“ถ้ารู้ว่าจะหลอกมาทำมิดีมิร้าย จะไม่ยอมตามมาเลยค่ะ” เธอว่าให้ เม้มปากหน้าแดงลามไปถึงใบหู ยิ่งเธอหน้าแดง ยิ่งน่ารักน่าใคร่ เขานี่แข็งไปหมดทั้งลำกาย อยากสอดเสียบจับขย้ำกินเสียตอนนี้ แต่ต้องหักห้ามใจสุดฤทธิ์สุดเดช
“ภายนอกก็ได้ ชื่นใจนิดๆ หน่อยๆ”
“พี่ไข่ลามก” เธอบิดกายไปมา กายสาวฉ่ำเยิ้มอย่างไม่น่าให้อภัย มีอารมณ์ร่วมกับการกระตุ้นของเขา
“พี่ไข่จ๋า” เธอดันใบหน้าของเขาออกห่าง ขณะที่เขาซุกไซ้เข้ามาหา
“ห้ามล่วงเกินกล้วยก่อนแต่งงานนะจ๊ะ” เธออุบอิบบอกเขาเสียงสั่นพร่า
“พี่ไม่ได้บังคับตัวเล็กเสียหน่อย ดูสิ แก้มแดงไปหมดแล้ว งั้นไปพายเรือเล่นกันดีกว่า ขืนอยู่แบบนี้สงสัยได้จับปล้ำ”
“อุ๊ย!” เขาอุ้มเธอขึ้น ยุวธิดารีบกอดคอหนาของเขาเอาไว้ ซบหน้ากับ อกกว้าง ยิ้มแทบไม่หุบ
ข้างบ้านไม่ไกลกันนักเป็นคลองและปลูกดอกบัวเอาไว้มากมาย เขาวางเธอลงที่ท่าน้ำ ก่อนจะจับเรือที่ผูกเอาไว้ดึงมาหา แล้วลงไปนั่งรอเธออยู่ในเรือ ยื่นมือมาให้เธอจับ ก่อนรับเธอขึ้นเรือไปด้วย
“อุ๊ย!” อุทานเพราะเสียหลัก ก้าวพลาดกระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของเขา โขมพัตถ์รวบร่างน้อยเอาไว้กอดแนบอก เธอมองหน้าเขาในระยะกระชั้นชิด ลมหายใจเป่ารดกันถนัดถนี่
“ขอบใจจ้ะพี่ไข่ เกือบตกน้ำตกท่าเสียแล้ว” เธอบอกแก้เก้อระคนขวยเขิน พาร่างหนีแต่เขากอดรั้งเอาไว้
“จูบทีหนึ่งก่อน” คนช่วยออดอ้อนตาหวาน
“พี่ไข่น่ะ ปากช้ำไปหมดแล้วนะคะ ไม่น่ามาหาเลย เสียเปรียบชะมัด”
เธออุบอิบบ่น
“อื้อ...” แล้วต้องกำจิกเสื้อของเขาเอาไว้เมื่อเขาบดจูบลงมาอย่างดูดดื่ม
“ปากหวาน... ตัวเล็กหวานไปทั้งตัวเลย”
“พี่ไข่ก็ปากหวาน ดูสิหลอกมาปล้ำจูบจนปากช้ำ ไว้ใจไม่ได้เลยนะคะ”
เธอขยับหนี เขาจึงยอมปล่อยแต่โดยดี เขาเริ่มพายเรือพาเธอชมทัศนียภาพรอบกาย ยุวธิดามองคนพายเรือที่มองเธอตาหวานเชื่อมก็ให้เขินอายนัก
“พี่ไข่จ๋า...”
“จ๋า...” ขานรับเสียจนเธอต้องอมยิ้ม
“อยากกินต้มกะทิสายบัวไหมจ๊ะ กล้วยจะทำให้กิน”
“อยากกินกล้วย เอ๊ย! กินจ้ะ ว่าที่เมียทำอะไรให้กิน พี่กินได้หมดละจ้ะ”
“งั้นพี่ไข่พายเรือไปตรงโน้นสิจ๊ะ สายบัวเต็มเลย เดี๋ยวกล้วยจะเข้าไปเก็บสายบัว” เขาพายเรือตรงเข้าไปที่มีสายบัวเยอะๆ เธอเอื้อมไปเก็บสายบัว ในขณะที่เขาเอื้อมไปช่วยเก็บด้วย กลายเป็นเอื้อมไปเก็บสายบัวต้นเดียวกัน
“ใจตรงกัน” เขาว่า เธอดึงมือหนีแต่เขาตะครุบเอาไว้
“อุ๊ย!” เพราะเขายื้อเอาไว้ เรือเลยโคลงเคลง
“วะ! ว้าย! พี่ไข่” เธอร้องเพราะเขาเอาแต่ยึดมือเอาไว้เรือเลยคว่ำ
ตู้ม! สองร่างถลาลงไปในน้ำ ก่อนจะโผขึ้นมา เขาหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นยายตัวเล็กของเขาหน้างอ
“พี่ไข่นั่นแหละ มัวแต่หื่น”
“พี่หื่นตรงไหนกันครับตัวเล็ก” เขาว่ายน้ำเข้าหา คว้าร่างเธอไปกอดเอาไว้
“ไม่รู้ไม่ชี้ค่ะ” เธอเบี่ยงหลบแต่เขายิ่งกอดแน่น อุ้งมือใหญ่แสนอบอุ่น ปัดปอยผมที่ตกระใบหน้าของเธอออก ไล้พวงแก้มสาวเบาๆ อย่างเสน่หา
“แต่งงานกันจะทำกับข้าวให้กินทุกวันเลย” เธอรู้ว่าเขาทำอาหารอร่อย คนฟังยิ้มเขิน อุ้งมือใหญ่ไล้ไปตามเนื้อตัวของเธอ สอดเข้ามาในเสื้อคอกระเช้า
“อา... พี่ไข่จ๋า ไม่เอานะจ๊ะ”
“ขอจับหน่อย ของว่าที่เมียน่าจับจะตายไป”
“คนลามก กล้วยจะขึ้นเรือแล้วค่ะ” เขาไม่ว่ากระไร แต่เบียดร่างเข้ามาแนบชิด ไล้มือกับปทุมถันอวบอิ่มของเธอ คนตัวเล็กแต่นมใหญ่อวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือตัวสั่น เขาเคล้นคลึงเบาๆ จนยอดอกเธอแข็งเป็นไต
“พี่ไข่จ๋า พะ... พอแล้ว” เธอร้องครางเสียวซ่านเมื่อเขาสะกิดจนยอดถันตื่นตัว
“อื้อ...” ปากร้อนๆ บดจูบลงมาหา สอดแทรกลิ้นเข้ามาพัวพันจนเธอ หัวหมุนไปหมด
ไหนจะมือของเขาที่ลูบไล้สะโพกอวบอิ่ม สอดมือเข้ามาในกางเกงใน เนื้อนุ่ม สัมผัสกับกลีบกายสาวเยิ้มฉ่ำ
“พี่ไข่จ๋า... ไม่เอาแบบนี้นะจ๊ะ” เสียงเธอสั่นสะท้าน เบี่ยงหลบว่ายน้ำหนีในขณะที่เขาว่ายตามมากอดเอาไว้ทางเบื้องหลัง
“ตัวเล็กจ๋า... ขอให้พี่ชื่นใจสักนิดนะคนดี” เขาสอดมือเข้ามาในเสื้อของเธอ เคล้นคลึงเต้านมอวบๆ จนหญิงสาวครางหอบ มืออีกข้างสอดเข้าไปแทรกลึกในเนื้อนางคับแคบชุ่มฉ่ำ ร่องกายสาวของเธอตอดนิ้วของเขาตุบๆ เธอครางเสียงหลง บิดส่ายครวญคราง
“พี่ไข่จ๋า... ไม่เอาแบบนี้นะจ๊ะ” เธอส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่าน
“พี่น่ะอยากเอาตัวเล็กใจจะขาดอยู่แล้ว” เขากระซิบริมหู ดูดเลียจนเธอขนลุกเสียวซ่าน จำต้องเบือนหน้าหนี
“อ๊ะ! อา... อื้อ... พี่ไข่ใจร้าย” เขาทำให้เธอทรมาน ร่างสูงกอดล็อกเธอเอาไว้จากทางเบื้องหลัง สอดนิ้วกลางเข้าขยับในกายสาวเป็นจังหวะ เธอเสียวสะท้าน ตัวสั่นระริก ยอดถันถูกเขาสะกิดจนแข็งเป็นไต
“ตัวเล็กใจร้ายกับพี่ก่อน” เขากระซิบที่ริมหู เร่งขยับนิ้วเข้าออกในร่องรักของเธอ ไม่นานร่างน้อยก็เกร็งกระตุกเสร็จคานิ้วของเขา
เธอหอบหายใจอย่างรุนแรง ทิ้งศีรษะซบอกกว้างไปทางด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
“พี่ขอได้ไหมตัวเล็ก”
“ถ้าพี่ไข่จะทำแบบนั้น กล้วยคงสู้แรงพี่ไม่ไหวหรอกค่ะ แต่กล้วยยังไม่พร้อม พี่ไข่รักกล้วยไหมคะ อย่าล่วงเกินกันให้มากกว่านี้อีกเลย” คำพูดของเธอทำให้เขาได้สติ ค่อยๆ ปล่อยร่างน้อยให้เป็นอิสระ
“ตัวเล็กโกรธพี่เหรอคนดี” เขาเอ่ยถาม เชยคางมนให้แหงนขึ้นสบตา เธอส่ายหน้าไปมา หลบสายตาเป็นพัลวัน
“เก็บสายบัวกันเถอะจ้ะ จะได้เอาไปแกง” เธอว่ายน้ำหนีไปเก็บสายบัว เขาว่ายน้ำมาช่วยเก็บ แนบชิดมาทางด้านหลัง
“อุ๊ย!” ที่เธออุทานเพราะแก่นกายของเขาเสียดสีกับก้นงอนๆ ของเธอ หน้าแดงจัดในทันทีเมื่อเขายิ่งบดเบียด
เขาเอื้อมไปเก็บสายบัวต้นเดียวกับเธอ ตามติดเหมือนเงาตามตัว เรือนกายเสียดสีกันและกัน อยากจะบอกว่าเธอก็ใจสั่น แทบจะโอนอ่อนผ่อนตาม แต่มารดาสอนให้รักนวลสงวนตัว จึงจำต้องหักห้ามใจเอาไว้
“พี่อยากกินสายบัวที่ตัวเล็กทำ มันต้องอร่อยแน่ๆ พี่มั่นใจ” เขากระซิบที่ริมหู แอบหอมแก้มสาวซ้ำๆ
“แก้มช้ำหมดแล้ว” เธอเบี่ยงหลบ แต่หนีไม่พ้น ตกอยู่ในอ้อมแขนเขา นั่นแหละ
“รอกินสายบัวนะจ๊ะ” เขาเอาสายบัวที่เก็บได้ใส่บนเรือก่อนจะจับเรือเอาไว้ให้เธอปีนขึ้นไปก่อน แล้วเขาก็ปีนตามขึ้นไป
โขมพัตถ์เร่งพายเรือกลับบ้าน เพราะเขากับเธอตัวเปียกปอนทั้งคู่ จะได้อาบน้ำอาบท่า ทำกับข้าวกับปลา เดี๋ยวจะเย็นย่ำเสียก่อน
“อาบน้ำพร้อมกันนะตัวเล็ก” ชายหนุ่มอาบน้ำกลางแจ้ง มีโอ่งใบหนึ่งและต่อก๊อกน้ำมาจากบ่อน้ำ ห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่ใช่เอาไว้เป็นที่อาบน้ำ เธอเองเคยชินกับการอาบน้ำกลางแจ้งตั้งแต่เด็ก ใส่ผ้าถุงกระโจมอกอาบน้ำ แต่พอโตขึ้นก็เขินอายเหมือนกัน ยิ่งต้องมาอาบน้ำกับโขมพัตถ์ เธอยิ่งอายหนักกว่าเดิม
พอเธอนุ่งกระโจมอก เขาก็ตักน้ำจากโอ่งมารดตัวให้ สายตาคมวาวมองร่องอกของเธอ ทำให้เธอห่อไหล่เล็กน้อย มือหนาดึงเธอไปนั่งตักเสียอย่างนั้น เพราะที่นี่มีม้านั่งสำหรับให้นั่งถูสบู่
“พี่ไข่จ๋า... เดี๋ยวมีคนมาเห็น”
“ไม่มีใครเห็นหรอกตัวเล็ก เขาไปทำงานทำการกันหมดแล้ว” เขากระซิบที่ริมหู บ้านของโขมพัตถ์ไกลออกมาหน่อยเพราะเขามีที่ดินที่บิดามารดาทิ้งเอาไว้ให้มากมาย เขาจึงปลูกบ้านอยู่บนที่ดินของตัวเอง แต่ไม่ได้อยู่บ้านติดๆ กันเหมือนญาติพี่น้องบางครอบครัว จึงเป็นส่วนตัวอยู่มาก
ส่วนบุพการีของเขาได้เสียชีวิตไปนานแล้ว เขาเป็นลูกคนเดียว ยึดอาชีพทำการเกษตรมาโดยตลอด หลังจากเรียนจบกลับมา ก็อยากพัฒนาบ้านเกิดของตัวเองมากกว่าไปทำงานอยู่ในตัวเมืองใหญ่