บทที่ 1
บ่วงรักร้อยเล่ห์ เป็นนิยายภาคต่อจากเรื่องบ่วงรักพันใจค่ะ
++++++++++++
ธิติการเนอร์เซอร์รี ...
โรงเรียนอนุบาลเอกชน รับดูแลและสอนเด็กตั้งแต่อายุ 3-6 ขวบ โรงเรียนอนุบาลตั้งอยู่บนเนื้อที่ 4ไร่ มีอาคารเรียนเป็นแบบอาคารชั้นเดียว 3อาคาร มีสระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล และสนามเด็กเล่น มีเด็กนักเรียนทั้งหมด 160 คน ครูประจำชั้นอนุบาล 10 คน
ธิติการเนอร์เซอร์รี จะรับสอนนักเรียนเตรียมอนุบาลก่อนที่จะเข้าเรียนในระดับป.1 โรงเรียนได้รับมาตรฐานตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ทั้งในเรื่องความสะอาด ปลอดภัย คุณครูที่สอนจะจบเอกปฐมวัยทุกคน รวมถึง ขวัญชนก ธิติการณ์กุล ครูสาวเจ้าของโรงเรียน
ขวัญชนก ธิติการณ์กุล หรือครูหลินที่เด็กๆ ทุกคนรัก เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของพลโทธิติกับคุณหญิงขวัญฤทัย ธิติการณ์กุล เธอมีพี่ชาย 1 คน คือพ.ต.ท.ปวรุตม์ ธิติการณ์กุล ซึ่งได้รับทุนให้ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ หญิงสาวมีใบหน้างามรูปไข่สวยคมเข้ม จมูกโด่งได้รูปรับกับริมฝีปากบางเฉียบ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตายาวงามงอน ผมสีดำขลับเงางามยาวถึงกลางหลัง
ขวัญชนกจบเอกปฐมวัยมาจากต่างประเทศ เมื่อกลับมาทำงานที่เมืองไทยก็สมัครเป็นครูสอนเด็กอนุบาลในโรงเรียนเอกชนชื่อดังในกรุงเทพฯ แต่ทำงานได้ไม่นานก็ต้องลาออกเพราะเจอเจ้าของโรงเรียนชีกอ จีบได้ไม่เลือกหน้า สุดท้ายเธอทนไม่ไหวก็เลยลาออกและเปิดโรงเรียนอนุบาลเอง
ตอนที่ขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่เปิดโรงเรียนอนุบาล ท่านทั้งสองไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่าลูกสาวจะทำไม่ได้ ท่านอยากให้ลูกสาวคนเดียวมาดูแลธุรกิจของครอบครัวซึ่งตอนนี้คุณลุงของเธอเป็นผู้ดูแลแทนอยู่ แต่ขวัญชนกปฎิเสธความต้องการของพ่อแม่ เธอเป็นคนรักเด็ก เวลาที่เธออยู่กับเด็กๆ เธอจะมีความสุขมาก เด็กๆ มีแต่ความใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่เหมือนผู้ใหญ่...ซึ่งบางทีก็ใส่หน้ากากเข้าหากันตลอดเวลา หญิงสาวต้องอธิบายถึงสารพัดเหตุผลที่อยากตั้งโรงเรียนอนุบาลกว่าที่คุณพ่อกับคุณแม่จะยอมให้จัดตั้งโรงเรียน
ช่วงแรกที่เธอเปิดโรงเรียนมีผู้ปกครองฝากลูกหลานให้ดูแลไม่กี่คน เนื่องจากเห็นว่าเป็นโรงเรียนอนุบาลเอกชน ค่าเทอมคงจะแพง และที่ผู้ปกครองไม่ค่อยมั่นใจก็คือตัวเจ้าของโรงเรียน เนื่องจากเห็นว่าเป็นลูกของคนดัง นามสกุลไฮโซ ผู้ปกครองจึงคิดว่าขวัญชนกจะดูแลเด็กนักเรียนได้ไม่ดี
แต่ 1 ปี ผ่านไป ขวัญชนกก็พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเธอสามารถบริหารโรงเรียนและดูแลเด็กนักเรียนได้ดีขนาดไหน โรงเรียนของเธอได้รับรางวัลจากกระทรวงศึกษาธิการมากมายหลายรางวัล และมีนักเรียนเพิ่มขึ้นมากในทุกๆ ปี ค่าเทอมที่เรียกเก็บก็ไม่แพงเกินไปถูกกว่าโรงเรียนอนุบาลเอกชนอื่นๆ หลายสิบเท่า มีผู้ปกครองหลายๆ คนที่อยากให้ลูกเรียนที่โรงเรียนของเธอ แต่ขวัญชนกเปิดโรงเรียนอนุบาลเพราะใจรัก ไม่ใช่เพราะต้องการหากำไร เธอจึงรับนักเรียนในแต่ละภาคการศึกษารวมกันทั้งหมดไม่เกิน 160 คน เพื่อให้ครูสามารถดูแลนักเรียนได้ทั่วถึง เธอจะมาถึงที่โรงเรียนแต่เช้าและจะกลับเป็นคนสุดท้ายซึ่งจะเป็นแบบนี้ในทุกวัน
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่ง เธอมาถึงโรงเรียนตั้งแต่เวลา 06.00 น. เดินสำรวจตามห้องเรียนแต่ละห้อง สนามเด็กเล่นเพื่อเตรียมความพร้อมของโรงเรียนก่อนที่ผู้ปกครองจะพาลูกๆ มาส่งที่โรงเรียน
ประมาณ 7 โมงเช้าหญิงสาวจะไปรอหน้าประตูโรงเรียนเมื่อผู้ปกครองเริ่มพาลูกมาส่งที่โรงเรียน เธอจะออกมารับนักเรียนทุกๆ คนที่หน้าโรงเรียนพร้อมกับครูเวรอีกหนึ่งคน วันนี้จะเป็น้็น
็นหน้าที่ของครูจ๋า
“สวัสดีค่ะ“ ขวัญชนกยกมือไหว้ผู้ปกครองที่มาส่งนักเรียน เธอรับกระเป๋ามาจากผู้ปกครองแล้วปล่อยให้ครูจ๋าพาเด็กๆ เข้าไปในโรงเรียน
“สวัสดีครับ คุณครูหลิน” น้องบลู เด็กน้อยที่มีนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหมือนคุณพ่อ ยกมือไหว้และกล่าวสวัสดีคุณครู
“สวัสดีค่ะ น้องบลู ทำไมวันนี้น้าปุ้นมาส่งคะ” ครูหลินยิ้มหวานรับไหว้นักเรียนพลางเอ่ยถามเพราะปกติคุณพ่อโดมินิทจะเป็นคนมาส่งน้องบลูทุกๆ วัน
“คุณพ่อบลูไปอเมริกาครับ น้าปุ้นก็เลยมาส่งน้องบลูเอง” น้องบลูยิ้มแป้นตอบคุณครู
“ครูหลินครับ พี่อาร์ตมาถึงโรงเรียนหรือยังครับ” น้องบลูเอ่ยถามถึงเพื่อนสนิท
“ยังเลยค่ะ น้องบลูเข้าไปข้างในโรงเรียนก่อนนะคะ” ครูหลินรับกระเป๋ามาจากข้าวปุ้น
“ครับ! บ๊าย บาย น้าปุ้น” น้องบลูยิ้มยกมือบ๊าย บายให้น้าสาว
“ปุ้นกลับก่อนนะคะ เดี๋ยวบ่ายๆ ปุ้นจะมารับน้องบลูเอง” ณิชาดาหรือข้าวปุ้นน้าสาวของ น้องบลูยกมือไหว้คุณครูแล้วเอ่ยลา
ขวัญชนกรอรับนักเรียนจึงถึงเวลา 08.00 น. นักเรียนคนสุดท้ายก็มาถึงโรงเรียน
เด็กชายพันธวิศ ศิริวัฒน์ รีบลงมาจากรถเก๋งคันงามวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดอยู่หน้าครูหลิน
“สวัสดีครับ คุณครูหลิน” เด็กชายพันธวิศ หนีบกระเป๋านักเรียนไว้ระหว่างขาทั้งสองข้างแล้วยกมือไหว้กล่าวสวัสดีน้ำเสียงปนหอบ
“สวัสดีค่ะน้องอาร์ต วันนี้มาทันเข้าแถวพอดีเลยนะคะ” ครูหลินรับไหว้แล้วแซวนักเรียนด้วยสีหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มของความเอ็นดู
“ครับ เมื่อคืนคุณพ่อกับไม่ค่อยดึกเท่าไหร่ วันนี้คุณพ่อก็เลยตื่นแต่เช้ามาส่งน้องอาร์ตครับ” น้องอาร์ตยิ้มสดใสหันไปยกมือบ๊าย บายให้คุณพ่อที่นั่งอยู่ในรถ
ขวัญชนกเพ่งสายตามองเข้าไปในรถเก๋งคันงามที่ติดฟิล์มสีดำทึบจนคนภายนอกมองแทบไม่เห็นคนขับ หญิงสาวรู้สึกไม่ค่อยชอบผู้ปกครองของน้องอาร์ต เพราะขนาดว่ามาส่งลูกแต่เช้า น้องอาร์ตก็มาถึงโรงเรียนเวลา 8โมงเช้าเกือบทุกวัน บางวันก็มาถึงตอนที่เพื่อนๆ เข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว เธอเคยถามน้องอาร์ตว่าทำไมถึงมาโรงเรียนสาย เด็กน้อยจะบอกทุกครั้งว่าคุณพ่อกลับบ้านดึกเลยตื่นสายมาส่งน้องอาร์ตไม่ทัน เธอบอกให้คุณแม่มาส่งแทน น้องอาร์ตบอกว่าคุณแม่หนีน้องอาร์ตไปตั้งแต่น้องอาร์ตตัวยังเล็กๆ
หญิงสาวคิดว่าพ่อของน้องอาร์ตคงจะอยู่เที่ยวดึกเลยทำให้ตื่นสายมาส่งลูกไม่ทัน เธอเคยส่งจดหมายไปถึงคุณพ่อของน้องอาร์ตให้ช่วยพาน้องอาร์ตมาส่งที่โรงเรียนเร็วกว่านี้ เธอได้รับจดหมายเซ็นต์รับทราบตอบกลับคืน แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือด้วย น้องอาร์ตยังมาโรงเรียนสายทุกวัน