บทที่ 11 ผีหลอกโจร

1454 คำ
บทที่ 11 ผีหลอกโจร เมื่อส่งครอบครัวจินเหมยกลับแล้ว นางก็พาเปาเปาน้อยไปเข้านอน แม้เด็กชายจะร่ำร้องขอตามนางไปดูวิธีการทำเสี่ยวหลงเปาเท่าใด นางก็ปฏิเสธท่าเดียว “ไม่ได้ๆ ถ้าเจ้าไม่นอนจะไม่โต เมื่อไม่โตก็จะไม่เก่ง ไปหาท่านพ่อไม่ได้นะ” สิ้นคำขู่ว่าจะไม่ได้ไปหาท่านพ่อเด็กน้อยจึงได้ยอมนอนแต่โดยดี นางเดินกลับไปที่ครัวหลังบ้าน และเปิดมิติดูน้ำแกงที่ต้มกับหนังหมูในหม้อตุ๋นจนได้ที่แล้ว เสิ่นลี่อิงนำมาเทใส่ถาดและนำเข้าดูเย็นเพื่อให้ประหยัดเวลาการรอให้น้ำแกงกลายเป็นวุ้น ขั้นตอนต่อไปต้องทำแป้งห่อกับไส้หมูสับ… เสิ่นลี่อิงนำแป้งสาลีผสมน้ำธรรมดา น้ำกลิ่นจันทร์และเกลืออีกเล็กน้อย ใส่ลงในถ้วยผสม ใช้มือคนจนเข้ากันประมาณหนึ่งแล้ว จึงใช้ฝ่ามือในการบีบนวดผสมแป้งต่อ นางนวดต่อไปเกือบหนึ่งเค่อจนเนื้อแป้งเนียนได้ที่ นำพลาสติกใสที่มีอยู่ในมิติมาห่อพักแป้งไว้ ระหว่างรอแป้งได้ที่ ลี่อิงนำหมูออกมาสับให้ละเอียดเพื่อทำไส้ ใส่กระเทียมสับที่ยังเหลือ และสับขิงกับเห็ดหอมจากในมิติตามลงไป เติมแป้งเล็กน้อยและน้ำกลิ่นจันทร์ลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และเกลือ ตักน้ำมันงาใส่ลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมๆ ลงไป ก่อนสุดท้ายจะตัดสินใจว่านางควรเพิ่มซอสเห็ดหอมลงไปเพื่อความกลมกล่อมด้วย คนผสมจนเข้ากันดีก็เริ่มจดไว้ในใจว่าเครื่องปรุงที่ควรทำมาขายคือซอสเห็ดหอม และน้ำปลา ส่วนซอสหอยนางรมคงต้องรอนางรู้ที่ซื้อหอยนางรมเสียก่อน เมื่อทำไส้เสร็จแป้งที่พักไว้ก็พร้อมใช้แล้ว เสิ่นลี่อิงยกแป้งและไส้หมูเข้ามาในบ้าน นางโรยแป้งลงบนโต๊ะตัดแบ่งเป็นก้อนเล็กๆ จากน้ำแกงที่มีอยู่ครานี้นางคงทำเสี่ยวหลงเปาได้ประมาณสามสิบลูก นางรีดแป้งออกเป็นแผ่นกลมๆ จนครบ จากนั้นลี่อิงก็นำน้ำแกงที่จับตัวเป็นวุ้นแล้วมาตัดแบ่ง นางใส่ไส้หมูและก้อนวุ้นน้ำแกง แล้วห่อจับหมุนเป็นเกลียวเพื่อความรวดเร็ว โชคดีที่นางเคยทำร้านอาหารมาก่อนจึงสามารถทำอาหารได้ในเวลาไม่มากมิเช่นนั้นจนค่อนคืนก็อาจยังไม่เสร็จสิ้น เมื่อตอนทำร้านหากทำช้าย่อมโดนลูกค้าติติง ในเวลาไม่ถึงสองเค่อการห่อเสี่ยวหลงเปาสามสิบลูกจึงเสร็จสิ้น รอนึ่งพรุ่งนี้เช้าแล้วกัน ถ้าทำบ่อยๆ คงเร็วกว่านี้อีก อาหารชนิดนี้ต้องกินทันทีหากนึ่งทิ้งไว้เนื้อจะกระด้างกินไม่อร่อย เสี่ยวหลงเปาทั้งหมดจึงต้องไปนอนเล่นในมิติรอนางจนถึงวันพรุ่งนี้ เสิ่นลี่อิงล้างมือแล้วมานอนบนเตียงเดียวกับเปาหลงตัวน้อยที่หลับสนิทไปแล้ว และเพราะนี่เป็นวันที่ยาวนานมากเหลือเกิน นางจึงหลับไปในทันทีที่เอนตัวลง เมื่อนางหลับไปได้สักพักก็ต้องรู้สึกตัวตื่น เพราะข้างนอกเกิดเสียงดังกุกกักขึ้นสลับกับเสียง ‘ครืด คราด’ คล้ายคนกำลังลากของหนัก เสิ่นลี่อิงจึงลุกขึ้นนั่งรู้สึกตื่นตัวในทันที ขโมย?! นางคิดว่าคงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อตอนเย็นที่มีคนเห็นสิ่งของในครัวของนาง และรู้ว่านางอยู่อาศัยเพียงลำพังกับเด็กน้อยหนึ่งคนจึงคิดจะมาเอาของนางไป เสิ่นลี่อิงตั้งใจฟังเสียงลากว่ากำลังไปในทิศทางใดของบ้าน แล้วอ้อมไปดักไว้ทันทีพร้อมกับมีดที่ยังอยู่บนโต๊ะบ้านนาง นางหวังจะจัดการกับโจรท่าทางอุกอาจ แต่เมื่อเดินออกมากลับพบชายสองคนในสภาพหวากกลัวตัวสั่น หันหน้าเข้าหากัน และกำลังร้องไห้คุกเข่าลงกับพื้นพึมพำบางอย่าง “กลัวแล้วๆ อย่ามาหลอกข้าเลย ข้ากลัวแล้ว” กลัวอะไร?!…ยังไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย ท่าจะบ้า “พวกเจ้า!! เป็นบ้าอะไรกัน” ชายสองคนนั้นสะดุ้งโหยง กลอกตามามองนางแต่มิได้หันหัวตามมาคล้ายว่ามีคนจับหัวพวกเขาตรึงไว้ไม่ให้หันหนีไปทางอื่นได้ “แม่นางลี่อิง บอกผีในบ้านท่านให้หยุดเถิด พวกข้ากลัวจนจะฉี่ราดแล้ว” หนึ่งพวกเขาที่ดูมีสติอยู่เป็นคนกล่าวขึ้น “เจ้าเข้ามาในบ้านข้าทำไม พวกโจรน่าไม่อาย” “เจ้าซื้อของมามากมายนักข้าแค่จะขอไปบางส่วน ฮือๆ” “บางส่วนอะไรกันลากมาขนาดนี้ ข้ามีเด็กเล็กต้องดูแล ทั้งยังพึ่งประสบเคราะห์ร้าย พวกเจ้านี่มันเลวจริงๆ สมควรแล้วที่วิญญาณจะพิโรธ” “ไม่ทำอีกแล้ว ไม่ทำแล้ว” ชายอีกคนก็กล่าวขึ้นบ้าง หวังให้ตนได้รับการให้อภัย “ข้าขอโทษ ข้าเห็นครอบครัวลู่จานมากินข้าวถึงในบ้านเจ้า จึงคิดว่าผีที่เคยดุคงไม่มีอีกแล้ว ไม่คิดว่าจะยังดุเช่นนี้” “สมน้ำหน้า เลวทรามต่ำช้า ลากข้าวสารของคนอื่นไปหมดเช่นนี้ นอกจากข้าจะปล่อยให้โดนหลอกแล้วยังจะแจ้งทางการด้วย” “อย่าๆๆ ให้พวกข้าทำสิ่งใดก็ยอมทั้งนั้น” “ยอมหมดแน่หรือ” “ทั้งหมดแม่นาง บอกผีให้หยุดหลอกเถิด” สิ้นคำพูดชายผู้หนึ่งก็ฉี่ราดออกมาจริงๆ ยังดีที่ข้าวถูกวางทิ้งไว้ห่างจากชายผู้นั้นไปไกล มิเช่นนั้นข้าวนี้ทั้งเจ้าของทั้งโจรคงไม่มีใครกล้ากิน ทุเรศจริงๆ มาฉี่ราดใส่บ้านคนอื่น “ก็ได้ๆ” นางตั้งสมาธิก่อนจะเอ่ยวาจากับผีประจำบ้านหลังนี้ “หยุดหลอกพวกเขาเถิด ข้าขอเป็นผู้จัดการต่อเอง ส่วนพวกเจ้ารออยู่นี่” ลี่อิงลากข้าวสารของนางกลับไปไว้ในครัวดังเดิม เสิ่นลี่อิงเก็บของส่วนใหญ่เข้าไปในมิติเหลือไว้ด้านนอกแค่นิดหน่อยเท่านั้น หากมีใครคิดจะมาขโมยของบ้านนางอีกครั้ง ต่อให้เอาไปทั้งหมด ก็คงได้ไม่คุ้มเสีย เมื่อจัดการเสร็จแม้ว่านางจะไม่เห็นวิญญาณตนที่มาช่วยเหลือ แต่จากอาการของหัวขโมยก็คิดว่าพวกเขาคงเห็นบางสิ่งบางอย่างเข้าจริงๆ จึงพึมพำคำขอบคุณให้ลอยไปตามลม “ขอบคุณมาก ไว้จะทำของเซ่นไหว้ไปให้” ก่อนจะเดินกลับไปจัดการหัวขโมย “แม่นาง ผีไปแล้วจริงๆ ขอบคุณๆ” เมื่อไฉ่ตู้และไฉ่หม่าได้สติกลับมากันแล้ว นางจึงเริ่มแจกแจงว่าต้องการให้พวกเขาทำสิ่งใดบ้าง ข้อแรกคือต้องออกไปโพนทะนาให้ทั่วทั้งที่หมู่บ้านหยางและหมูบ้านใกล้เคียงว่าบ้านนางผีดุ ต้องเล่าให้ครบว่าเจออย่างไร น่ากลัวจนไฉ่หม่าฉี่ราดออกมาก็ต้องบอกให้ครบ นางต้องการใช้สิ่งที่สองโจรนี้เจอเพื่อกีดกันไม่ให้คนมายุ่งกับเรื่องราวในบ้านของนาง และอย่างที่สองคือการต้องมาทำงานชดใช้ตามแต่นางจะสั่งสามครั้ง ซึ่งคำสั่งแรกคือการถอนหญ้าและวัชพืชในที่ดินของนางทั้งหมด หากไม่ทำตามแม้เพียงประการเดียวนางขู่จะส่งผีไปเยี่ยมเยียนไฉ่ตู้และไฉ่หม่าถึงบ้าน วันนี้จะมีอะไรอีกไหมเนี่ย จัดมาเลยทีเดียวให้มันจบสิ!! รออยู่นานก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเสิ่นลี่อิงจึงกลับไปนอนเอาแรง มีหลายสิ่งที่นางต้องทำนัก นึ่งเสี่ยวหลงเปา หมักเครื่องปรุง ไหนจะต้องวางแผนการปลูกพืชผักไปขายนั่นอีก ยังดีที่เสิ่นลี่อิงและเปาเปาน้อยไม่ต้องหนีตายอีกแล้ว คนที่ตามฆ่าเปาหลงคงไม่คิดว่าเด็กวัยยังไม่ถึงสามหนาวจะเอาตัวรอดในป่าได้ มิเช่นนั้นคงมีนักฆ่ามาตามหาเปาเปาน้อยให้ทั่วผืนป่าไปแล้ว ส่วนตัวนางคงต้องอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้จนทุกคนแน่ใจว่านางสิ้นใจแล้ว รอนางสร้างอำนาจบารมีของตนเองให้มั่นคง จึงจะกลับไปเป็นคุณหนูเสิ่นลี่อิงผู้ร่ำรวยแห่งเมืองหลวงได้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม