บทที่๒/๑

1921 คำ
อัคคีเดินดูจนถึงรูปสุดท้ายแต่ไม่มีบุคคลแปลกใหม่แทรกเข้ามาในภาพ แสดงว่าผนังด้านนี้สำหรับประดับพระรูปของครอบครัวพระองค์และคงเป็นราชตระกูลสายตรงเท่านั้น เพราะเท่าที่รู้ เจ้าผู้ครองรัฐนั้นมีพระมเหสีได้ถึงสี่พระองค์ นางสนมในฮาเร็มอีกมายมากเช่นเดียวกับบุตรธิดา แต่ชีคองค์ปัจจุบันและชีคคาถือกำเนิดมาจากพระมเหสีเอก พระมารดาจับทั้งสองหมั้นหมายกันเพื่อให้ทั้งโอรสและธิดาของพระนางเป็นใหญ่ทั้งวังหน้าและฮาเร็มนั่นเอง “ชีคกาเบรียน อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ เสด็จ” เสียงมหาดเล็กเวรเฝ้าหน้าประตูทำหน้าที่ดังขึ้นพร้อมประตูทองคำประดับเพชรบานที่อัคคีและอิสบานเดินห่างมาเปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ใบหน้าคมเข้ม ผมดำสนิททำให้ผิวขาวนั้นจัดขึ้นในชุดสากลก้าวเข้ามา รัศมีแห่งความเรืองอำนาจฉายรอบพระวรกาย สายพระเนตรที่ทอดมองทั้งสองอบอุ่นทรงอำนาจหากแฝงได้ด้วยความอ่อนโยนอย่างประหลาด ชายหนุ่มทั้งสองที่รออยู่ก่อนโค้งคำนับ พระดำเนินมาใกล้ส่งพระหัตถ์ใหญ่แต่เรียวได้รูปมาให้ทั้งสองสัมผัสตามประเพณี อัคคีส่งมือหยาบๆ ด้วยกำปืนและอาวุธจนชินชาไปสัมผัสพระหัตถ์นุ่น แล้วนำมาแตะริมฝีปากเช่นเดียวกับอิสบานทำเป็นตัวอย่าง เขานึกละอายใจนักว่ามือหยาบกร้านของตนเองอาจบาดผิวนุ่มนวลบอบบางของชีคหนุ่ม ใบหน้าหล่อเข้มนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและดูใจดี เขาไม่แปลกใจเลยไยน้องสาวจึงยอมรับเต็มปากเต็มคำว่าหลงเสน่ห์ชีคกาเบรียนจนไม่อาจถอนตัว ถึงขนาดไม่ยอมกลับเมืองไทย “เชิญนั่งผู้พัน” ทรงผายพระหัตถ์เชิญชวนนายทหารไทยที่ความสูงไล่เลี่ยกับพระองค์เลยทีเดียว แล้วหันไปทางอิสบานนายทหารของชาร์มา พยักพระพักตร์เชิญชวน ทั้งสองถวายคำนับก่อนนั่งลง ไม่ทรงรับสั่งเยิ่นเย้อ ทรงเข้าประเด็นที่ต้องการพบอัคคีทันที “ผมอยากได้ผู้พันมารับราชการในกองทัพชาร์มา อยากให้ช่วยฝึกกองกำลังพิเศษที่ผมจัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลคนในปกครองโดยเฉพาะ” ไม่รับสั่งตรงๆ ว่าดูแลสนมในฮาเร็มที่ได้รับการรบกวนจากพวกกองโจรซึ่งทำตัวเป็นหมาป่าขโมยลูกแกะ มักลอบโจมตีเวลาที่พระองค์ไม่ได้ประทับในพระราชวังกลางทะเลทราย “แต่นายทหารฝีมือดีของชาร์มามีหลายคน เช่นผู้พันอิสบาน อับเดล ฟาตีนเป็นต้น เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่เลือกใช้คนเหล่านี้” อัคคีถามด้วยความแปลกใจ แต่ในใจนั้นเริ่มมีความหวัง หากยอมเข้าทำงานอาจมีโอกาสขอเข้าเยี่ยมเยียนน้องสาวได้ “ผมอยากให้มันเป็นความลับ ที่รับรู้กันแค่ผม คุณและพันโทอิสบานเท่านั้น” สิ้นรับสั่งทรงจับจ้องอัคคีนิ่ง พระทัยจดจ่อในคำตอบ และอาจมีคำถามต่อมาของพันโทหนุ่มแห่งกองทัพไทย เช่นค่าตอบแทน สวัสดิการหรือสิ่งอื่นใดทีเขาจะเรียกร้อง เพื่อให้คุ้มค่ากับการต้องเปลี่ยนแปลงถิ่นที่อยู่ จากดินแดนอุดมสมบูรณ์แห่งสยามประเทศ มาใช้ชีวิตในดินแดนที่มีทะเลทรายเกินครึ่งของผืนแผ่นดินทั้งหมดในประเทศเช่นสาธารณรัฐชาร์มา หากทรงแปลกพระทัยเมื่อพันโทอัคคีตอบรับในทันที และดูเหมือนคำตอบรับนั้นมีสิ่งใดค้างคาหรือเก็บกักไว้ “ตกลงครับ” “คุณไม่มีข้อเรียกร้องหรือ ผู้พัน” รับสั่งถามให้ความกระจ่างใจแก่พระองค์ กับท่าทีของอัคคี อัคคีร่ำๆจะทูลขอไปตรงๆ ว่าขอแค่ได้พบน้องสาว ได้เห็นกับตาว่าเธออยู่สุขสบายดีหรือไม่ แค่อยากรู้ว่าทำไมถึงหยุดส่งข่าวคราวเป็นเวลาแรมปีเท่านั้น แต่แค่อ้าปากจะพูด เสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามา “ชีคคาบิชาเราะห์ อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ พระคู่หมั้นเสด็จ” เสียงมหาดเล็กเวรเฝ้าหน้าประตูดังเป็นภาษาอังกฤษผิดกับครั้งแรก ตอนชีคกาเบรียนเสด็จ ประตูสีทองเปิดออก หญิงเจ้าของพระนามยาวเหยียดเดินหน้าง้ำเข้ามา อัคคีเห็นสายตาที่หันขวับไปด้านข้างนั้นเหมือนค้อนและคาดโทษใครบางคน? และเมื่อเขาหันกลับมาที่ชีคหนุ่ม ทรงพระพักตร์ง้ำไม่แพ้กันเมื่อหันไปมองคนเข้ามาใหม่ อัคคีคาดว่าเพราะรับสั่งก่อนหน้าไม่อยากให้ใครรับรู้ความลับที่กำลังร้องขอให้เขาเข้ารับราชการ แล้วพระคู่หมั้นสาวก็เสด็จเข้ามาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจึงทำให้ทรงพระทัยกรุ่น ชีคคาในความหมายของชาวชาร์มาคือเจ้าหญิงพระชายา แม้ยังไม่อภิเษกแต่เพราะพระมารดารับสั่งให้ทุกคนเอ่ยพระยศเช่นนี้มาตั้งแต่ทรงเข้าพิธีหมั้น ชาววังและคนทั่วไปจึงติดที่จะเรียกพระองค์ว่า ชีคคา ชีคคาบิชาเราะห์ในชุดทันสมัยเช่นสาวทำงานออฟฟิตทั่วไป หากทรงสวมถุงน่องสีเข้มแทนกางเกงหรือกระโปรงยาว เสื้อสูทสีเทาเข้มเช่นเดียวกับกระโปรงเลยเข่า เสื้อตัวในออกจะเว้าลึกจนเห็นร่องอกแต่ถูกบังไว้ด้วยผ้าพันคอสีอ่อนปล่อยชายยาวลงมา ยามต้องลมจะปลิวไสวเห็นเนินเนื้อวับๆ แวมๆ พระเกศาสีน้ำตาลปนทองเป็นลอนตามธรรมชาติเงางาม สะบัดเล็กน้อยยามเดินผ่านหน้าอัคคีที่ลุกขึ้นยืนพร้อมกับอิสบาน เพื่อต้อนรับการเสด็จมาสตรีผู้สูงศักดิ์ “พี่ชาย” ทรงรับสั่งเป็นภาษาอังกฤษที่คุ้นเคยได้แค่นั้น ก่อนหันมาสนใจสองบุรุษที่หนึ่งเป็นคนเคยคุ้น เพราะเป็นพี่ชายของอิสบ่าล่าเลขาส่วนพระองค์ แต่อีกหนุ่มรูปร่างหน้าตาบ่งชัดชาวเอเชียไม่ใช่ชนเผ่าทะเลทรายใกล้เคียง สายพระเนตรนั้นเหมือนจะถามว่า ใคร? “พันโทอัคคี อัศว์โยธิน พระเจ้าค่ะ” อิสบานตอบรับสั่งทางสายพระเนตรนั้นเป็นภาษาอังกฤษทันที เพราะกลัวถูกหักเงินเช่นพลขับบอกกล่าวเขาเมื่อครู่ “คนไทย” รับสั่งขึ้นในทันทีเช่นกันเพราะทราบดีว่าทั้งชาร์มาและประเทศไทยมีการฝึกกองกำลังร่วมกัน จากนั้นก็ไม่สนใจจะถามไถ่หรือรับการถวายความเคารพจากอัคคี จนชายหนุ่มที่กำลังค้อมศีรษะชะงัก ใบหน้านิ่งเกินคำบรรยาย ไร้มารยาท มิน่าล่ะธารีที่ไม่เคยติว่าใคร ถึงไม่ชอบ “พี่ชาย เห็นจดหมายเชิญขององค์กรสิทธิสตรีนานาชาติที่ส่งมาหรือยัง ทำไมจู่ๆ เปลี่ยนแปลงสถานที่ประชุมกะทันหัน อย่างนี้น้องจะเตรียมตัวทันได้ยังไงกัน” น้ำเสียงเอาแต่ใจ กระเง้ากระงอด ไม่น่ารักเอาเสียเลย อัคคีที่นั่งลงตามเมื่ออิสบานนั่งลง ลอบมองพระพักตร์และท่าทีของชีคคาพลางแขวะในใจ แค่พบหน้าเขาก็รู้สึกไม่ถูกชะตา ไม่แปลกถ้าผู้หญิงคนนี้จะทำให้สวรรค์กลับกลายเป็นนรกไปได้ เพราะประโยคสนทนาต่อมาที่เขาได้ยินนั้นบ่งบอกความเรื่องมากชัดเจน “เปลี่ยนไปเป็นที่ไหน เมื่อไหร่คะ” ชีคกาเบรียน อัลชาร์มา อัลโซกียาห์รับสั่งถามสุรเสียงเรียบเป็นภาษาเดียวกัน อัคคีคิดเล่นๆ ว่าชีคหนุ่มคงกลัวถูกหักเบี้ยหวัด และคาดว่าคงต้องข่มพระทัยกับคำตอบที่ได้ยิน “เปลี่ยนไปที่ประเทศไทย เดือนหน้า แล้วอย่างนี้น้องจะเตรียมตัวทันได้ยังไง ไม่ไปมันเลยดีกว่า แล้วเงินบริจาคก็ตัดออกให้หมดโทษฐานกำหนดเวลากระชั้นชิด” เวลาหนึ่งเดือนเธอบอกว่ากระชั้นชิด อัคคีเผลอถอนหายใจดัง จนชีคคาบิชาเราะห์หันขวับ พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนจ้องเขาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า ทว่าไม่นานก็เปลี่ยนไปเหมือนการมองเพื่อค้นหา คุ้นเคย และเริ่มสนพระทัย เขาผู้นี้เป็นใครพี่ชายให้เข้าพบเป็นการส่วนพระองค์ทำไม ในเมื่อห้องนี้ทราบดีว่าใช้รับแขกส่วนตัวเท่านั้น “อัคคีแปลว่าอะไรคะ” รับสั่งถามเสียดื้อๆ คนถูกถามตั้งตัวแทบไม่ทัน ก่อนนึกหาคำตอบ เพราะต้องพูดคุยภาษาอังกฤษแม้จะคล่องเพราะไปเรียนเพิ่มเติมทางการทหารที่ประเทศอังกฤษมาหลายปี แต่ที่ต้องนึกคำตอบเพราะเขาคาดไม่ถึงว่าจะถามเท่านั้นเอง “แปลว่า ไฟ ครับ” “ไฟ อันนาร ผู้พันอันนาร” ทรงดำเนินเข้ามาใกล้จนอัคคีต้องรีบลุกขึ้นยืน พระหัตถ์เรียวสวยที่ทาทาบพระนขาด้วยสีแดงก่ำจนเกือบดำยื่นออกมาข้างหน้า อัคคีต้องยื่นมือออกไปสัมผัสเช่นการทักทายตามประเพณี แค่มือใหญ่สัมผัสแผ่วกับหัตถ์เรียวเล็กเหมือนมีอะไรบางอย่างวิ่งผ่านซึมแทรกระหว่างสองมือ สายพระเนตรชีคคาที่มองเขานั้นสื่อความหมายบางอย่าง ทุเรศ! ยั่วยวนเราหรือนี่? ชีคกาเบรียน เองก็ไม่เข้าพระทัยเหตุใดพระขนิษฐาที่ดำรงตำแหน่งพระคู่หมั้นถึงกระทำกิริยาเช่นนี้ สายตาแบบนี้สมควรมอบให้คนไม่คุ้นเคยหรือ หรือแม้แต่คนคุ้นเคยหากไม่ใช่สามีจะมอบให้ได้ยังไง “บิชาเราะห์ มีอะไรอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีน้องกลับไปก่อนพี่มีธุระจะคุยกับผู้พันทั้งสอง” รับสั่งไล่ตรงๆ จนชีคคาพระคู่หมั้นชำเลืองด้วยพระเนตรกรุ่น ก่อนหันมายิ้มให้อัคคีดึงหัตถ์กลับมาจุมพิตเช่นเดียวกับอัคคีที่กระทำตามประเพณี “ความลับหรือคะ น้องอยู่ในห้องนี้ไม่ได้หรือ” คิ้วสวยได้รูปเลิกสูง ดำเนินมานั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดียวกับชีคกาเบรียน ทรงยกเท้าขึ้นนั่งไขว่ห่างอย่างไม่สนพระทัยว่าใครจะมองลอดเข้าไปในชายกระโปรงสั้นที่กระเถิบขึ้นสูงนั้น ทรงกอดแขนพระเชษฐาเอียงพระเศียรเข้าไปจนชิด ชีคหนุ่มถึงกับแทบเก็บพระอาการเอาไว้ไม่อยู่ ทรงลุกขึ้นพร้อมกำต้นแขนเล็กๆนั้นให้ชีคคาบิชาเราะห์ลุกขึ้นและดำเนินตามไป ทรงพาเดินไปใกล้บานประตูรับสั่งเบาแค่กระซิบ “ทำไมทำแบบนี้ ไม่น่ารัก” “ไม่น่ารักสิดี พี่ชายจะได้มีข้ออ้างขอถอนหมั้นน้องยังไงเล่า” “อย่ามาหวังดีแบบนี้ มันทำให้ค่าในตัวน้องลดลง ผู้พันอัคคีจะคิดยังไง เขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเรื่องของเรา พี่ขอ เราต้องหาทางออกได้แน่นอน อย่าทำให้ตัวเองเสื่อมเสีย น้องกลับไปก่อนพี่มีธุระ เดี๋ยวจะตามไปกินมื้อเที่ยงด้วย” ทั้งสองรับสั่งกันเบาๆด้วยภาษาชาร์ม เพราะไม่อยากให้อัคคีเข้าใจถ้าเขาบังเอิญได้ยินเข้า ชีคคาบิชาเราะห์หันกลับไปมองอัคคีอีกครั้ง ทรงรู้สึกคุ้นหน้านายทหารหนุ่มจากเมืองไทยนัก เช่นเดียวกับอัคคีเขาเริ่มจะคุ้นใบหน้าของชีคคาคนสวยเช่นกัน เมื่อชีคคาพระขนิษฐาและพระคู่หมั้นเสด็จกลับไป ชีคกาเบรียนก็กลับมาประทับนั่งที่พระเก้าอี้ตัวเดิม รับสั่งแรกคือแก้ต่างให้น้อง “บิชาเราะห์ห่างบ้านห่างเมืองไปอยู่อังกฤษคนเดียวเสียนาน นิสัยจึงเป็นอย่างที่เห็น” ในน้ำเสียงนั้นทั้งระอาและเอ็นดู อังกฤษ? มิน่าละ ว่าทำไมคุ้นๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม