บทที่ 14 งานการมากมาย
เสิ่นลี่อิงนำดินที่นางขุดออกมาจากมิติ และให้เปาเปานำขี้ทาเกลือคล้ายทรายมาผสมกับดินที่นางขุดมา เมื่อผสมเสร็จแล้วลี่อิงจึงนำถังไม้ขนาดกำลังดีออกมา 2 ถัง ถัง 1 นางใช้ตะปูตอกให้เป็นรูเล็กๆเพียง 2 รู และนำผ้าขาวบางรองไว้ที่ก้นถัง ก่อนจะสั่งให้เด็กน้อยนำดินที่คลุกผสมทั้ง 2 ส่วนเรียบร้อยแล้วมาตักลงใส่ถังที่มีผ้าขาวบางรองไว้อยู่
“ครานี้เจ้าใช้มือกดลงไปให้แน่นๆด้วยแล้วค่อยเติมลงไปเพิ่ม หากไม่แน่นน้ำจะไหลผ่านเร็วและได้เกลือน้อย”
“ขอรับ” เด็กน้อยรับคำสั่งและใช้มือของตนตบดินลงไปจนแน่น เสิ่นลี่อิงเห็นว่าเด็กน้อยทำสุดแรงของตนแล้วนางจึงใช้มือของตนในการกดลงบ้าง เมื่อนางเห็นว่าแน่นดีแล้วก็พยักหน้าให้เป่าเปาตักดินใส่ชั้นต่อไปได้ ทำแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมาจนเต็มถังไม้
เสิ่นลี่อิงวางถังไม้ที่มีดินอยู่ไว้ด้านบนและถังไม้ที่ไม่มีสิ่งใดไว้ด้านล่างนางตักน้ำใส่ถังที่มีดินลงไป ก่อนจะยกขึ้นดูเล็กน้อยว่ามีน้ำหยดออกมาหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีน้ำหยดแล้ว นางจึงรอให้น้ำด้านบนซึมลงไปก่อนจากนั้นค่อยตักน้ำใส่เพิ่มทีละน้อยทีละน้อย “เหลือเพียงแต่รอแล้ว หากน้ำไหลออกมาเต็มถังนี้ และเค็มเพียงพอเราก็จะสามารถต้มเกลือกันได้”
นางไม่ลืมที่จะนำถังที่กำลังสกัดน้ำเกลือออกมาเข้าไปไว้ในมิติเพื่อความปลอดภัย หากมีผู้ใดมาพบเห็นเข้าคงเป็นเรื่องราวใหญ่โต นางในเวลานี้ไม่พร้อมจะต่อกรมีเรื่องขัดขากับผู้ใด คงต้องทำตัวอ่อนลู่ไปตามลมจนกว่าตัวนางจะแข็งแกร่ง
ลี่อิงสงสัยนักว่า ณ ที่แห่งนี้มีกรรมวิธีทำเกลืออย่างไร เหตุใดจึงยังไม่มีผู้ใดไปขุดเกลือในป่าแห่งนั้น หรืออาจเป็นเพราะชาวบ้านหมู่บ้านหยางไม่มีความรู้เกี่ยวกับวิธีการทำเกลือ จึงยังไม่มีผู้ใดไปแจ้งทางการและคิดว่าเป็นผืนดินไม่ดี เพาะปลูกไม่ได้ก็เท่านั้น
แต่ก็ดีลาภปากเรา อิอิ
“แล้วเห็ดเล่าพี่สาว”
“วันนี้ดึกแล้ว คงต้องไว้ทำพรุ่งนี้ นำมาใส่กะละมังนี่ไว้ก่อน พรมน้ำใส่เล็กน้อย ส่วนเห็ดเอามาให้ข้า เดี๋ยวข้าจัดการเอง แล้วเราก็ไปนอนได้” การจัดการของนางคือการนำไปพรมน้ำกลิ่นจันทร์เก็บไว้ภายในตู้เย็นในมิติ
ค่ำคืนนี้เสิ่นลี่อิงนำสบู่และยาสระผมจากในมิติออกมาใช้ ทั้งนางและเปาเปาน้อยจึงมีกลิ่นหอมสดชื่นอบอวนไปทั้งบ้าน เมื่อได้เวลาเข้านอนนางก็ใช้ไฟฉายส่องไปที่เพดาน และทำมือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เล่านิทานสอนใจให้เปาเปาฟัง
“เห็นหรือไม่หากเป็นคนเก่งแล้ว แต่ไร้ซึ่งความพยายาม ก็สามารถพ่ายแพ้ให้กับคนที่เก่งน้อยกว่าได้”
“ขอรับ กระต่ายหยุดวิ่งจึงแพ้ แต่เต่าไม่ย่อท้อ”
“จบเรื่องก็นอนได้แล้วพรุ่งนี้เจ้าต้องช่วยค่าทำงาน” เสิ่นลี่อิงดึงตัวเปาหลงเข้ามากอดใช้มือตบๆ จนเขาหลับไป นางจึงลุกไปทำเสี่ยวหลงเปาจากน้ำแกงที่ลุงไฉ่นำมาส่งไว้เมื่อเย็น ทำเสร็จแล้วจึงจะเป็นเวลานอนของนางบ้าง
ในที่สุดผีประจำบ้านหลังนี้ก็มาพบนางในฝันเสียที สรุปแล้วมีผี 2 ตน พวกเขามิใช่เจ้าของบ้านคนเก่าแต่เป็นผีบ้านผีเรือนที่อยู่กับบ้านมาแต่ไหนแต่ไร คนที่จะมองเห็นมีเพียงแค่คนที่ทำเรื่องชั่วในบริเวณบ้านเท่านั้น ส่วนการเซ่นไหว้สามารถปักธูปลงบนอาหารได้เลย
เสิ่นลี่อิงตื่นแต่เช้านำเสี่ยวหลงเปาไปส่งให้ลุงไฉ่ แล้วจึงค่อยกลับมาปลุกเปาหลงให้มาทานข้าวเช้า วันนี้เป็นหมูผัดเปรี้ยวหวานรสชาติกลมกล่อม ทั้งยังมีน้ำแกงไก่ถู่โต้วที่เด็กน้อยติดใจอีกด้วย กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยถูกใจนัก
“อร่อยอีกแล้ว”
“อร่อยเจ้าก็กินมากๆ จะได้โตเร็วๆ เสียที”
“ไปกันเถอะได้เวลาเพาะเห็ดแล้ว”
“ขอรับ”
ยังไม่ทันที่เสิ่นลี่อิงจะเดินอ้อมไปหลังบ้าน ไฉ่ตู้และไฉ่หม่าก็มาถึงบ้านนางแล้ว “พวกข้ามาถอนหญ้าตามที่แม่นางบอก”
เสิ่นลี่อิงพยักหน้าเล็กน้อย “อืม รอบบ้านกับที่ดินตรงนั้นถอนให้หมดเลยนะ ข้าจะใช้ปลูกพืชผัก”
“ไม่ต้องห่วงที่เท่านี้ไม่เกิน 2 วันก็คงแล้วเสร็จ มีอย่างอื่นให้ช่วยหรือไม่”
“ไม่มีแล้ว ข้าจะอยู่หลังบ้านนี้ อย่าได้คิดทำอะไรเชียว”
“พวกข้าเข็ดแล้ว ทั้งยังต้องบอกต่อความอับอายว่ากลัวจนฉี่ราด ย่อมมิกล้า”
ไฉ่ตู้นั้นมีแววตาดูสำนึกผิด แต่ไฉ่หม่าคนนี้แปลกนัก คงต้องจับตาดูไว้เสียก่อน เมื่อคนไปเริ่มงานแล้ว นางก็คร้านจะสนใจอีกจูงเปาเปาไปหลังบ้านทันที นางตัดสินใจจะเอาพื้นที่เพิงเก่าของบ้านหลังนี้มาใช้เป็นโรงเพาะเห็ด นำดินและเศษไม้ที่ขุดเมื่อวานมาวางไว้หลังเพิง ส่วนนี้นางจะทดลองให้เห็ดเติบโตเลียนแบบธรรมชาติและได้ใช้ประโยชน์จากจุดที่ไม่สามารถปลูกสิ่งใดได้เพราะแสงอาทิตย์ส่องไม่ถึง “ตรงนี้เราเพียงปล่อยไว้ หากเชื้อเห็ดเดินได้ดีก็จะเกิดขึ้นมาเอง”
“ทำเช่นนั้นได้หรือขอรับ”
“หากเจ้าลองถามน้าจินเหมย เมื่อเห็ดเกิดที่ใดก็จะเกิดที่นั่นซ้ำๆ เช่นนี้แปลว่าดินนั้นมีความพิเศษ เราขุดดินนั้นมาย่อมได้เชื้อเห็ดมาด้วย”
“แต่หากไม่อยู่ที่เดิม ได้หรือ”
“คิดว่าได้ เราเพียงต้องสังเกต ที่ตรงนั้นมืดและเปียกเล็กน้อย ตรงนี้ก็เช่นกัน”
“เลียนแบบหรือ”
“ถูกต้อง ฉลาดมาก”
สำหรับในเพิงนางจะเพาะแบบที่เคยเรียนรู้ในภพเก่ามาปรับสักเล็กน้อย “วิธีเพาะเห็ดนี้ เจ้าต้องดูและจดจำไว้”
“อย่างแรกที่ต้องมีคือหาเศษหญ้าเศษกิ่งไม้เล็กๆ มาให้เต็มหม้อนี้ เจ้าวิ่งเก็บรอบๆ นะ หญ้าที่ยังเขียวอยู่ห้ามเก็บมา”
“ได้ๆ ไม่เขียว” เด็กน้อยรับคำ ก่อนจะวิ่งเก็บกิ่งไม้แห้งที่หล่นอยู่รอบข้าง เสิ่นลี่อิงเองก็เดินไปหาไฉ่ตู้และไฉ่หม่าว่าเศษกิ่งไม้แห้งใบไม้แห้งและหญ้าแห้งให้นำไปให้นางด้วย บอกเพียงเท่านั้นนางก็เริ่มเก็บบ้าง ไม่นานนักก็ได้มาเกือบเต็มหม้อ
“ทีนี้เราก็ต้องนำไปต้ม 1 ชั่วยาม เมื่อดับไฟก็ปิดฝาไว้รอให้เย็นลง”
“ต้มทำไมขอรับ”
“ต้องฆ่าเชื้ออื่นออกก่อน จะได้ไม่แย่งเชื้อเห็ดเติบโต” อธิบายเสร็จนางก็ตักน้ำลงหม้อจนเกือบเต็มและหยดน้ำกลิ่นจันทร์ลงไปด้วย เมื่อนำไปเพาะเห็ดจะได้โตเร็วขึ้น
เสิ่นลี่อิงเดินกลับไปถามสองพี่น้องไฉ่ว่านางจะไปซื้อถังไม้ได้ที่ใดบ้าง เมื่อได้คำตอบว่าต้องไปบ้านช่างกู้นางก็ไปทันที โดยพาเปาเปามาด้วยและฝากให้ไฉ่ตู้ดูไฟเตาให้นางเป็นระยะ นางซื้อถังไม้ขนาดเกือบเท่าถังสีทาบ้านใหญ่ๆ ในภพเก่ามายกโหลให้ลุงกู้ช่างไม้เจาะรูให้ด้านล่างเพื่อทำเกลือ 2 ถัง และเจาะรอบถัง 4 ด้าน ไว้ 3 แถว สำหรับเพาะเห็ด และขอซื้อเศษขี้เลื่อยมาด้วย เมื่อทำเสร็จนางเร่งกลับบ้านทันที เสิ่นลี่อิงไม่ไว้ใจไฉ่หม่าเลยจริงๆ
เมื่อกลับไปถึงก็เห็นว่าไฉ่หม่ากำลังพูดคุยกับฉินเปาอยู่ แต่พอเห็นนางกลับมีอาการแปลกๆ ถามไฉ่หม่าไปก็ยังมาพูดจาปากมันลิ้นลื่น
“ไม่มีสิ่งใดก็ดี ผีบ้านข้าเป็นเช่นไร เจ้าคงรู้ดี” อย่างไรดูท่ทางก็ต้องลอบวางแผนชั่วเอาไว้แน่นอน เอาเถิดนางไม่กลัว
เมื่อเสิ่นลี่อิงเดินออกมาชายทั้งสองลอบยิ้ม ‘ผีอยู่ในบ้านแต่คนย่อมออกนอกบ้าน’ เห็นทีความสงบคงอยู่กับเสิ่นลี่อิงได้เพียงไม่นาน
_______
ปากมันลิ้นลื่น หมายถึงคนพูดจากะล่อน