บทที่ 12 การหาเงินครั้งแรก
เสิ่นลี่อิงตื่นแต่เช้าตั้งซึ้งนึ่งเสี่ยวหลงเปาก่อนเพียงสิบลูก นางจะเอาไว้แบ่งให้บ้านจินเหมยและเก็บเอาไว้ทานเองด้วย ขณะที่กำลังจะยกเสี่ยวหลงเปาที่นึ่งเสร็จร้อนออกมาก็ได้ยินเสียงลู่เว่ยมาร้องเรียกอยู่หน้าบ้าน
“ลู่เว่ยเข้ามาได้เลย ข้านึ่งเสี่ยวหลงเปาเสร็จพอดี” นางหยิบจัดลงจานให้ไว้ และนำออกไปตั้งบนโต๊ะ เปาหลงและลู่เว่ยส่งสายตาเป็นประกายไปยังอาหารบนโต๊ะเด็กสองคนนี้มีถ้าท่าทางว่าน่าจะชอบกิน เมื่อวานหากนางไม่สั่งให้เหลือไว้ให้พวกนางกินหลังจัดการธุระเสร็จ ผู้ใหญ่ทั้งสามก็คงไม่ได้กินข้าวเย็นเป็นแน่แท้
“นี่เรียกว่าเสี่ยวหลงเปา กินได้เพียงคนละสองลูกเท่านั้น เข้าใจหรือไม่”
“กินเลยได้หรือไม่ขอรับ” ลู่เว่ยแม้จะอยากกินมากเพียงไหนแต่ก็ต้องยั้งใจรอให้เจ้าของบ้านคีบกินเสียก่อนจึงจะกล้าเริ่มตักบ้าง เมื่อเปาเปาน้อยและเสิ่นลี่อิงยังไม่ขยับ เขาก็ยังไม่คีบเสี่ยวหลงเปาลงจานไปเช่นเดียวกัน
ลี่อิงเห็นเช่นนั้นจึงคีบส่งให้ลู่เว่ยและเปาหลงด้วยตัวเอง ก่อนจะคีบมาใส่ช้อนตนเองอันหนึ่งด้วยเช่นกัน “วิธีทานคือใช้ตะเกียบแหวกให้น้ำแกงไหลออกมา เป่าให้พอหายร้อนแล้วซดน้ำเข้าไปก่อน จากนั้นก็ทานแป้งพร้อมไส้หมูนี้ตามลงไปได้เลย” นางทานให้พวกเขาดูวิธีการก่อนจากนั้นก็รอคอยว่าอาหารที่นางทำวันนี้พอจะเข้าตาหรือไม่
ลู่เว่ยเห็นเปาหลงเริ่มใช้ตะเกียงเจาะเข้าไปที่แผ่นแป้งแล้ว เขาจึงเลียนแบบการกินที่เสิ่นลี่อิงทำให้ดูบ้างอย่างไม่สงวนท่าที ทันใดนั้นเองเด็กทั้งสองดวงตาเบิกกว้าง ดูดน้ำแกงจนหมด และกัดเสี่ยวหลงเปาเข้าไปเต็มคำ
ทางด้านจินเหมยและสามีเองก็เริ่มกินอย่างไม่แน่ใจนักในทีแรก แม้จะเคยทานฝีมือเสิ่นลี่อิงกันมาแล้ว แต่อาหารวันนี้มีรูปร่างเหมือนซาลาเปาสอดไส้น้ำแกงจะกินได้จริงหรือก็ยังไม่รู้ เห็นเด็กๆ กินกันเงียบจึงซดน้ำแกงเข้าไปเล็กน้อยบ้าง ก็เจอรสชาติที่กลมกล่อม และกลิ่นหอมตีอวนอยู่ในปากที่ทำให้ทั้งสองต้องตะลึง ‘นี่มันอร่อยกว่ากับข้าวเมื่อวานเสียอีก!!’ สองสามีภรรยาคิดเห็นตรงกัน เสี่ยวหลงเปานี่ หากบอกว่าเป็นอาหารของเหลาในเมือง พวกเขาจะเชื่อเสียมากกว่าบอกว่าเป็นฝีมือของหญิงตรงหน้า
“อร่อยหรือไม่” เสิ่นลี่อิงเอ่ยถาม
“อร่อยมาก เถ้าแก้ต้องรับไว้ให้เจ้าทำขายแน่นอน” ลู่จานออกความเห็น อร่อยครบได้ในคำเดียวเช่นนี้เขาไม่เคยกินมาก่อน จะต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในไม่ช้า จินเหมยพยักหน้ากินลูกที่สองต่อทันที
“ขอบคุณมากเท่านี้ก็สบายใจแล้ว พวกท่านรีบทานเถิดข้าจะได้เร่งไปหาเถ้าแก่ร้านบะหมี่”
เสิ่นลี่อิงรับคำชมจากจินเหมยและเด็กๆ มาอีกนิดหน่อยก็ได้เวลาแยกย้ายไปทำธุระกัน นางเตรียมซึ้งไปด้วย เพราะต้องไปนึ่งถึงที่จึงจะอร่อย
เมื่อเดินไปถึงหน้าหมู่บ้านลุงไฉ่ก็วิ่งเข้ามาหานางทันที “แม่นางลี่อิง ข้าขอโทษแทนลูกชายข้าด้วย”
นางขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ค่อยเข้าใจว่าลุงไฉ่คนขับเกวียนมาขอโทษนางด้วยเรื่องอันใด ลุงไฉ่เห็นเช่นนั้นจึงค่อยอธิบายให้นางฟัง “โจรที่ขึ้นบ้านแม่นางเป็นลูกชายของข้าเอง ข้าละไม่เคยสั่งสอนให้เป็นคนเช่นนี้เลยจริงๆ”
“อ๋อ ข้าตกลงกับพวกเขาไปแล้ว ไม่มาโทษลุงหรอก แยกแยะได้” นางพึ่งจะนึกออก ลุงไฉ่ ไฉ่ตู้ ไฉ่หม่า จุดใต้ตำตอแท้ๆ
“เช่นนั้นวันนี้ขอไม่คิดเงิน และหากมีอะไรให้ช่วยก็เรียกใช้ได้ตลอด ไม่จำเป็นต้องจำกัดไว้เพียงสามครั้งหรอก”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่เพียงทำครบข้าก็ไม่ติดใจเอาความแล้ว” เมื่อกล่าวจบนางก็อุ้มเปาหลงขึ้นเกวียนไป
.
.
.
“ลุงเฉินว่าอย่างไร พอใช้ได้หรือไม่” นางนึ่งเสี่ยวหลงเปาไว้สามลูกให้เถ้าแก่เจ้าของร้านบะหมี่กิน เมื่อบอกวิธีการแล้วก็โก่งตัวรอคำตอบ หากเถ้าแก่ตอบรับนางก็จะมีรายได้ในทุกวันแล้ว
“อร่อยจริงๆ ข้ารู้ว่าน้ำแกงข้าอร่อย แต่ไส้หมูของเจ้ารวมกับน้ำแกงนี้ก็ยิ่งทำให้กินแล้วหยุดปากไม่ได้เลยจริงๆ” ไม่พูดเปล่าเถ้าแก่หยิบลูกที่สองและสามมากัดกินต่อทันที
“อย่างนี้แล้วกัน น้ำแกงข้าขายให้เจ้าถังละสามสิบอีแปะ ส่วนเสี่ยวหลงเปานี้ข้ารับซื้อในราคาลูกละสามอีแปะ ขายขายต่อลูกละสี่อีแปะ ซื้อสองลูกเหลือเจ็ดอีแปะ เจ้าว่าอย่างไร”
เสิ่นลี่อิงคิดคำนวณในใจส่วนไส้นางยังใช้ไม่หมด ส่วนน้ำแกงถังหนึ่งมีสิบถ้วยเท่ากับนางจะทำได้หนึ่งร้อยห้าสิบลูก แปลว่านางจะได้เงินสี่ร้อยห้าสิบอีแปะ หักค่าแป้งที่ต้องใช้ประมาณจินครึ่ง เก้าสิบอีแปะ หมูหนึ่งจินสี่สิบอีแปะ หนังหมูยี่สิบอีแปะ รวมกับเครื่องปรุง และเห็ดหอมต้นทุนอย่างไรก็ไม่เกินสองร้อยยี่สิบอีแปะ
กำไรครึ่งนึง!!
“ตกลงลุงเฉิน แต่ขายสี่อีแปะจะได้หรือ”
“ได้แน่นอนรสชาติเช่นนี้ ทั้งยังลูกใหญ่นัก มีหมูเต็มคำ ถูกกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
“บะหมี่ธรรมดาถ้วยละหกอีแปะ พิเศษสิบอีแปะ ของเราสี่อีแปะ เจ้าว่าจะขายได้หรือไม่” นางหันไปถามเปาเปาน้อย
“ได้อยู่แล้ว อร่อย…” เปาเปาน้อยตาละห้อยมองเสี่ยวหลงเปาที่ถูกเถ้าแก่เอาไปนึ่งแจกจ่ายให้ลูกค้าบะหมี่เป็นการประชาสัมพันธ์อย่างเศร้าโศก
“เปาเปาเจ้าไม่ต้องเศร้าไป ข้ายังมีของอร่อยอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ทำให้เจ้าชิม”
“จริงหรือ”
“จริงสิ้ มาๆ ไปซื้อของเตรียมทำเสี่ยวหลงเปามาขายพรุ่งนี้กันเถิด”
เมื่อนางซื้อของเสร็จสรรพ ก็เป็นเวลาที่นางต้องกลับมาเอาน้ำแกงและซึ้งที่ลุงเฉินขอยืมใช้ในวันนี้ก่อน พลันพบกับความโกลาหลที่หน้าร้านบะหมี่
“เสี่ยวหลงเปายังมีหรือไม่ ข้าอยากลอง”
“ข้าด้วยๆ มีอีกหรือไม่”
“ไม่ได้ๆ ข้าต้องได้ลองก่อน ข้ามารอตั้งนานแล้ว”
นอกจากจะมีเสียงโวกเวกโวยวายแล้ว ผู้คนยังผลักไสกันเพื่อแย่งชิงโต๊ะร้านบะหมี่ของลุงเฉิน นี่สร้างความปวดหัวให้กับลุงเฉินนัก ตัวเขานั้นค้าขายได้พอประมาณ แม้เคยรับมือลูกค้าคราละมากๆ อยู่บ้าง หากแต่มากจนแถวยาวไปเกะกะร้านอื่นเช่นนี้ยังไม่เคย
“เปาหลงพี่สาวจะรวยแล้ว!!” นางอุ้มเปาหลงขึ้นและเดินเข้าไปหาเถ้าแก่
“แม่นางลี่อิงมาแล้ว คราแรกก็ยังไม่วุ่นวายเช่นนี้ แต่เมื่อลูกค้ากลุ่มแรกได้ชิมก็สั่งกินไม่หยุด แต่ข้าไม่ขาย เพราะต้องแบ่งให้ได้ชิมกันหลายๆ คน แต่ไม่รู้ผู้ที่ได้ชิมไปกระจายข่าวกันอย่างไรจนวุ่นวายเช่นนี้”
“วุ่นวายอันใดกัน เสียงเล่านี้คือเสียงของเงินที่กำลังร้องบอกให้เราเตรียมตัว ท่านตักน้ำแกงมาให้ข้าเลย”
“ถังเดียวจะพอหรือ” ลุงเฉินถามนางมาตรงๆ
“ลองดูก่อนหากคนยังชอบเสี่ยวหลงเปาเราค่อยเพิ่มปริมาณเป็นสองหรือสามถัง แต่ไม่มากกว่านี้แล้ว หากมีดาดดื่นย่อมสูญเสียคุณค่า”
และข้าก็ขายของเพียงอย่างเดียวมิได้ด้วยเจ้าค่ะ…มันได้เงินไม่มากพอ
เสิ่นลี่อิงใช้ไม้เคาะดังๆ เรียกผู้คนให้หันมาสนใจนาง “ทุกท่านวันนี้เสี่ยวหลงเปาหมดแล้ว แต่พรุ่งนี้ข้าจะนำมาฝากขายที่ร้านเถ้าแก่เฉินอีก ต่อแถวได้ตั้งแต่ยามเหม่า”
“สัญญาหรือไม่ วันนี้เจ้านำมาน้อยนัก ไอ้หน้าขาวหลงเฟยมันมาโอ้อวดว่าได้กินของที่ทำให้เหมือนขึ้นสวรรค์ ข้าก็อยากจะรู้ว่าจริงหรือไม่”
“สัญญาๆ เงินข้าย่อมอยากได้ วันนี้ทานแต่บะหมี่ไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยทานคู่กับเสี่ยวหลงเปา”
นางลอบยิ้มอยู่ในใจหนทางหาเงินแรกของนางดูท่าจะเป็นไปได้ดี ส่วนลุงเฉินก็เร่งขอบคุณนางเสียยกใหญ่ เพราะผู้คนที่มารอกินเสี่ยวหลงเปา ร้านบะหมี่ที่ชื่อเสียงซาไปแล้วของเขาก็กลับมาโด่งดังอีกครั้ง ย้ำนางนักหนาว่าต้องมาจริงๆ ห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาดอยู่นานสองนาน จนนางต้องอ้างว่าถึงเวลานอนของเปาหลง และต้องรีบไปทำเสี่ยวหลงเปา เขาจึงค่อยปล่อยนางกลับมา
ระหว่างทางกลับไปขึ้นเกวียนก็ซื้อม้าที่ทำจากไม้ไว้ให้เปาเปาเล่น หากจะให้บิดรูบิคต่อหน้าผู้คนนางคงต้องอธิบายจนยืดยาว ดีไม่ได้จะถูกหาว่าเป็นผีร้ายไปอีก
“อยู่นอกบ้านเล่นสิ่งนี้ ห้ามเล่นลูกเต๋าที่ข้าให้นะ”
“ขอรับ เปาเปาหิวแล้ว ท่านต้องทำขนมที่สัญญาไว้นะ”
“ย่อมได้” เด็กน้อยข้างกายถ้าจะชอบกินอาหารฝีมือนางจริงๆ เมื่อนางพูดถึงแป้งต่างๆ ว่านำไปทำขนมแบบใดได้บ้าง ก็เอาแต่พูดว่า ‘ทำทำ เปาเปาอยากกิน’ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น แม้กระทั่งตอนนี้ที่นั่งบนเกวียนก็ยังทวงถามว่านางจะทำให้กินทันทีเลยหรือไม่
นี่นางกำลังเลี้ยงลูกหมูอยู่หรือ?