บทที่ 21 หมอชิงเสวียน(?)

1503 คำ
บทที่ 21 หมอชิงเสวียน(?) เสิ่นลี่อิงเข้าไปคว้าจับประคองร่างของหมอจ้านไว้ไม่ให้ล้มหัวฟาดลงไป นางจับหมอจ้านลงนอนหงายท่ามกลางความวุ่นวายแตกตื่นของคนในร้าน “ผีซ้ำด้ำพลอย ผีซ้ำด้ำพลอยจริงๆ” หลงจู๊ที่ใจดีปันพื้นที่ให้เสิ่นลี่อิงรักษาเด็กหญิงกล่าวขึ้น เมื่อเห็นว่าร้านของตนท่าจะมีคนป่วยเพิ่มอีกเสียแล้ว ส่วนเปาหลงก็ตะลึงงันที่เห็นคนมาเจ็บป่วยต่อหน้าติดๆ กัน จนเกิดท่าทีหวาดกลัวหายใจหอบถี่ขึ้นมา เสิ่นลี่อิงในเวลานี้อยากแยกร่างได้ยิ่งกว่าสิ่งใด แต่นางก็ต้องเริ่มจากผู้ที่มีอาการฉุกเฉินที่สุดก่อนนั่นก็คือหมอจ้านผู้ปากดีผู้นี้ ตั้งแต่มาภพนี้นี่อาจเป็นวันที่นางใช้ความรู้จากภพเดิมได้คุ้มค่าที่สุด เสิ่นลี่อิงลงมือทำซีพีอาร์ทันที เมื่อเห็นว่าหมอจ้านยังไม่มีการตอบสนอง นางจึงนำเครื่องกระตุ้นหัวใจพกพาออกมาใช้กับเขา และทำซีพีอาร์ต่อจนชายที่นอนหมดสติอยู่เริ่มรู้สึกตัว โชคดีที่มีชั้นวางขายกระดาษบดบังอยู่พอดีจึงทำให้ผู้คนไม่แตกตื่นที่นางนำของออกมาจากอากาศว่างเปล่า เมื่อดูแลทุกคนเสร็จแล้วนางจึงเดินไปหาเปาหลงจับมือเขาไว้และชวนให้หายใจเข้าออกยาวๆ ไปพร้อมกับเด็กน้อยจนใจเย็นลงเล็กน้อยแต่ก็ยังคงร้องไห้หนักอยู่” “เปาเปาพูดตามพี่สาวนะ ข้าตัวใหญ่” “เปาเปา ตัวหย่าย(ตัวใหญ่) ฮือๆๆ” “ข้ากล้าหาญ” “ข้ากล้า ฮึก ฮือ” “ข้าฉลาด” “ข้าฉยาด(ฉลาด) ฮึก” เปาเปาน้อยสูดน้ำมูกปาดน้ำตา หายใจเข้าออกจนสุดปอดก่อนจะพูดกับเสิ่นลี่อิงอย่างจริงจัง “เปาเปานึกถึงเรื่องในป่ามีแต่คนนอนนิ่ง” เปาเปาที่สงบลงก็กลับมาพูดชัดเจนไม่อ้อแอ้เหมือนยามร้องไห้หนักอีก “ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว” นางกอดปลอบเปาเปาน้อยไว้แนบอก “ทำไมพี่สาวไม่ช่วยข้าก่อน” เปาหลงน้ำตาไหลรินอีกครั้งด้วยความน้อยใจ เพราะเปาเปาคิดว่าพี่สาวควรจะต้องปลอบเขาก่อนใครจึงจะถูกต้อง “หากข้ามาหาเจ้าก่อนชายผู้นั้นจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก” “แต่เปาเปากลัว” “ข้ารู้ แต่ตัวข้ามีแค่เพียงผู้เดียว หากข้าไม่ช่วยเขาไว้และปล่อยให้ตายทั้งที่ช่วยได้ เราสองคนจะรู้สึกผิด” “เข้าใจแล้ว แต่ยังเสียใจ” “งั้นข้ากอดแน่นๆ 10 ที และคืนนี้จะเล่านิทานเรื่องเด็กชายผู้ฆ่ายักษ์ดีหรือไม่” ในที่สุดเพราะข้อแลกเปลี่ยนเป็นนิทานเรื่องใหม่ก็ทำให้เปาหลงยอมหายน้อยใจแต่โดยดี . . “คนเจ็บอยู่ที่ใด” เสียงชายอีกคนดังขึ้นที่หน้าร้าน เดินเข้ามาพร้อมกับบ่าวที่นางให้ไปตามพ่อแม่และหมอในคราแรก “ด้านในๆ” หลงจู๊ร้องตอบออกไป ใครอีกเนี่ย ถ้ามาดูถูกกันเหมือนเมื่อกี้ต้องได้ตายกันไปข้าง “แม่นางคนเจ็บเป็นเด็กมิใช่หรือ เหตุใดจึงเป็นหมอจ้านมานอนอยู่” “เอ่อคือ คนเจ็บคนแรกอยู่หลังม่าน ข้ารักษาแล้ว แม่ของนางดูแลอยู่ ส่วนท่านหมอผู้นี้เจ็บหน้าอกจนสิ้นสติไปแต่เขาไม่เป็นไรแล้ว” “เข้าใจแล้ว” หมอท่านนั้นเดินเข้าไปดูอาการของเด็กด้านในก่อน หมอจ้านที่พึ่งฟื้นคืนสติมีน้ำตาคลอเบ้าเขาหันมามองเสิ่นลี่อิงที่อุ้มเปาหลงอยู่ และเข้ามาคุกเข่าคาระวะนางแบบเต็มพิธีการ “ท่านทำอันใดกัน” “ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ก่อนหน้านี้ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินแล้ว” “ท่านหมอจ้านพอเถิด ไม่ต้องมากพิธีอันใด ท่านควรกลับไปพักผ่อน” นางส่ายหัวให้กับการกระทำที่พลิกหน้าพลิกหลังเช่นนี้นัก แต่หลังจากหว่านล้อมอยู่นานในที่สุดเขาก็ยอมลุกไปนั่งที่อื่น “ท่านหมอหญิงท่านรักษาได้อย่างไรหรือ” หมอที่มาทีหลังเดินออกมาถามกับนางด้วยแววตาอ่านยาก “ข้าจะบอกท่านเท่าที่ข้าได้รับอนุญาตก็แล้วกัน” หมอหนุ่มผู้นั้นพยักหน้าเชิงว่าเข้าใจ เพราะแต่ละสำนักแต่ละสายอาจารย์ก็มีความลับของตนที่มิอาจเปิดเผยได้ เสิ่นลี่อิงอธิบายความรู้ของนางให้หมอชิงเสวียนผู้นั้นฟังเท่าที่จะทำได้ เครื่องไม้เครื่องมือบางอย่างที่ไม่มีในยุคสมัยนี้นางก็ต้องจำใจกล่าวข้ามไป และแนะนำให้หมอท่านนี้ศึกษาเพิ่มเติมจากร่างมนุษย์ หากมีผู้ใดที่อาสาบริจาคร่างกายตนให้ศึกษาหลังสิ้นลมหายใจก็ให้คว้าโอกาสนั้นไว้ เสิ่นลี่อิงและหมอชิงเสวียนโต้ตอบกันอย่างออกรสชาติ แม้จะอยู่ในภพที่โบราณเช่นนี้แต่ความเข้าใจของหมอหนุ่มผู้นี้ก็ล้ำหน้าไม่น้อย ผิดกับหมอจ้านที่นั่งเงียบไม่ได้กล่าวสิ่งใดนอกจากส่งเสียงราวกลับไม่พอใจออกมา อะไรของเขา น่ารำคาญจริง “เด็กก็หายแล้วหมอจ้านเองก็เช่นกัน ข้าก็ควรไปได้เสียที” นางหันไปหาฮูหยินกู๋กำชับวิธีการดูแลเด็กต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะรับของและจ่ายเงินกับหลงจู๊ร้านกระดาษและอุ้มเปาหลงจากไปจากร้านนี้เสียที เมื่อนางเดินออกมาแล้วหมอชิงเสวียนกลับวิ่งตามมา “ท่านหมอลี่! เดี๋ยวก่อน” “ข้าบอกแล้วว่าข้ามิใช่หมอ” “รักษาคนจะเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร” “เห้อ เอาเถอะ เจ้ามีอะไรอีกหรือ” “ข้าเพียงต้องการเป็นสหายกับเจ้า วันหน้าข้าไปขอความรู้อีกได้หรือไม่” “ย่อมได้ ข้าเข้าเมืองบ่อยอยู่แล้ว แลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้า ข้าเองก็ได้ความรู้ ผิดกับท่านหมอจ้านผู้นั้น คราแรกก็ดูถูกข้าเสียมากมาย พอข้าช่วยไว้จึงได้เงียบลงแต่ก็ยังมีท่าทางน่ารำคาญใจ” “เขาเป็นเช่นนั้นแหละ มาจากตระกูลที่เป็นหมอมาหลายชั่วอายุคน ความโอหังของเขาแม้สูงเสียดแผ่นฟ้าก็มิอาจเทียบเทียม” “เจ้าก็ดูท่าจะไม่ชอบหมอจ้าน” “ไม่หรอก เขาชอบปล่อยข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับโรงหมอของข้า หากไม่เข้าตาจนหรือไม่มีเงิน คนก็ไม่ค่อยอยากจะมาโรงหมอของข้ากัน วันนี้หากมิใช่เพราะหมอจ้านมาช้าข้าก็คงไม่ถูกตามมา” “นั่นกลับเป็นข้อดีสำหรับเจ้า เมื่อเข้าตาจนและไม่มีเงินก็มักจะมาด้วยอาการสาหัส เจ้าเองก็ได้ฝึกฝีมือ เพียงแค่ต้องรอผู้คนได้รับรู้ฝีฝือเจ้าที่ฝึกฝนมาด้วยตนเอง มิใช่อาศัยชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเช่นนี้” “มุมมองนี้ช่างดีนัก หากมีสิ่งใด หมอหญิงลี่มาที่โรงหมอของข้าได้ทุกเมื่อ” “อืม ลาแล้วๆ” “เชิญ เชิญ” หมอชิงเสวียนยืนมองเสิ่นลี่อิงไปจนลับสายตา การสร้างมิตรภาพเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องรอง แต่หมอหญิงลี่คนนี้ช่างดูคุ้นเคยยิ่งนัก แต่เขาเพียงยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ารู้จักนางจากที่ใดกัน นางเข็นรถขายของไปรับน้ำแกงกับลุงเฉินและรับเงินค่าเสี่ยวหลงเปาด้วยตัวเอง ลุงเฉินก็ยังคงขายดิบขายดีอยู่เช่นเดิม และมีการปรับขายเป็นรอบเพื่อให้มีสินค้าตลอดวัน เสิ่นลี่อิงพาเปาเปาไปซื้อวัตถุดิบไปเพิ่มสำหรับสัปดาห์หน้าก่อนกลับ “เปาหลงวันนี้เราคงต้องเดินกลับเสียแล้ว เลยเวลารอบเกวียนของท่านลุงไฉ่แล้ว” “เดินได้ขอรับ” นางเดินวนรอบตลาดก่อนจะได้ยินประกาศงานเลี้ยงชมจันทร์ที่จวนเสียนอ๋องในคืนวันมะรืน ทั้งในประกาศยังบอกให้พ่อค้าแม่ค้าสามารถไปขายของหน้าจวนอ๋องได้อีกด้วย ได้ข่าวมาแล้วสินะ รวดเร็วเสียจริง! เมื่อเห็นว่าญาติผู้พี่นั้นวางแผนรอบขอบเพียงไรนางก็สุขใจไม่น้อย ประกาศล่วงหน้า 2 วัน ทั้งยังเชิญให้คนไปขายของ หากมีคนซุ่มดูที่จวนเสียนอ๋องว่ามีหญิงสาวมาขอความช่วยเหลือหรือไม่ก็จะไม่รู้สึกสงสัยใดๆ และนางยังสามารถปะปนไปกับผู้คนได้ หากผู้บงการนั้นเป็นคนรอบคอบการดักรอเสิ่นลี่อิงมาขอความช่วยเหลือจากญาติผู้พี่ของตนก็นับว่าไม่เกินความจริง . . . นางกลับมาถึงก็ยังคงต้องลงแรงทำเสี่ยวหลงเปาและไหนจะต้องเตรียมของไปขายอีก เมื่อจะไปขอซื้อไข่จากจินเหมย เสิ่นลี่อิงจึงบังเกิดความคิดดีๆ _________ ผีซ้ำด้ำพลอย หมายถึงซวย โชคไม่ดี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม