“เรื่องที่พี่เคนช่วยพี่ปูเอาไว้น่ะค่ะ” ปราบชัยโทรหาเธอเขาขอโทษเรื่องบ้านกับเธอ แต่ก็บอกว่าเคนช่วยเอาไว้ ไม่งั้นบ้านหลังนั้นโดนยึดไปแล้ว พี่ชายเธอดันไปติดหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยทบต้นทบดอก หามาใช้ให้ไม่ทัน
“จริงๆ ต้องขอบคุณพี่ชายของเป้นะ”
“คะ?” เธอทำหน้างง
“ก็ทำให้เราได้เจอกันไง” เขาบอกเธอด้วยรอยยิ้ม
“ก็จริงนะคะ”
“เราคบกันแล้วนะ ห้ามฟันแล้วทิ้งล่ะ” เขาพูดจริงจัง แต่เธออดขำไม่ได้
“เป้น่าจะกลัวพี่เคนทิ้งต่างหากละคะ” เธอค้อนเขา
เคนดึงมือด้านซ้ายของเธอไปกุมเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ สวมแหวนเพชรเม็ดเล็กๆ ให้เธอเป็นการตีตราจอง
“พี่จองแล้ว สาวขี้เมา ไม่ยกให้ใครเด็ดขาด พี่ติดจุกนมหวานๆ ต้องนอนดูดทุกคืน”
“บ้า!” เธอค้อนเขา ทุบอกเขาอย่างหมั่นไส้ ดูพูดเข้าแต่ละอย่างสิ น่าตบนัก เขาก้มลงจุมพิต ไปรยาหัวใจพองโต ขณะเขาดึงไปกอดแนบอก เธอเองก็จะไม่ยอมให้เขาหลุดมือไปเหมือนกัน...
...จบ...
เล่ม 2 บ้านไรไพรรัก
“พี่ไข่จ๋า...” เสียงหวานๆ ของหญิงสาวบ้านนาที่เรียกเขาอยู่บนคันนาทำให้ไข่ หรือโขมพัตถ์ หนุ่มวัย 35 ยิ้มกว้างขวางในทันที
เขารีบวิ่งขึ้นจากนา มาหาเจ้าหล่อนที่ยิ้มหวานหยดส่งมาให้ด้วยหัวใจเปี่ยมไปด้วยความสุข เจ้าดำ สุนัขตัวโปรดนั้นคุ้นชินกับหญิงสาวเป็นอย่างดี มันวิ่งมาหา กระดิกหางอย่างประจบประแจง
“ตัวเล็กไปนั่งที่กระท่อมก่อนนะ ตรงนี้ร้อน” คนกลัวอีกฝ่ายจะร้อน รีบเอาหมวกที่ครอบอยู่บนศีรษะของตนสวมให้หญิงสาวในทันที
“พี่ไข่จ๋า... วันนี้ทำกล้วยบวชชีมาให้จ้ะ”
“อยากกินกล้วย... บวชชีอยู่พอดีเลยจ้ะ” คนตอบยิ้มหวาน แต่เน้นคำว่า “กล้วย” ซึ่งกินความหมายลึกซึ้งเหลือเกินในความรู้สึกของคนฟัง เพราะมันเป็นชื่อเล่นของเธอ
“ทำมาให้กินถึงที่แล้วนี่ไงคะ” คนบอกขวยเขินเล็กน้อย เขาพาเธอไปยังกระท่อมปลายนาที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ต้นหว้าใหญ่ที่อยู่หน้ากระท่อมให้ร่มเงาเป็นอย่างดี ลมพัดเย็นสบายมากระทบกับร่างของเขากับเธอ เพราะเหงื่อออกพอโดนลมเลยยิ่งเย็นสบายเข้าไปอีก
“ลองชิมกล้วยบวชชีดูสิคะ ทำเองกับมือเลยนะ” เขารู้ว่าเธอทำอาหารอร่อย โขมพัตถ์ตักน้ำในกระติกที่มีน้ำแข็งละลายอยู่ส่งให้เธอ
“ขอบใจจ้ะพี่ไข่” เขารับขันน้ำจากเธอมาตักน้ำดื่มบ้าง น้ำเย็นๆ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันที
“กล้วยบวชชีของตัวเล็กน่ากินจังเลย” โขมพัตถ์ชอบเรียกเธอว่าตัวเล็ก เพราะเธอเป็นคนตัวเล็กจริงๆ สูงแค่ 155 เซนติเมตรเท่านั้น ในขณะที่เขาสูงตั้ง 185 เซนติเมตร แต่ถึงเธอจะตัวเล็ก แต่หน้าประถม นมมหา’ลัย ความอวบอิ่มของวัยสาวล่อตาล่อใจยิ่งนัก
“อืม... อร่อย” เขาตักชิม ก่อนจะเอ่ยชม ยุวธิดาชอบทำอาหาร ปกติการทำกล้วยบวชชี จะใช้กล้วยน้ำหว้าในการทำ แต่เธอใช้กล้วยไข่บวชชีมาให้เขากิน มันเลยอร่อยไปอีกแบบหนึ่ง
“อร่อยก็กินเยอะๆ นะจ๊ะ” เขากินเอากินเอาจนอิ่มแปล้ เธอเก็บปิ่นโตใส่เถา ชะโงกมองหอยขมที่เขาไปหาจากในนาเมื่อครู่แล้วอมยิ้ม
“พี่ไข่จะแกงคั่วหอยขมใส่ใบชะพลูเหรอจ๊ะ”
“ใช่จ้ะ อยากกินฝีมือว่าที่เมีย” เขาเขยิบเข้าไปหา คนขี้อายเขยิบหนีแต่เขากักเอาไว้ด้วยอ้อมแขนแกร่ง
“พี่ไข่จ๋า ขยับไปหน่อยสิจ๊ะ มาเบียดกันแบบนี้หายใจไม่ออกนะ”
“คิดถึงจัง” เขาหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“อุ๊ย! คนอะไรแอบหอมแก้มคนอื่น เขาไม่ได้อนุญาตเสียหน่อย”
“ตัวเล็กจ๋า... วันนี้ไปทำแกงหอยขมที่บ้านพี่ไหม” เขาเอ่ยชวนน้ำเสียงโอดอ่อย ไล้มือกับแขนของเธอเบาๆ คนถูกไล้ถึงกับหน้าแดง ขนลุกซู่
หอยขมที่เพิ่งหาได้จากในนาแบบนี้ต้องแช่น้ำไว้ก่อนสักคืนหนึ่ง ให้มันคายดินออกมา แต่เขาแกล้งหาเรื่องชวนคนข้างๆ ไปเที่ยวบ้านอย่างมีแผนการ
“ออกมาจากบ้านนานเดี๋ยวพ่อกับแม่จะว่าเอานะจ๊ะ” หญิงสาวอุบอิบตอบ น้ำเสียงกระเส่าของเขาทำเธอขนลุกซู่ซ่า
คนบ้า! ชอบมาทำเสียงอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้
“ไม่ว่าหรอก บอกว่ามาหาพี่ ทำแกงคั่วหอยขมใส่ใบชะพลูเสร็จ เอาไปฝากพ่อกับแม่ของตัวเล็กด้วยไง”
“ก็ได้จ้ะ” คนตอบรับหน้าแดง เธอกับเขาหมั้นหมายกันตั้งแต่เด็กเพราะผู้ใหญ่จัดการให้ ยังไม่ได้แต่งงานกัน เพราะตอนนั้นเธอยังเป็นเด็กในสายตาผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้เธออายุ 22 ปีแล้ว เพิ่งเรียนจบกลับมาอยู่บ้าน คนส่งเสียให้เรียนก็โขมพัตถ์นั่นแหละ ปีนี้จึงมีแพลนว่าจะแต่งงานกัน เมื่อก่อนเขาเอ็นดูเธอเหมือนเธอเป็นเด็กคนหนึ่ง แต่พอเรียนจบกลับมารอบนี้ เขารุกหนักจนเธอ ตั้งตัวไม่ทัน มือไม้อยู่ไม่สุข ชอบป้วนเปี้ยนกอดจูบลูบคลำเธอเสียจริง แต่เธอไม่ได้ปฏิเสธหรอกนะ เพราะใจรักเขาอยู่นานแล้ว โดนเขาแตะทีก็อ่อนระทวยเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
“ตัวเล็ก”
“ขา...” ขานรับเสียงสะท้าน
“จูบหน่อยสิ คิดถึง”
“อะไรกันจ๊ะพี่ไข่ คนลามก หน้าไม่อายมาขอจูบเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน”
คนว่าก้มหน้าเอียงอาย มือบิดไปบิดมา ปฏิเสธเสียงสะท้าน
“จูบหน่อย จูบอย่างเดียวไม่ทำอะไรเกินเลย”
“ไม่ได้หรอกจ้ะ แม่บอกว่าให้รักนวลสงวนตัว”
“มัดจำเอาไว้ก่อน” เขาออดอ้อนเสียงแตกพร่า เธอเป็นคนหวงเนื้อหวงตัว เขาเลยยิ่งหวงแหน เคยได้จูบเธอมาแล้วล่ะ แต่ก็อยากจูบอีก ปากหวานๆ ลิ้นสั่นๆ ที่โดนเขาคลุกเคล้าไร้เดียงสาจนน่าขย้ำนัก
“อื้อ...” เงยหน้าขึ้นมาจะปฏิเสธ จึงเป็นโอกาสให้เขาบดจูบเสียอย่างนั้น เขาดึงร่างน้อยไปจูบจนสาแก่ใจ สอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากอุ่นๆ กวาดต้อนเอาความหอมหวานสะท้านใจเก็บเกี่ยวเข้าไว้ในห้วงความรู้สึก ก่อนจะยอมปล่อยเธอแต่โดยดี เธอหอบหายใจสะท้าน หน้าแดงก่ำ เมื่อเขายอมปล่อยเป็นอิสระ
“พี่ไข่น่ะ อะไรก็ไม่รู้”
“ไปทำแกงหอยขมกันนะ” เขาชวนเสียงกระเส่า เธอพยักหน้าอายๆ ลืมไปเสียสนิทว่าหอยขมต้องแช่น้ำก่อนหนึ่งคืนถึงจะแกงได้
นี่ละหนา... เขาว่าความรักมันเข้าตา
ยุวธิดาคิดว่าไม่น่าตามเขามาเลย โดนหลอกอีกแล้ว เธอเองก็ลืมไปว่าหอยที่ได้มา ต้องแช่น้ำให้มันคายดินออกจากเปลือกก่อนคืนหนึ่ง สรุปว่าโดนหลอกมาบ้านคนเจ้าเล่ห์น่ะสิ
เจ้าดำวิ่งตามกลับมาด้วย และมันก็ไปนอนในที่ของมัน เป็นที่ประจำหน้าบ้านที่มีผ้าผืนใหญ่วางเอาไว้ มันนอนฟุบอยู่ตรงนั้น ไม่ไปไหน ซึ่งรู้ดีว่าต้องทำหน้าที่เฝ้าบ้านให้เจ้านาย
“พี่ไข่จ๋า... แก้มกับปากของกล้วยช้ำหมดแล้ว” คนบอกว่าขอชื่นใจ กอดรัดเธอเสียแนบแน่น ร่างน้อยขึ้นไปเกยเบียดอยู่บนตักของเขา แล้วโดนบดจูบอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คิดถึง อีกตั้งสามเดือนกว่าจะได้แต่งงาน”
“แค่สามเดือนเองนะจ๊ะ” คนตอบขวยเขิน ก้มงุด มือน้อยจิกกับผ้าซิ่น อย่างอายๆ คนที่โอบอุ้มให้ร่างน้อยอยู่บนตักถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ อยากจับกินแต่ยังไม่ถึงเวลา จึงขอชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ ก่อน ไม่งั้นอกแตกตายแน่ๆ เขารอเธอมานานตั้งหลายปี
“ไม่ใช่แค่สามเดือน อีกตั้งสามเดือนแน่ะ!” คนพูดถอนใจหนักหน่วง
“พี่ไข่รอกล้วยมาตั้งนานแล้วนี่คะ รออีกนิดหนึ่งจะเป็นไรไป”
“รู้ไหมว่าต้องหักห้ามใจขนาดไหน อยากจับปล้ำตั้งแต่นมตั้งเต้า”
“บ้าสิ! ดูพูดเข้า” คนเขินอายตัวสั่นรับรู้ได้ว่าแก่นกายของเขามันบดเบียดอยู่กับสะโพกสาว ยิ่งหน้าแดงแก้มร้อนซู่หนักขึ้นไปอีก
“ตัวเล็ก” เขาเชยคางมนให้เงยขึ้นสบตา
“ขา...” เธอขานรับท่าทีสะเทิ้นอาย
“หิว...” เขาคราง ไล้มือกับแขนเธอเบาๆ