บทที่๒

1483 คำ
บทที่๒ อัคคียืนสำรวจความเรียบร้อยของเครื่องแต่งกาย หน้าบานกระจกใหญ่ที่ส่องรูปร่างสูงโปร่งของเขาได้ทั้งตัว เมื่อการเข้าเฝ้าวันนี้เป็นการเข้าเฝ้าส่วนตัวไม่ใช่เข้าไปในฐานะนายทหารของกองทัพไทย อัคคีจึงเลือกที่จะสวมสูทสีเข้มแทนเครื่องแบบทหาร ใบหน้าเขากลับมาเกลี้ยงเกลาหลังโกนหนวดโกนเคราที่เข้ามายึดพื้นที่กรอบหน้ายามอยู่ในสมรภูมิ ยามนี้เขาจึงดูสดชื่น ประกายตาที่สื่อสะท้อนกลับมานั้นเต็มไปด้วยความหวัง หวังอย่างยิ่งว่าจะได้พบธารีน้องสาวคนเดียวที่จากกันมานาน อิสบานเคยบอกว่าชีคหนุ่มชื่อยาวเหยียดนั้นใจดี อัคคีคิดว่าถ้าเขาบอกไปตรงๆว่าเป็นพี่ชายแล้วขอพบน้องสาวซึ่งเป็นสนมในฮาเร็ม ท่านคงอนุญาตให้เข้าพบได้ หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย อิสบานขับรถคันหรูราคาแพงลิ่วแล่นด้วยความเร็วดุจเป็นเจ้าถนนพาอัคคีไปยังพระราชวังหลวง แต่ครานี้เขาใช้เส้นทางเลียบชายหาด ยอดคลื่นในทะเลโล้เล่นแสงแดดอ่อนจางและจัดขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้อุณหภูมิที่หนาวเหน็บในช่วงเวลากลางคืนสูงขึ้นจนกลายเป็นร้อนระอุ อาจถูกแผดเผาได้ถ้าอยู่ภายนอกอาคารโดยไม่ปกป้องผิวกาย รถเลียบริมหาดไปไม่นานก็เลี้ยวไปตามแนวกำแพงหินอ่อนสีขาว บนขอบกำแพงมีโคมสีทองยอดแหลมสะท้อนแสงแดดเจิดจ้าเป็นระยะๆ โดยรอบ อัคคีไม่แปลกใจเมื่ออิสบานบอกว่ามันเป็นทองคำแท้ๆ รถหรูมาจอดสนิทใกล้ประตูขนาดใหญ่สีทองหนาและทึบ ตราสัญลักษณ์ประจำรัฐที่อยู่บนประตูทั้งสองบานประดับด้วยอัญมณีมีค่าหลากสี อิสบานเดินลงจากรถไปแจ้งกับทหารในเครื่องแบบสีดำ ผ้าคลุมศีรษะใต้หมวกทหารสีแดง อัคคีสังเกตเห็นจากในรถที่นั่งรอ นอกกำแพงมีป้อมทั้งสองฝั่ง ทหารในป้อมด้านบนถืออาวุธทันสมัยพร้อมแขวนกล้องส่องทางไกล และหน้าประตูใหญ่ยังมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ อิสบานพูดคุยไม่นานก็เดินกลับมาที่รถ เข้านั่งประจำที่ ประตูทองคำกำลังเปิดกว้างรอรับผู้มาเยือน อิสบานขับรถเข้าไปจอดในโรงเก็บที่มีหลังคากระจกสูงซึ่งมีรถจอดอยู่หลากหลายยี่ห้อล้วนแล้วแต่ราคาแพงลิ่ว “ไป” อิสบานเอ่ยชวนเมื่อดับเครื่องยนต์ อัคคีหันไปมองหน้าเพื่อนหนุ่มอย่างแปลกใจ ที่อิสบานมาจอดรถใกล้กำแพงหินอ่อนแค่นี้ ในเมื่อมองตามถนนที่ทอดยาวไปข้างหน้านั้น อาคารน้อยใหญ่และโดมทองสะท้อนแสงอยู่ไกลลิบ เขาคาดว่าอาจถึงขนาดลิ้นห้อยถ้าต้องเดินเข้าไป เมื่อเห็นสหายชาวไทยยังนั่งหน้าฉงน อิสบานนายทหารหนุ่มชาวชาร์มาจึงแถลงไข “เดี๋ยวมีรถมารับ ห้ามขับรถเข้าไปเอง” อัคคีกะจ่างใจก็รีบลงจากรถในทันที ชายหนุ่มมายืนสำรวจเครื่องแต่งกายเพื่อความเรียบร้อยอีกครั้ง ด้วยเป็นนักรบในสายเลือดอัคคีจึงอดไม่ได้ที่จะสำรวจชัยภูมิที่มาเยือน แค่ปลายสายตาไปทางขวาและซ้าย ชายหนุ่มถึงกับอึ้งเมื่อมองทุกอย่างกลืนไปกับสีขาวของกำแพงหินอ่อน ทว่าเมื่อมีสิ่งใดขยับและเพ่งมองอีกครั้งถึงรู้ว่าเป็นทหารที่ยืนยามใกล้กำแพง พวกเขาเหล่านั้นใช้ชุดขาวทั้งชุดเพื่อความกลมกลืน! รถที่ใช้ไฟฟ้าแทนน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่มีมลพิษทั้งทางอากาศและมลพิษทางเสียงวิ่งเข้ามาจอด ทหารในชุดสีขาวเต็มยศเหรียญตราที่ห้อยย้อยขัดจนขึ้นเงาส่งสีทองวับวาวเดินลงมาจากรถ ทำความเคารพทั้งสองแล้วเปิดประตูให้ อัคคีหันไปสบตาเพื่อนหนุ่ม ประหนึ่งอยากประชดว่า ‘อะไรจะเว่อขนาดนี้’ เมื่อรถเคลื่อนออกซึ่งมันเร็วได้ใจขนาดอิสบานที่ชื่นชอบความเร็วยังเอ่ยชม “เร็วดีจริง ผมมาเข้าเฝ้าครั้งก่อนยังใช้รถอีกแบบ” “ชีคคารับสั่งให้ใช้รถไฟฟ้าครับ แต่ถ้าคุณมาเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ทรงรับสั่งให้ใช้รถเทียมอูฐ เมื่อเดือนก่อนให้ใช้รถม้าเปิดประทุน นี่แว่วๆ ว่าสัปดาห์หน้าจะเป็นรถราง” ทหารพลขับบอกเล่าจับน้ำเสียงได้ว่ามีแววระอา อัคคีนั้นแปลกใจไยพลขับตอบอิสบานกลับเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งที่อิสบานส่งภาษาชาร์มซึ่งเป็นภาษาถิ่นและเป็นภาษาราชการไป และดูเหมือนอิสบานก็แปลกใจไม่แพ้กัน จึงถามขึ้น “คุณพูดอังกฤษ?” “ชีคคารับสั่งให้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดครับ ใครเผลอพูดชาร์ม ทรงให้หักเงินเดือนคำละ10ชาร์มมิ่ง” “๑ชาร์มมิ่งตอนนี้มันเท่ากับ๑ ยูโร” อิสบานบอกโดยที่อัคคีไม่ต้องถาม ถ้อยคำสนทนามีไม่มากเพราะรถแล่นผ่านหน้าประตูทองอีกสองชั้นเข้ามาจอดหน้าหมู่ตึกหินอ่อนตระการตาเสียก่อน แต่เท่านี้ก็พอเข้าใจได้ว่า ชีคคาที่พวกเขากล่าวถึงนั้น เอาแต่ใจตนเองแค่ไหน เมื่อทั้งสองลงจากรถโดยมีทหารยามอีกชุดมาเปิดประตูให้ รถไฟฟ้าก็ขับเลยไป พันโทอัคคี อัศว์โยธิน สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนเดินตามทหารมหาดเล็กเข้าไปในตัวอาคารหลังหน้าสุด หินอ่อนสีขาวภายนอกสะท้อนแสงแดดวาววับเช่นเดียวกับโดมทองด้านบน เสียอย่างเดียวเขาไม่สามารถมองเห็นอัญมณีที่ประดับบนสัญลักษณ์ตรงยอดโดมได้ รับรู้แต่ว่าส่องแสงแยงตามาแต่ไกลตั้งแต่ตอนมองเข้ามาแล้ว โถงโล่งที่ทหารพาทั้งสองเดินผ่าน บนเพดานมีโคมเจียระไนประดับอัญมณี ผนังทางด้านนอกมีภาพวิวธรรมชาติที่ใช้การตัดพลอยสีต่างๆ เป็นชิ้นเล็กๆ ติดให้กลมกลืน ตรงโค้งประตูบานแล้วบานเล่าที่เดินผ่านมีแผ่นทองคำประดับด้วยเพชรสีต่างๆ เป็นรูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาล ห้องที่มหาดเล็กให้ทั้งสองรอเข้าเฝ้าเป็นโถงด้านปีกซ้ายซึ่งใช้รับแขกส่วนพระองค์ ไม่ใช่ผู้มาเยือนอย่างเป็นทางการ มหาดเล็กรับใช้ยกถาดที่มีกาชาและแก้วชาทำด้วยงาช้างจับขอบทองคำสีสุกปลั่งมาวางบนโต๊ะตรงหน้าทั้งสอง พร้อมรินให้แล้วกลับออกไป “รับสั่งให้รอที่ห้องนี้ ผมขอตัว” มหาดเล็กนำทางเมื่อครู่ถอยกลับไปทางเดิม อัคคีที่ยืนอยู่ยังไม่ได้นั่งลงเหมือนเพื่อนทหารชาวชาร์มา ให้ความสนใจกับภาพขนาดใหญ่หลายภาพที่ประดับอยู่บนผนังห้องซีกหนึ่งซึ่งเรียกว่าเกือบเต็มทั้งด้านทีเดียว เมื่ออิสบานเห็นเพื่อนมองผนังที่เต็มไปด้วยพระบรมฉายาลักษณ์นิ่ง เขาจึงเอ่ยชวน “มาดูสิ” พลางเดินนำไปใกล้รูปแรกที่อยู่ใกล้ประตูด้านใน อันเป็นประตูสีทองประดับเพชรแวววาวที่คาดว่าจะเสด็จออกมาจากทางประตูนี้ ทุกภาพล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ใกล้ชิดของชีคกาเบรียน อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ เจ้าผู้ครองรัฐ ทั้งพระบิดา พระมารดา และชีคคา บิชาเราะห์ อัลชาร์มา อัลโซกียาห์พระคู่หมั้น อัคคีหันมามองอิสบานที่กำลังบอกให้เขารู้ว่าใครเป็นใคร ก่อนหันไปมองภาพชีคคาบิชาเราะห์ อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ ที่ได้รับคำนินทาน้อยๆจากพลขับเมื่อครู่ หญิงสาวใบหน้ารูปไข่สมส่วนดวงตาสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายเจิดจ้านั้นเหมือนมองสบตาสีเข้มของเขาเช่นกัน เส้นผมสีน้ำตาลประกายทองโผล่พ้นผ้าคลุมสีน้ำเงินสดสีเดียวกับชุดคาฟตานซึ่งสวมทับด้วยเสื้อกั๊กสีขาวปักลวดลายด้วยไหมทอง นี่หรือคือคู่หมั้นที่ธารีเคยเอ่ยถึง ชีคคาที่ทำให้ฮาเร็มสำหรับน้องสาวเขาแปรเปลี่ยนจากสวรรค์กลายกลับเป็นขุมนรก! อัคคีเดินดูรูปถ่ายเหล่านี้ไปเรื่อยๆ น่าแปลกตรงที่มีพระรูปที่ชีคฉายร่วมกับพระบิดาพระมารดา มีพระรูปที่ชีคฉายรวมกับชีคคาพระคู่หมั้น ทว่าไม่มีพระรูปชีคคาฉายร่วมกับพระบิดาพระมารดา หรือฉายพระรูปร่วมกันทั้งครอบครัว ‘ชีคคาทรงเคืองพระบิดาพระมารดาที่ทรงบังคับให้หมั้นกับชีค เธอเสด็จไปอยู่อังกฤษ แม้แต่ช่วงปิดภาคการศึกษาก็ไม่กลับมา มีแต่ชีคเสด็จไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว’ คำบอกเล่าของธารีทำให้พอจะนึกออก พระรูปคู่คงถ่ายจากต่างประเทศ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม