“สวัสดีครับคนเก่งของคุณอา ไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือนตัวโตขึ้นเยอะเลย ไหน...ขออาหมอดูหน่อยเป็นอะไรมา”
นพ.ศิรากรยิ้มกว้างดึงตัวน้องอาร์ตเข้ามากอดอย่างคุ้นเคยกันดี
“ไปถูกใครต่อยมาครับ ตาเขียวเหมือนหมีแพนด้าเลย” นพ.ศิรากรจับใบหน้าป้อมๆ ของน้องอาร์ตแล้วแตะเบาๆ ตรงขอบตา
“ทะเลาะกับเพื่อนนักเรียนนิดหน่อย อาการเป็นไงบ้าง” ผู้กองหนุ่มเอ่ยถามเพื่อนรักพลางนั่งลงตรงเก้าอี้ใกล้ๆ กับน้องอาร์ต
“ขอตรวจดูอาการก่อนนะ แต่กันคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไรมาก” นพ.ศิรากรตรวจดูอาการของน้องอาร์ตสักครู่ใหญ่ ก่อนจะเงยหน้ายิ้มเอ็นดูให้น้องอาร์ต
“เสร็จแล้วครับคนเก่งของอาหมอ”
“เป็นไงบ้างว่ะ ลูกเราอาการหนักหรือเปล่า” ผู้กองดึงตัวลูกชายให้มานั่งบนตักตัวเองพลางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงลูก
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก กันดูแล้วไม่กระทบกระเทือนเส้นประสาทตา กินยาแก้อักเสบ แค่ 2-3 วันก็หายแล้ว”
นพ.ศิวากรยิ้มกำลังจะเขียนอาการลงในสมุดประวัติคนไข้แต่ถูกเพื่อนรักห้ามไว้ก่อน
“นายช่วยเขียนอาการของน้องอาร์ตให้ดูหนักหน่อยสิ เอาแบบว่าต้องมารักษาต่อเนื่องติดๆ กันสัก 4-5 วัน”
ผู้กองหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ตอนที่เอ่ยบอกเพื่อน
“เฮ้ย!...ไอ้ตำรวจ... แบบนี้มันผิดจรรยาบรรณของแพทย์น่ะโว้ย!” นพ.ศิวากรร้องเสียงหลง
“เอาน๊า…ช่วยเพื่อนหน่อยสิ” ผู้กองเอ่ยขอร้องเสียงกลั้วหัวเราะ
“นายมีประโยชน์อะไรแอบแฝงหรือเปล่า บอกมาดีๆ นะโว้ย ไม่งั้นกันไม่ช่วยเด็ดขาด” นพ.ศิวากรเอ่ยถามด้วยความข้องใจ
ผู้กองเจ้าเล่ห์หัวเราะฮึๆ ก่อนจะบอกเพื่อน “เราอยากแกล้งครูน้องอาร์ตสักหน่อย อยากให้นายเขียนใบนัดพบแพทย์ทุกๆ วัน อยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะรักเด็กและมีความรับชอบต่อเด็กแค่ไหน”
“เธอมากับนายด้วยหรือ? กันขอดูหน้าก่อนว่าผ่านหรือเปล่า ถ้าผ่านจะเขียนใบนัดให้” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยถามเจ้าเล่ห์พอๆ กันกับผู้กองพัน
“มา นั่งอยู่หน้าห้องตรวจ นายลองออกไปดูสิ หน้าคมๆ ตาโตๆ ใส่ชุดเดรสสีเขียวอ่อนน่ะ” ผู้กองพันเอ่ยบอกยิ้มๆ นึกถึงใบหน้าสวยคม ปากอวบอิ่มที่ยิ้มได้ประทับใจเขาที่สุด
“ขอแอบไปดูหน้าแป๊บหนึ่งน่ะไอ้เกลอ” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยบอกเสร็จก็เปิดประตูห้องตรวจเดินออกไปข้างนอกห้อง แพทย์หนุ่มทำเป็นเรียกหาพยาบาลที่อยู่แถวๆ นั้น แต่จริงๆ แล้ว นพ.ศิวากร แอบมองครูสาวที่เพื่อนรักบอก
นพ.ศิวากร ยืนนิ่งเหมือนถูกสาปมองครูสาวใบหน้าคมสวยที่กำลังคุยโทรศัพท์และยิ้มหวานให้กับคู่สนทนา แพทย์หนุ่มจ้องมองครูสาวอยู่นานจึงอีกฝ่ายรู้สึกตัวว่ามีคนมองอยู่จึงเงยหน้ายิ้มสดใสให้ แพทย์หนุ่มยิ้มตอบแล้วรีบเปิดประตูเข้ามาในห้องตรวจนั่งลงบนเก้าอี้หัวใจเต้นตึ๊กตั๊ก
“เป็นอะไรไปว่ะไอ้เกลอ นั่งยิ้มหน้าบาน ตกลงเธอผ่านหรือเปล่าว่ะ” ผู้กองเอ่ยแซวเมื่อเห็นเพื่อนรักนั่งยิ้มไม่พูดไม่จา
“ผ่านร้อยเปอร์เซ็นต์ นายจะจีบเธอหรือเปล่าว่ะ ถ้าไม่...ฉันจะจีบเอง”
ผู้กองพันหัวเราะก๊ากออกมา นึกอยู่แล้วถ้าหากเพื่อนรักได้เห็นหน้าครูสาวต้องรู้สึกชอบเธอแน่นอน
“จีบ...จีบแน่นอน แต่ยังไม่รู้ว่าเธอจะเล่นด้วยหรือเปล่า ไอ้เรา...มันพ่อหม้ายเรือพ่วง สาวๆ เขาอาจจะไม่สนใจเท่าไหร่” ผู้กองแกล้งทำน้ำเสียงและสีหน้าเศร้าๆ
“เฮ้อ!...ถ้านายคิดจะจีบเธอ ฉันก็หมดสิทธิ์น่ะสิ”
นพ.ศิวากรถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างยอมแพ้ ไม่ขอลงสนามแข่งกับเพื่อนรัก ก็เห็นๆ กันอยู่ว่า ร.ต.อ.พันธวุธชนะใสๆ ด้วยรูปร่างสูงใหญ่บึกบึน กำยำล่ำสัน ใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาและถ้าได้อยู่ในเครื่องแบบตำรวจก็ยิ่งทำให้ร.ต.อ.พันธวุธดูหล่อสมาร์ท ภูมิฐานเข้าไปอีก ต่อให้เพื่อนเขาเป็นพ่อหม้ายเรือพ่วง สาวๆ คนไหนก็อยากสมัครเป็นคุณนายนายตำรวจ นอกจากจะหล่อเหลาแล้วเพื่อนเขาก็ยังมีมรดกตกทอดอีกมากมาย ส่วนตัวเขาใสแว่นตาหนาเตอะ ตัวขาวจั๊วะยังกับหยวกกล้วย ตัวก็เล็ก สาวๆ ที่ไหนจะมารัก
ผู้กองพันได้ยินเสียงเพื่อนรักถอนหายใจดังเฮือกใหญ่ก็หัวเราะขำออกมา “ตกลงจะช่วยเพื่อน...ช่วยหลานให้มีแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ หรือเปล่า” ผู้กองหนุ่มถามยิ้มๆ กอดน้องอาร์ตไว้แน่น
“เออ...เห็นแก่หลาน...ตาดำๆ น่ะโว้ยเราถึงช่วย เดี๋ยวกันจะเขียนใบสั่งยาและก็ใบนัดให้มาพบแพทย์ 5 วันติดกันพอมั้ยว่ะ” นายแพทย์หนุ่มถามแบบประชดๆ
“ก็กำลังดีว่ะ” ผู้กองพันหัวเราะไม่สนใจน้ำเสียงประชดของเพื่อน
“งานนี้แกต้องเลี้ยงกันชุดใหญ่น่ะโว้ย” นพ.ศิรากรเรียกร้องค่าตอบแทนพลางเขียนอาการของน้องอาร์ตลงในสมุดประวัติคนไข้ตามอาการเจ็บป่วยจริงและเขียนใบสั่งยาพร้อมกับใบนัดแพทย์แล้วยื่นใบนัดให้ผู้กองหนุ่ม
“ถ้าจีบสำเร็จ ฉันจะให้นายเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว” ผู้กองบอกยิ้มๆ
“นี่นายรักจริงหวังแต่เลยหรือว่ะ” นพ.ศิวากรเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจไม่นึกว่าเพื่อนรักคิดไกลถึงเรื่องแต่งงานกับครูสาว เพราะตั้งแต่หย่ากับแม่ของน้องอาร์ตก็เห็นมีสาวๆ เข้ามาในชีวิตของผู้กองมากหน้าหลายตาแต่ไม่เคยเห็นผู้กองจะจริงจังกับใครสักคน
“เออ...คราวนี้เอาจริงว่ะ เป็นโสดมานานแล้วชักจะเหงา เน๊อะ...น้องอาร์ต” ผู้กองยิ้มกว้างก้มหน้าลงไปถามลูกชาย
“ครับ น้องอาร์ตก็อยากมีแม่เหมือนกัน ครูหลินน่ารัก ใจดีที่สุดเลย น้องอาร์ตชอบครูหลินครับ” น้องอาร์ตให้คะแนนครูหลินเต็มร้อยคะแนน
ผู้กองพันกับแพทย์หนุ่มหัวเราะออกมาพร้อมกันจากนั้นก็พากันเดินออกไปหาครูสาวที่เป็นหัวข้อสนทนาซึ่งนั่งรออยู่หน้าห้องตรวจ
ขวัญชนกลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อเห็นน้องอาร์ตเดินออกมาจากห้องตรวจ หญิงสาวเดินไปกอดน้องอาร์ตไว้แล้วเอ่ยถามคุณหมอด้วยความเป็นห่วงน้องอาร์ต
“คุณหมอค่ะ อาการน้องอาร์ตเป็นยังไงบ้างคะ” ครูสาวทำหน้าไม่สบายใจเมื่อเห็นหน้าซีเรียส
ของแพทย์หนุ่ม หญิงสาวคิดว่าอาการของน้องอาร์ตคงจะเป็นมาก แต่...ที่นายแพทย์หนุ่มทำหน้าเครียดเพราะรู้สึกลำบากใจที่ต้องโกหกครูสาว
“เออ...อาการของน้องอาร์ตเป็นไม่ค่อยมา...” นพ.ศิวากรพูดไม่จบประโยค เพราะโดนผู้กองเจ้าเล่ห์กระทุ้งสีข้างก่อน นายแพทย์หนุ่มทำหน้าเหยเกแล้วเอ่ยตอบใหม่
“เออ...อาการรอบดวงตาของน้องอาร์ตก็เป็นมากเหมือนกันครับ ผมนัดให้มาตรวจวันพรุ่งนี้อีกทีนะครับ”
“กระทบกระเทือนถึงดวงตามั้ยคะ” ขวัญชนกทำสีหน้ากังวลเป็นห่วงน้องอาร์ตอย่างจริงใจไม่ได้เสแสร้ง ผู้กองเจ้าเล่ห์เห็นสีหน้าเป็นกังวลของครูสาวแล้วก็แอบยิ้มขำ
“เอ๋อ...ผมต้องขอตรวจให้ละเอียดอีกทีวันพรุ่งนี้นะครับ” นายแพทย์หนุ่มกลายเป็นคนติดอ่างหาคำตอบให้ครูสาวไม่ได้
ขวัญชนกทำหน้าฉงนสงสัย ‘ทำไมบอกว่าจะตรวจให้ละเอียดอีกทีในวันพรุ่งนี้ แล้ววันนี้ที่เข้าไปในห้องตรวจตั้งนานไม่ได้ตรวจหรือยังไง’ ครูสาวนึกสงสัยในใจแต่ไม่ได้เอ่ยถามออกมา
“ไปรับยาเถอะครับ จะได้กลับบ้านกัน” ผู้กองหนุ่มกลัวความลับจะแตกจึงรีบเบี่ยงเบนความสนใจของครูสาว
“กันกลับก่อนน่ะไอ้เกลอ” ผู้กองพันยิ้มตบหลังเพื่อนรักเบาๆ อย่างรู้กัน