเช็ด แต่เจ้าต้องตักกินเองมือจะได้แข็งแรง”
เสิ่นลี่อิงลอบยิ้มอยู่ในใจอย่างน้อยเขาก็ยังเป็นพ่อที่ดี เช่นนั้นแล้วแปลว่านิยายเรื่องนี้คงซับซ้อนกว่าที่นางคิด
มิน่าเล่าในตอนที่หนิงอ๋องรู้ความจริงว่าหมากของอีกฝ่ายที่ตนจัดการไป คือลูกชายคนโตของตนเอง เทพสงครามแห่งแคว้นตู้ที่คอยปกปักรักษาแผ่นดิน จึงดำดิ่งสู่ความโหดร้าย และหันมาทำลายแคว้นตู้ด้วยน้ำมือตนเอง ฝ่ายพระเอกล้างสมองเด็กคนนี้ให้เกลียดพ่อตนเองถึงขนาดนั้นได้อย่างไร
จะปล่อยให้อาจารย์ของพระเอกเอาไปเลี้ยงไม่ได้เด็ดขาด ไม่งั้นคงไม่มีใครได้อยู่อย่างสงบ
เสิ่นลี่อิงอ่านนิยายในมุมมองของนางเอก ตัวละครที่นางต้องมาเกี่ยวข้องหรือแม้แต่ตัวนางเองก็ถูกกล่าวถึงผ่านการบอกเล่าจากนางเอกเท่านั้น นางจึงรู้เพียงว่าองค์รัชทายาท หรือพระเอกของเรื่องดึงเปาหลงไปใช้เพราะเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน แต่เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นของเปาหลงตัวน้อยไม่มีกล่าวถึงไว้มากนัก เขาเข้ามามีบทบาทก็ตอนเป็นกุนซืออัจฉริยะ และนักฆ่าผู้ถนัดการใช้พิษไปเสียแล้ว
การเดินหมากที่โหดร้ายให้พ่อลูกฆ่ากันเองเช่นนี้ ฝ่ายนั้นกลายเป็นพระเอกได้อย่างไรกัน ต่อสู้ฝ่าฟันจะเอาบัลลังก์กับพี่น้องของตน ขัดแย้งกับฮ่องเต้เพราะต้องการแต่งลูกอนุเป็นไท่จื่อเฟย ทั้งที่ตัวร้ายก็มีสัญญาหมั้นหมายกับนางเช่นกัน และท้ายที่สุดก็กลัวไปเองว่าอำนาจของลูกพี่ลูกน้องอย่างหนิงอ๋องจะมีมากเกินไปเลยต้องกำจัดทิ้ง
กำจัดเพราะเป็นศัตรูหัวใจละสิไม่ว่า..เหอะ
เสิ่นลี่อิงตั้งใจแล้วว่าจะปกป้องดูแลเด็กคนนี้เอง เพื่อป้องกันสงครามให้ทุกคนอยู่รอดปลอดภัย มีเพียงต้องดูแลเด็กคนนี้ให้เติบโตสมวัยเท่านั้น นางจึงจะสามารถอยู่อย่างสบายใจในที่แห่งนี้ได้ รอนางสร้างรากฐานให้มั่นคง และเปาหลงโตพอจะกล้าฟ้องพ่อค่อยหาทางพากลับไปส่งก็แล้วกัน
นางหยิบผิงกั๋วออกมานั่งกัดรอให้เด็กน้อยกินจนเสร็จ แล้วค่อยเช็ดหน้าเช็ดตาให้เปาเปาน้อย จากนั้นก็เช็ดพื้นเป็นอย่างสุดท้ายโดยสั่งให้เปาหลงคอยช่วยนางเช็ดด้วย
“นมอร่อย ข้าชอบ” เมื่อเก็บของเสร็จเปาหลงก็เอ่ยบอกกับนาง
“อร่อยก็ดีแล้ว เจ้าต้องอยู่กับข้าอีกนาน หากไม่ชอบของกินที่ข้าให้จะลำบากเอา”
“ทำไม เปาเปาหาท่านพ่อ” เด็กน้อยแบะหน้าคล้ายจะร้องไห้แต่ยังกลั้นน้ำตาไว้อยู่
“ไปไม่ได้ ที่เจ้าหายมาอยู่นี่ก็เพราะคนร้ายตามมามิใช่หรือ”
“พ่อจัดการคนร้ายได้ พ่อเก่ง” เจ้าตัวเล็กเปาเปาขมวดคิ้วเถียงสู้นาง
“แต่ตอนนี้พ่ออยู่ไกล ต้องโตกว่านี้ก่อนถึงจะไปได้”
“พี่สาว ข้าคิดถึงท่านพ่อ”
“ข้ารู้แล้ว เด็กน้อยเชื่อพี่สาวเถิดนะ ตอนนี้ข้ายังพาเจ้าไปหาพ่อไม่ได้ ไว้รอพวกมันตายใจ ข้าสัญญาจะพาเจ้ากลับไปหาพ่อแน่นอน”
“…” น้ำตาหยดเล็กของเปาหลงไหลรินอาบแก้ม
“พี่สาวไม่เก่ง หากพาไปตอนนี้จะไม่ได้เจอพ่อ รอพี่สาวเก่ง พี่สาวจะพาเจ้าไป” ลี่อิงรวบตัวเปาหลงเข้ามากอดปลอบ
เปาหลงยอมให้นางกอดแต่โดยดี ใบหน้าเล็กๆซบอยู่บนบ่า เอ่ยให้คำมั่นสัญญากับนาง “เปาเปาก็จะเก่งด้วย เก่งแล้วไปหาท่านพ่อ”
“ได้เลย เก่งแล้วค่อยไปหาท่านพ่อ”
หรือนี่จะเป็นภารกิจที่เซียนคนนั้นบอกกับนางไว้กันนะ สิ่งที่นางต้องมาทำในโลกแห่งนี้อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาที่เลวร้ายของตู้เปาหลง ในวาระสุดท้ายของชีวิตตู้เปาหลงผู้นี้ถูกทรมานแสนสาหัส ชะตาที่เลวร้ายอย่างนั้น…
พี่สาวจะปกป้องเจ้าจนถึงที่สุดเอง…