แล้วก็เหมือนกับถูกสะกด ถูกดูดเข้าไปในหุ้มอากาศ หรืออาจจะสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดใหญ่ ซึ่งเขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าตัวเองสามารถยืนอยู่เฉยๆ โดยไม่กระชากแม่สาวน้อยในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยตรงหน้าเข้ามาจูบได้ยังไงกัน ในเมื่อเจ้าหล่อนสวย สวย... สวยไปทั้งเนื้อทั้งตัว อวบอิ่ม ล้นหลามจนร่างกายของเขาเกร็งเครียดขึ้นมาทันควัน เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกรุนแรงแบบนี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกอยากจะจับผู้หญิงคนไหนเข้ามาดูดให้ปากบวมช้ำแบบแม่สาวตรงหน้ามาก่อน
คิริลกัดฟัน ขบกราม และข่มใจตัวเองสุดกำลง แต่ให้ตายเถอะ เจ้าตัวยุ่งที่อยู่ในกางเกงชั้นในมันกลับไม่ยอมเชื่อฟังเลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้มันตื่น... คึกคัก และพร้อมใช้งานอย่างในทัน เขาอยาก... อยากจะกระชากผ้าขนหนูสีหวานผืนนั้นออก อยากจะมอง อยากจะกินไปทั่วทั้งกายสาว และจากนั้นก็ผลักแรงๆ ให้เจ้าหล่อนไปพิงกับผนังห้อง และกระแทกแล้วก็กระแทกเข้าใส่ความเย้ายวนของแม่สาวน้อยตรงหน้าให้สาสมกับอารมณ์บ้าคลั่งในตอนนี้
เขาต้องการ... ต้องการจะฝังลึกเข้าไปในกลีบเนื้อสาวของหล่อน แรงๆ อย่างรุนแรง บ้าคลั่งและป่าเถื่อน เขาจะกระแทก ส่ายคลึง และทำให้หล่อนครวญครางซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเขาเชื่อแน่ว่าผู้หญิงที่มีใบหน้างดงามปานนางฟ้าตรงหน้าจะต้องเป็นแมวสาวยั่วสวาทยามอยู่บนเตียงได้ยอดเยี่ยมแน่นอน หล่อนถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความพึงพอใจให้กับผู้ชาย เขามั่นใจ... มั่นใจเหลือเกินซึ่งผู้ชายคนนั้นก็คือไมเคิล คนสนิทของเขานั่นเอง
ความผิดหวังอย่างรุนแรงแล่นพล่านอยู่ในอก แต่มันก็ทำให้คิริลมองเห็นความเป็นจริง ความเป็นจริงที่ว่าเขาไม่มีทางแตะต้องผู้หญิงตรงหน้าได้ เพราะหล่อนคือภรรยาสาวของไมเคิล หล่อนมีเจ้าของแล้ว ไม่ว่าหล่อนจะน่าฟัดน่ากินสักแค่ไหนก็ตาม
“สวัสดี... ฉันมาหาไมค์”
คำพูดไร้ความรู้สึก เย็นชา และไม่มีอารมณ์อะไรให้เห็นเลยของพ่อจอมมารเหี้ยมโหดตรงหน้า ช่วยเรียกสติสตังของเนื้อนวลให้กลับมาสู่ร่างได้ทันควัน หลังจากยืนจ้องตากับผู้ชายที่หล่อที่สุดในสามโลกอย่างคิริล อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ อยู่นานหลายอึดใจ
ผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่หล่อ กำยำ และบึกบึนไปทั้งเนื้อทั้งตัว คือผู้ชายที่หล่อนเฝ้าคะนึงหามาตลอดหลายปีตั้งแต่หล่อนมาขออาศัยอยู่กับเนื้อนางผู้เป็นพี่สาวที่นี่ หล่อนแอบมองเขาทุกครั้งที่พี่เขยอย่างไมเคิลลืมของและกลับมาเอา แต่เขาไม่เคยเห็นหล่อนเลย หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ เขาไม่ได้ชายตาแลหล่อนเลยแม้แต่น้อย มีแต่หล่อนนั่นแหละที่แอบมองเขาอยู่ข้างเดียว
แอบมองแอบรัก และตอนนี้ก็แทบจะพลีกายให้กับพ่อเจ้าประคุณอยู่รอมร่อ ผู้ชายอะไรยิ่งมองใกล้ๆ ยิ่งมองแนบชิดแบบนี้ก็ยิ่งหล่อเหลา นี่เขาเป็นคนจริงๆ หรือว่าเป็นภาพวาดที่จิตกรวาดขึ้นมากันแน่นะ เขาเหมือนไม่มีอยู่จริง เพราะเขาเป็นผู้ชายที่คนต่ำต้อยเช่นหล่อนไม่มีทางแตะต้องได้เลย ทำได้แค่เพียงในฝัน ในฝันเท่านั้นที่หล่อนจะแตะต้องเขาได้
“เอ่อ... พี่ไมค์ ไม่อยู่... ค่ะ...”
หญิงสาวตอบเสียงตะกุกตะกักมนต์ขลังของเขายังไม่คลายหายไปไหนมันยังคงครอบงำหล่อนอยู่มากมายเช่นเดิม ไม่สิ... มากมายกว่าเดิมอีก หล่อนอยากจะกอดผู้ชายตรงหน้า อยากจะเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบริมฝีปากกระด้างที่มักจะแต้มด้วยรอยยิ้มหยันตลอดเวลานั้นเหลือเกิน อยากจะสัมผัสรสชาติของเขา อยากจะรู้ว่าริมฝีปากของผู้ชายร้อนแรงเช่นเขาจะให้ความรู้สึกยังไง จะหวานฉ่ำ หรือว่าจะร้อนแรงเหมือนไฟกันแน่
บ้า... บ้าชะมัด ทำไมหล่อนถึงได้คิดอะไรน่าละอายแบบนี้ เขาสูงเกินเอื้อมถึง และแน่นอนว่าหล่อนไม่มีทางได้แตะต้องเขาเหมือนกับที่ใจต้องการ ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ตาม เนื้อนวลพยายามที่จะควบคุมตัวเองให้รอดพ้นจากมนต์เสน่ห์ของคิริล แต่หล่อนก็ทำได้ยากเหลือเกิน เพราะแค่กลิ่นกายหอมเซ็กซี่ของเขาโชยมาเข้าจมูก เนื้อตัวของหล่อนก็ปวดร้าวแทบตายแล้ว แถมช่องท้องยังร้อนราวกับถูกสุมด้วยไฟ มันเป็นความรู้สึกประหลาดที่หล่อนไม่เคยรู้จักมันมาก่อนเลยในชีวิต
ความรู้สึกยอมจำนน...
“แล้วเธอรู้หรือเปล่าว่าไมค์ไปไหน”
“เอ่อ คือฉัน... ฉันไม่รู้ค่ะ...”
หญิงสาวตอบเสียงตะกุกตะกัก ร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้เช่นเดิม
“เขาไม่ได้บอกอะไรเธอเลยหรือ ว่าจะไปที่ไหน เขาไม่ได้ไปทำงานหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ แล้ว”
เนื้อนวลส่ายหน้าน้อยๆ ตอนนี้สมองของหล่อนว่างเปล่าจนน่าตระหนก หล่อนคิดอะไรไม่ออก สิ่งที่อยู่ในหัวของหล่อนตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียว นั่นก็คือ... เขา... ผู้ชายตรงหน้าคนนี้ คิริล อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ เขายังฝังแน่นอยู่ในหัวสมอง หล่อนคลั่งไคล้เขาจนควบคุมตัวเองไม่ได้
“พี่ไมค์ไม่ได้บอกอะไรฉันเลยค่ะ”
“ทั้งๆ ที่เธอเป็นเมียของเขาเนี่ยนะ”
คำถามที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของผู้ชายตรงหน้า ทำให้เนื้อนวลเริ่มเข้าใจสิ่งที่อยู่ในหัวแสนทระนงของเขาทีละน้อย นี่เขาคิดว่าหล่อนเป็นภรรยาของไมเคิลอย่างนั้นหรือ บ้าจริงๆ หล่อนเป็นแค่น้องเมียต่างหาก
“คือฉัน...”
หล่อนกำลังจะอ้าปากอธิบาย แต่ก็ถูกผู้ชายหล่อลากไส้ตรงหน้าหยุดเอาไว้เสียก่อน
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอไม่รู้ ฉันก็จะไม่คาดคั้น ถ้าไมเคิลกลับมา บอกให้เขารับโทรศัพท์ของฉันด้วย หรือไม่ก็ติดต่อกลับฉัน คิริล อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเผด็จการ แต่ไม่ใช่แค่น้ำเสียงหรอกเพราะท่าทางของเขาก็เต็มไปด้วยความเผด็จการ แสนโอหังเช่นกัน