6

1618 คำ
เด็กน้อยเฝ้ารอการมาของพี่ชายใจดีวันแล้ววันเล่า แต่ข่าวคราวของเขาก็หายเงียบไป เธอแอบไปด้อมๆ มองๆ ที่บ้านของเขาก็ไม่มีวี่แวว ไม่กล้าเอ่ยถามใครแต่ใจก็เฝ้ารอ คิดว่าสักวันต้องได้เจอกันอีกครั้ง ทุนการศึกษาที่ครูใหญ่สุภาพจัดหาให้นั้นบิดาของเธอไปรับด้วยตัวเอง ท่าทางดีใจของท่านทำให้เธอดีใจตามไปด้วย น้อยมากที่บิดาจะดีใจในตัวของเธอ “นายพันอย่าเอาเงินไปกินเหล้าเสียล่ะ เก็บเงินเอาไว้ให้ลูกเรียน ต่อไปพลับพลึงได้ทำงานดีๆ นายพันนั่นแหละจะสบาย” ครูใหญ่กำชับนายพัน          อีกฝ่ายก็รีบรับปากอย่างมั่นเหมาะ โดยทุนการศึกษานั้นจะโอนเข้าบัญชีของเด็กน้อยทุกเดือน เป็นค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน เงินเดือนครูใหญ่ในชนบทแบบนี้น้อยนิด ครูสุภาพก็ช่วยเหลือเด็กๆ ไปตามสมควร เขาช่วยหมดคงเป็นไปไม่ได้เพราะไม่มีกำลังทรัพย์ มีเด็กหลายคนไม่มีชุดนักเรียน ไม่มีรองเท้า เสื้อผ้าอาหาร เขาก็พยายามเจียดเงินส่วนตัวช่วยจนบางเดือนแทบไม่มีเงินใช้จ่าย บางครั้งเลยต้องรอเงินทุนและปล่อยเด็กๆ ให้พึ่งพาตัวเองไปตามมีตามเกิดบ้าง กลับบ้านเย็นนั้นพลับพลึงบอกบิดาถึงความฝันของตัวเอง เด็กน้อยคิดว่าได้ทุนเรียนหนังสือแบบนี้ต่อไปเธอจะดูแลบิดาไม่ให้ลำบาก มีบ้านหลังเล็กๆ ที่แข็งแรงกว่านี้ มีรถมอเตอร์ไซค์มือสองสักคันไว้ขับไปซื้อของและทำงาน “หนูอยากเป็นครูจังเลยจ้ะพ่อ” “เพ้อเจ้ออะไรของมึง เป็นครูน่ะเหนื่อยจะตายไป จะอยากเป็นไปทำไม   ดูอย่างครูใหญ่สิ ทำงานมาหลายปียังจนเหมือนเดิม” “แต่เป็นครูได้บุญนะจ๊ะพ่อ ได้ช่วยเหลือเด็กๆ สอนให้เด็กๆ มีความรู้” “บุญนี่มันกินได้ไหม เงินต่างหากทำให้มีกิน ข้าวของเครื่องใช้ไปเรียนของมึงมีคนซื้อให้แล้วนี่ ลูกกำนันอะไรนั่นที่กลับกรุงเทพฯ ไป เงินทุนในบัญชีที่เขาโอนให้เดือนนี้ กูจะเก็บเอาไว้เอง” พูดจบคนอยากเหล้าก็เดินลงจากบ้านไปอย่างมีความสุข พลับพลึงมองตามบิดาไปด้วยสายตาเศร้าๆ เด็กน้อยชินเสียแล้วที่ไม่มีบิดาอยู่ร่วมบ้าน บางครั้งท่านไปกินเหล้า     กลับบ้านมา ไม่ไหวก็นอนอยู่ข้างถนน บิดาชอบดื่มเหล้าจนเมาหัวราน้ำ กินจนลุกไม่ไหว แถมยังชอบด่าว่าเวลาเมา เรื่องอะไรๆ ก็จะขุดมาด่าว่าสารพัด แม้แต่เรื่องเมื่อนานมาแล้ว “นางพลับพลึงไปเอาชุดใหม่มาจากไหน” ปภากับพวกอีกสองคนเอ่ยถาม รู้สึกแปลกใจไม่น้อย เมื่อเห็นพลับพลึงในเสื้อผ้าชุดนักเรียนชุดใหม่ทุกวัน ปกติอีกฝ่ายจะใส่ชุดนักเรียนเก่าๆ สีเหลืองซีดกับกระโปรงที่มีรอยปะ ถุงเท้าก็ยับย่นไร้ยางรัดโคนขา “มีพี่ชายใจดีซื้อให้จ้ะ” พลับพลึงพูดด้วยรอยยิ้ม พวกของปภามองอย่างอิจฉาตามประสาเด็ก พลับพลึงเล่าเรื่อของเหมราชให้ครูใหญ่ฟังด้วย ท่านถึงกับยิ้มกว้างกับความใจดีของลูกชายกำนัน แม้คนเป็นพ่อแม่จะมีชื่อเสียงในเรื่องเสียๆ หายๆ อยู่บ้าง แต่ลูกชายดูเป็นคนดีนัก พลับพลึงเป็นเด็กมีน้ำใจ เธอพยายามช่วยเหลือคุณครูเท่าที่จะทำได้ เวลาเพื่อนๆ ส่งการบ้านเธอก็จะช่วยหอบหิ้วสมุดการบ้านกลับไปให้ครูที่ห้องพัก ถึงเวลาทำเวรเธอก็ทำความสะอาดห้องอย่างแข็งขันจนบางครั้งก็โดนเอาเปรียบ แต่พลับพลึงยึดประโยคของครูใหญ่ที่ว่าทำดีได้ดี เธอจึงไม่เคยคิดจะกินแรงใคร “นางพลับพลึงเอาการบ้านมาลอกหน่อย” พวกของทิดซึ่งประกอบด้วยชัยและธรรมเอ่ยขึ้น ปกติเวลาครูใหญ่สั่งการบ้านพลับพลึงจะรีบทำจนเสร็จก่อนที่โรงเรียนจะเลิกเพราะกลับบ้านจะได้ทำงาน พวกของทิดขี้เกียจทำการบ้านก็มักจะมาขอลอกสมุดการบ้านของพลับพลึงอยู่บ่อยๆ “ทิดควรทำเองนะ” “จะให้หรือไม่ให้” เสียงขู่ดังขึ้น พลับพลึงกลัวจนตัวสั่นเพราะพวกของทิดเป็นผู้ชาย เธอเลยยอมยกสมุดการบ้านให้พวกนั้นลอก “ลอกเสร็จจะเอามาคืนนะ” ทิดพูดแบบนั้นแต่พอตอนเช้าพวกของทิดเอาการบ้านไปส่งหน้าตาเฉย ในขณะที่พลับพลึงกระสับกระส่ายรอคอยสมุดการบ้านของตัวเองจากทิดแต่ไม่มี “ของเราล่ะทิด” “ไม่รู้สิ ไอ้ชัยมันเอาไปลอก” “ชัยสมุดการบ้านของเราล่ะ เอามาให้เราเถอะ” “ไอ้ธรรมมันเอาไปลอก คืนให้นางพลับพลึงไปสิวะ” ชัยตอบ “กูคืนมึงไปแล้ว ความจำเสื่อมหรือไงวะ” ธรรมร้องขึ้นสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนโยนกันไปมา สรุปว่าไม่มีใครรับผิดชอบ “ครูมาแล้วๆ” เสียงเพื่อนๆ ดังขึ้น “นักเรียนทำความเคารพ” “สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครู” “ใครยังไม่ส่งการบ้านบ้าง” คุณครูศรีสุภางค์เอ่ยถามเสียงดุเข้ม โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลเช่นนี้ ครูคนเดียวสอนหนังสือหลายชั้นเรียน พอสอนเสร็จก็จะสั่งงานแล้วไปสอนอีกชั้น ครูใหญ่เลยต้องลงมาสอนเองด้วยเพราะครูไม่พอ พลับพลึงนั่งนิ่ง ในใจหวาดกลัวตามประสาเด็กที่รู้ดีว่าตัวเองทำความผิด ครูศรีสุภางค์นับสมุดการบ้านก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน “ขาดของใครไปหนึ่งเล่ม” เสียงเข้มของคุณครูทำให้พลับพลึงสะดุ้ง     ก่อนจะค่อยๆ ยกมือขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ คุณครูวัยห้าสิบขมวดคิ้วเข้าหากันในทันทีเมื่อเห็นว่าเด็กเรียนดีอย่างพลับพลึงไม่ส่งการบ้าน “ทำไมไม่ส่งการบ้านล่ะพลับพลึง” “คือ... คือหนู” พวกของทิดหันมามองเหมือนจะบอกว่าถ้ากล้าฟ้องครูวันนี้โดนแกล้งแน่ๆ นั่นเป็นสิ่งที่พลับพลึงกลัว “หนูลืมค่ะ” พลับพลึงไม่กล้าบอกความจริงกับครูเพราะกลัว “งั้นต้องโดนตี” ครูศรีสุภางค์รู้ว่าเด็กน้อยค่อนข้างลำบาก ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง ชีวิตจึงไม่เหมือนเด็กวัยเดียวกันที่ไม่ต้องทำงานอะไรเลยก็มีกิน แต่ครูศรีสุภางค์จำต้องตีสั่งสอน ลงโทษเพื่อเป็นการไม่ให้นักเรียนคนอื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างและมีข้ออ้างไม่ทำการบ้านส่งบ้าง ไม่อย่างงั้นเด็กๆ จะหาครูว่าลำเอียง รักลูกศิษย์ไม่เท่ากัน “ยื่นมือมา” ครูวัยห้าสิบพูดเสียงเฉียบ พลับพลึงสะดุ้งกับเสียงเข้มๆ ดุๆ นั้น แม้จะรู้ว่าครูใจดีแต่ก็ดุจนไม่มีใครกล้า เด็กน้อยค่อยๆ ยื่นมืออันสั่นเทาออกไปตรงหน้าก่อนจะสะดุ้งเมื่อโดนไม้หวายตีลงบนมือหนึ่งที เธอดึงมือกลับมาถูเบาๆ ที่กระโปรงนักเรียนเพราะเจ็บ ครูศรีสุภางค์ อบรมอีกครูใหญ่ว่าเป็นเด็กต้องขยันทำการบ้านส่งและต้องรับผิดชอบหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ก่อนจะสั่งให้เด็กๆ คัดลายมือ หลายครั้งที่ครูวัยห้าสิบต้องเกณฑ์รุ่นพี่ป.หกมาช่วยดูน้องตัวเล็กๆ การช่วยสอนการบ้านน้องนั้น จะทำให้การเรียนคืบหน้าเพราะครูคนเดียวสอนหลายๆ ห้องไม่ทัน หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว พลับพลึงก็เดินมาเล่นกับเพื่อนๆ สายตาของเด็กน้อยหันไปเห็นสมุดคุ้นตาของตัวเองถูกวางทิ้งเอาไว้ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นมะยมจึงรีบปรี่เข้าไปหยิบขึ้นมาดู เห็นสมุดนั้นถูกเปิดหน้าตรงกลางเอาไว้ ฝนที่ตกลงมาเมื่อคืนทำให้สมุดเปียกจนกระดาษติดกันเป็นก้อนแข็งๆ จนดึงไม่ออก ดินสอที่เขียนลงไปจางจนแทบมองไม่เห็นตัวหนังสือบนกระดาษ เด็กน้อยหน้าเศร้าในทันทีที่เห็นสภาพสมุดของตัวเอง ตอนนี้มันไม่เป็นทรงเพราะเมื่อคืนโดนฝนหนัก ถึงจะแห้งไปบ้างบางส่วนแต่ก็เอามาใช้ไม่ได้อีก “เสียดายจัง” เสียงเล็กๆ พูดขึ้นเพราะสมุดสวยๆ พวกนี้เป็นสมุดที่     เหมราชซื้อให้ เด็กน้อยไม่กล้าบอกครูเพราะพวกของทิดขู่เอาไว้ กลัวจะโดนแกล้งแรงๆ จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนครั้งก่อนอีก ในช่วงบ่ายเด็กๆ ทุกชั้นเข้าเรียนตามปกติ ชั้นไหนยังไม่มีครูสอน ก็จะนั่งคัดลายมือตามที่ครูเขียนเอาไว้บนกระดานดำ ครูศรีสุภางค์ใจดีก็จริงแต่พกไม้เรียวเดินตรวจตราตามห้องอย่างเข้มงวด ใครเล่นซนไม่คัดลายมือจะโดนครูตี เด็กๆ จึงไม่กล้าส่งเสียงดังและวิ่งออกมาจากห้อง นอกจากขออนุญาตไปห้องน้ำเท่านั้น ยางลบหายไปไหน? พลับพลึงรื้อยางลบจากกระเป๋าสะพายใบเล็กๆ ที่เหมราชซื้อแต่หาไม่เจอ “ยางลบของนายหอมจังเลยทิด เอามาลบบ้างสิ” ปภาเอ่ยขอทิดเพราะนั่งอยู่ใกล้กัน ประโยคพูดของปภาที่บอกว่ายางลบกลิ่นหอม ทำให้พลับพลึงหันไปมอง นั่นมันยางลบของเธอนี่นา “ทิดขโมยยางลบของพลับพลึงเหรอ” “ใครไปขโมยยางลบของเธอ เธอมียางลบสวยๆ แพงๆ ดีๆ มีกลิ่นหอม แบบนี้ด้วยเหรอ” ทิดผลักอกของพลับพลึงจนล้ม “ขี้ตู่ ไม่ใช่ยางลบของตัวเอง” ทิดจิ้มหน้าผากเพื่อนร่วมห้อง ด่าว่าวางก้ามเหมือนพวกนักเลง “ยางลบของเรา เราจำได้” พลับพลึงร้องไห้แต่ก็ยังเถียง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม