บทที่ 22 ได้ฤกษ์ทำเครื่องปรุงเสียที
“พี่จินอยู่หรือไม่เจ้าคะ”
“น้าจินเหมย! เปาเปามาเอาไข่ขอรับ”
“เข้ามาๆ ขายของเป็นอย่างไร”
“ขายดีมากเจ้าคะ วันนี้พี่ไม่ไปเก็บของป่าหรือ”
“ไปมาแล้ว เอาไข่เพิ่มใช่หรือไม่เปาเปา”
“ขอรับ” เปาหลงยิ้มก่อนจะวิ่งไปเล่นกับลูกเจี๊ยบที่เดินเล่นอยู่รอบบ้านจินเหมย
“เอาสัก 150 ฟอง แล้วข้าก็จะให้พี่มาทำเสี่ยวหลงเปาไปขายแทนข้าด้วย ข้าสอนให้เอง” จินเหมยคราแรกก็ลังเลไม่รู้ว่าลี่อิงพูดจริงหรือเพียงล้อนางเล่น แต่พอเห็นว่านางต้องการให้ตนทำเพราะไม่มีเวลาว่างทำอย่างอื่นจึงเข้าใจ
“อย่างไรข้าก็ยังไม่มีเงินลงทุนมากมายเสียขนาดนั้น”
“ช่วงแรกถือว่าข้าจ้างไปก่อนวันละ 100 อีแปะ”
“มากไปแล้ว ใครเขาจ้างคนงานกันวันละ 100 อีแปะกัน” จินเหมยปฏิเสธเสียงแข็ง การทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการเอาเปรียบลี่อิงสักนิด
“สุดท้ายแล้วการค้าขายนี้อย่างไรข้าก็ต้องเลิกทำ พี่เอาไปทำต่อเถอะ เก็บเงินได้สักหน่อยพี่ค่อยออกเงินทำเองก็ได้ อย่างน้อยๆ กำไรก็วันละ 200 อีแปะ” ลี่อิงที่เห็นจินเหมยยังเงียบอยู่จึงพูดต่อ
“พี่ไม่อยากมีเงินไว้ส่งลู่เว่ยไปสำนักศึกษาหรือ”
คำพูดนี้จี้จุดจินเหมยได้เป็นอย่างดี การส่งลูกเข้าสำนักศึกษาคือความฝันของพ่อแม่ทุกคน การเป็นชาวบ้านเช่นนี้ หากดินฟ้าไม่เป็นใจแม้เพียงนิดผลผลิตที่คาดหวังไว้อาจไม่มีให้เห็นเลย ดวงตาของนางไหววูบมองมาที่ลี่อิงอย่างเลื่อมใสหากมีเงินส่วนนี้เข้ามาทุกวันนางย่อมสามารถส่งลูกชายไปเรียนและสอบเป็นขุนนางได้ “ข้าตกลง”
เมื่อเสิ่นลี่อิงได้ยินเช่นนั้นบทเรียนการทำเสี่ยวหลงเปาที่อร่อยครบรสก็ถือบังเกิดขึ้น ทำให้หน้าที่การรวบรวมไข่ตกไปเป็นของลู่จานแทน ส่วนเปาเปาน้อยก็ชวนลู่เว่ยไปวิ่งเล่นด้วยกัน
นางที่เหลือบมองเห็นว่าเด็กๆ เล่นกันภายในบริเวณบ้านก็หันมาสอนจินเหมยต่อ “ครานี้มีสิ่งที่พี่ต้องทำเพิ่มในไส้คือน้ำปรุงเห็ดหอม ข้าจะสอนให้” นางต้องสอนให้จินเหมยทำซอสเห็ดหอม เพราะเป็นเครื่องปรุงเดียวที่หาแบบสำเร็จในที่แห่งนี้ไม่ได้
“พี่นำเห็ดหอมมาสับให้ละเอียด จากนั้นสับหัวหอมใหญ่ ขิงแก่ และกระเทียม เราจะนำทุกอย่างมาผัดให้เข้ากัน” จินเหมยดูนางสับวัตถุดิบแต่ละชนิดอย่างตั้งใจ และแบ่งมาลองสับดูบ้าง
“เช่นนี้ใช้ได้หรือไม่ลี่อิง”
“ใช้ได้เจ้าค่ะ ดียิ่ง พี่นำไปผัดให้สีเข้มขึ้นได้เลย” นางให้จินเหมยใส่น้ำมันเล็กน้อยก่อนจะนำหัวหอมกระเทียมและขิงแก่ลงไปผัดก่อน ตามด้วยเห็ดหอมเป็นอย่างสุดท้ายและปิดท้ายด้วยน้ำหนึ่งถ้วย
“ต้องใส่ขิงแก่เสมอนะเจ้าคะ จึงจะทำให้เก็บได้นาน เมื่อเดือดพี่ก็ปรุงรสด้วยเกลือน้ำตาลและซีอิ๊ว จากนั้นพี่ผัดด้วยไฟอ่อนๆ จนน้ำงวดลงเหลือคลุกคลิกก็ถือว่าใช้ได้” เมื่อทำเสร็จนางก็สอนจินเหมยทำไส้หมูต่อ เรื่องการห่อไม่มีปัญหาใดจินเหมยทำได้อยู่แล้ว ลี่อิงเพียงแค่บอกขนาดแป้งปริมาณไส้หมูและก้อนน้ำแกงก็สามารถปล่อยให้จินเหมยทำต่อเองได้ นางจึงขอตัวกลับพร้อมไข่ 150 ฟองเพื่อไปเตรียมขายของพรุ่งนี้
“ขอบใจเจ้ามากพรุ่งนี้เช้ามืดจะนำไปให้เจ้าดูก่อนว่าเป็นอย่างไร”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าต้องไปแล้ว ลาเท่านี้”
นางหยุดอยู่หน้าบ้านบ่นพึมพำเบาๆ กับตนเอง “เหมือนข้าจะลืมอะไรสักอย่าง ลืมอะไรไปนะ”
“พี่สาว ลืมปลาไงขอรับ” เปาหลงที่เดินออกมาจากบ้านจินเหมยพร้อมกันเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นนางบ่นอุบอิบ ไม่ยอมเข้าบ้านเสียที ทั้งยังบ่นว่าลืมอะไรบางอย่างไปด้วย
“เอ๊ะ จริงสิ พวกเราดักปลาไว้ ไปดูกันเถิด”
.
.
.
เมื่อมาถึงลำธารก็เจอชะลอมดักปลาของตน เสิ่นลี่อิงจับดูก็พบว่ามีปลาอยู่ด้านในค่อนข้างมาก “เปาเปาเจ้าดูสิ ปลาพยายามจะว่ายออกแต่ทำไม่ได้” นางชี้ให้เปาเปาน้อยดูว่าการทำที่ดักซ้อนไว้เช่นนี้ได้ผลจริง
“พี่สาวเก่ง”
“เจ้าช่วยข้าทำ เจ้าก็เก่ง มาเถอะข้าจะเอาขึ้นมาแล้ว” เสิ่นลี่อิงจับชะลอมยกขึ้นแล้วอุ้มกลับไป เพราะชะลอมนี้มีปลามาติดมามากจึงค่อนข้างหนัก โดยมีเปาเปาจับปลายชะลอมเหมือนกำลังช่วยนางยก นางจึงยิ้มขอบคุณให้เขาไปบางๆ
เดินกลับมาครู่หนึ่งนางก็มาถึงบ้านในสภาพที่น้ำซึมเปียกอาภรณ์ไปพอสมควร แต่ลี่อิงก็ตัดสินใจไม่เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เพราะอย่างไรก็ต้องนั่งทำปลาต่อ นางไม่อยากซักเสื้อผ้ามากเกินไป
“ทำเครื่องปรุงอย่างไร” ยังไม่ทันที่จะได้นั่งลงที่ครัวหลังบ้านดี เปาหลงก็ถามออกมาอย่างรอไม่ได้เสียแล้ว
“ใจร้อนจริงเด็กคนนี้” นางนั่งลงก่อนจะตอบคำถามเขา “วันนี้เราจะมาทำน้ำปลา ขั้นแรกก็ต้องเตรียมปลา”
เสิ่นลี่อิงนำถังมาวางรอไว้ นางใส่น้ำแข็งจากในมิติลงไป จากนั้นค่อยนำปลาในชะลอมออกมาวางบนน้ำแข็ง “รอปลาตายสนิทพวกเราค่อยเริ่ม” นางวางปลาทิ้งไว้ และลุกไปต้มน้ำให้เดือดเพื่อมาเทใส่ไหที่จะใช้หมักน้ำปลา
“ใส่น้ำร้อนลงไปฆ่าเชื้อเช่นนี้” เมื่อทำเรียบร้อย ปลาทั้งหมดก็นิ่งพร้อมให้นางจัดการต่อ ลี่อิงหยิบปลาขึ้นมาทีละตัวเริ่มผ่าเอาเครื่องในออกไป
“เอาออกทำไม” เปาหลงมองอย่างสงสัย
“ไส้ปลาจะทำให้น้ำปลาเน่า กินไม่อร่อย”
“ขอรับ” เขานั่งดูไปเรื่อยๆ รอให้นางคว้านไส้ปลาออกจนหมด เมื่อเห็นว่านางนำปลามาล้างแล้ว เด็กน้อยจึงมาช่วย แม้จะมีท่าทางขยะแขยงอยู่บ้าง แต่เปาเปาก็ทำไปโดยไม่ปริปากบ่น
“เก่งมาก สะอาดดีแล้วครานี้เราจะมาหมักเกลือกัน” เสิ่นลี่อิงหยิบไหที่แช่น้ำร้อนไว้เทน้ำออกใช้ผ้าสะอาดเช็ดจนแห้ง
เสิ่นลี่อิงนำเกลือที่ต้มกันเองออกมาแบ่งไว้ นางยัดเกลือลงในท้องปลาจนเต็มแล้วให้เปาหลงทำตาม ทั้งสองยัดเกลือในท้องปลาจนครบทุกตัว แล้วเรียงใส่ไหไว้ โรยเกลือปิดท้ายหนาๆ เสิ่นลี่อิงนำผ้าปิดปากไหใช้เชือกรัดให้เรียบร้อยและคลุมด้วยผ้าสีทึบอีกชั้นสำหรับบังแดดไว้
“เท่านี้หรือ” เปาหลงที่ยังไม่เข้าใจว่าปลาเป็นตัวกับเกลือเม็ดจะกลายเป็นน้ำปลาได้อย่างไรก็เอ่ยถาม
“ไม่ใช่ เราต้องรอให้เกลือกับปลามีน้ำออกมาก่อน จากนั้นก็ต้องกรองน้ำที่ได้ไปต้มประมาณ 2 เค่อ ปรุงรสด้วยน้ำตาล แล้วนำไปกรองให้ใสจึงจะใช้ได้”
“นานแค่ไหนจึงจะมีน้ำหรือ”
“รอเจ้าครบ 3 หนาวพวกเราค่อยมาเปิดดู ถ้ายังไม่มีน้ำก็ต้องรออีกหน่อย” เท่านั้นเสิ่นลี่อิงก็ย้ายไหหมักน้ำปลาเข้าไปไว้ในมิติรอครบ 6 เดือนจึงจะมาเปิดดูได้
เสิ่นลี่อิงพาเปาหลงไปอาบน้ำหลังหมักปลาเสร็จ วันนี้เปาหลงขอลองอาบน้ำด้วยตนเอง นางจึงนั่งเฝ้าเด็กน้อยเฉยๆ และคอยชี้หากมีส่วนใดที่ยังล้างฟองออกไม่หมดเท่านั้น ลี่อิงภาคภูมิใจในตัวเปาหลงนัก เด็กน้อยหัดทำหลายสิ่งด้วยตัวเองจนคล่องแคล่ว ควบคุมมือในการกินข้าวได้ไม่หกเลอะอย่างเดิม สามารถแต่งตัวเองได้ และวันนี้ยังขออาบน้ำเองอีก
ต้องแบบนี้สิเปาเปา!
สำหรับนางการฝึกให้เปาหลงช่วยเหลือตัวเองได้เป็นเรื่องสำคัญ หากตัดปริมาณบ่าวที่ต้องมาดูแลช่วยเหลือออกไปได้มาก โอกาสที่จะใช้ลอบทำร้ายเปาหลงย่อมน้อยลง เมื่อยังจับตัวผู้กระทำไม่ได้มีแต่จะต้องป้องกันไว้
เปาเปาออกไปแต่งตัว หยิบขนมปังที่นางอบเอาไว้มาทานเอง และไปนั่งฝึกคัดลายมือจากตำราที่ได้มาใหม่อย่างเรียบร้อย เสิ่นลี่อิงที่เห็นว่าเด็กน้อยจัดการตนเองได้จึงปล่อยเขาทำไปตามใจ
ส่วนตัวนางก็อาบน้ำชำระร่างกายบ้าง นางเหม็นคาวปลาไปทั้งตัว การลวงไส้ปลาออกทำให้กลิ่นติดมือจนต้องเอาเลม่อนมาถูมือดับคาวลง แต่เมื่อขัดถูจนหนังตัวแทบจะถลอกนางก็ยอมแพ้ เพราะอย่างไรก็คงต้องปล่อยให้กลิ่นนี้จางหายไปเอง
เสิ่นลี่อิงออกมาก็พบว่าเปาเปาหลับคาโต๊ะ บนกระดาษพึ่งจะตัดอักษรไปได้เพียงหน้าเดียว “ไปนอนดีๆ เถิดเปาเปา” นางช้อนตัวเด็กน้อยที่ทำหลายสิ่งจนอ่อนเพลียให้มานอนบนเตียง แล้วนางก็ไปทำงานอื่นต่อ
เริ่มต้นจากการไปดูเพิงเห็ดเพราะนางไม่จำเป็นต้องมาตรวจดูเห็ดหลายวันแล้ว จากเดิมที่ต้องมาฉีดน้ำทุกวันเช้าเย็น แต่เมื่อหาเครื่องพ่นไอน้ำแบบใส่ถ่านเจอในมิติ นางก็ตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้มันแทน เมื่อเลื่อนแผ่นไม้บางที่นางไว้ใช้บังแดดออก และยกตะเกียงส่องดูถังไม้เพาะเห็ดดูก็พบว่า…
รวย รวย รวยเละ!!