รถสปอร์ตสีดำขลับถูกจอดสนิทไว้หน้าคฤหาสน์ Demon’s Palace ร่างสูงใหญ่ของไทเลอร์ก้าวลงมาจากรถ จากนั้นก็เดินตัวตรงมุ่งหน้าเข้าไปในตึกใหญ่สีขาวสะอาด ใบหน้าหล่อลากดินเยือกเย็นไร้ความรู้สึก เหมือนกับก้อนน้ำแข็งที่อ่านความรู้สึกไม่ออก แต่ใครจะรู้บ้างเล่าว่าแท้จริงแล้วภายในอกของหนุ่มหล่อลากไส้อย่างไทเลอร์ อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟกำลังเป็นอย่างไร ไฟ... ไฟบรรลัยกัลป์กำลังลุกโชนอยู่ในอกแกร่งไร้หัวใจของผู้ชายทรงอำนาจคนนี้
กรามกระด้างที่มีไรหนวดขบกันแน่นจนขึ้นสันนูน ดวงตาสีมรกตเนื้อดีกำลังเรืองรองไปด้วยเพลิงไฟแห่งโทสะ มือใหญ่สีแทนกำเข้าหากันแน่น ขณะย่ำเท้าลงบนพรมหนาสีเรียบหนักๆ
ให้ตายเถอะ บ้าชะมัด ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน ตั้งแต่ลืมตาดูโลกไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำแบบนี้กับเขาสักคน แต่แม่นี่... แม่ผู้หญิงชั้นต่ำอย่างแม่นี่ทำ หล่อนกล้ามากที่สาดน้ำใส่หน้าของเขา หล่อนกล้าลูบคมกับเสือร้ายอย่างเขาโดยไร้ความยำเกรง และแน่นอนว่าเขาจะเอาคืน... เขาจะเอาคืนหล่อนให้สาสมกับสิ่งที่หล่อนกระทำในค่ำคืนนี้เลยทีเดียว
“ฉันจะขยี้เธอให้แหลกคามือ แม่อีตัวคนสวย”
น้ำเสียงกระด้างเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยแผ่วเบา ชายหนุ่มกำลังจะเดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของตัวเอง แต่ก็สวนเข้ากับน้องชายคนรองของตัวเองเข้าเสียก่อน
“หน้าดุแบบนี้ ใครทำให้พี่ใหญ่ของผมโกรธหรือครับ”
คำทักทายจากเจ้าน้องชายหน้าหล่อ คิริล อิสไมนอฟ มาร์คิเดฟ เจ้าหมาป่าผู้แสนเจ้าเล่ห์และโหดร้ายดังขึ้นพอได้ยิน และนั่นก็ทำให้พี่ชายอย่างเขาต้องฝืนยิ้มออกมา
“ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย”
คนฟังหัวเราะเบาๆ ขณะมองสภาพของพี่ชาย เส้นผมยุ่งๆ กับเสื้อเชิ้ตเปียกน้ำ
“ผมว่าไม่ใช่แค่หงุดหงิดนิดหน่อยมั้งครับพี่ไทล์ พี่ดูโกรธจนเหมือนจะขยี้โลกทั้งใบได้อยู่แล้วนะครับ”
“อย่าคาดคั้นพี่คิลล์ เพราะพี่จะไม่ตอบหากพี่ไม่ต้องการที่จะตอบ”
ความโอหังของพี่ชายทำให้คิริลยิ้มออกมาอีกครั้ง ในบรรดาพี่น้องสามคนของตระกูล ไทเลอร์โอหังที่สุด ทั้งโอหังทั้งเผด็จการเลยนั่นแหละ
“โอเคครับ งั้นผมก็จะไม่ถามอะไรแล้วครับ เชิญพี่ไทล์ตามสบาย”
น้องชายจะหมุนตัวเดินจากไป แต่ไทเลอร์เรียกเอาไว้เสียก่อน
“แล้วนั่นนายจะไปไหนล่ะ หรือว่านัดสาวเอาไว้”
คนถูกถามหันกลับมาระบายยิ้ม
“ความจริงก็นัดสาวไว้นั่นแหละครับ แต่ตอนนี้คงไปไม่ได้แล้วล่ะ เพราะผมมีธุระสำคัญที่จะต้องไปจัดการ”
“งั้นก็ตามสบาย พี่ขอตัวไปพักผ่อนก่อนล่ะ”
“ราตรีสวัสดิ์ครับพี่ไทล์”
เจ้าของชื่อหันมาฝืนยิ้มให้ ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นบันไดไป คิริลมองตามร่างสูงใหญ่ของพี่ชายคนโตไปจนลับสายตา จากนั้นจึงรีบก้าวออกมาจากตึกใหญ่ที่มีรถลีมูซีนสีดำสนิทจอดติดเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว เขาก้าวขึ้นไปทันทีเมื่อคนขับรถเปิดประตูรถให้
“คุณคิลล์จะไปที่บ้านของไมเคิลเลยใช่ไหมครับ”
“ใช่ รีบออกรถเลยอีริค”
คนขับรถวัยกลางคนรีบก้มหน้ารับคำสั่ง จากนั้นรถลีมูซีนคันงามก็แล่นออกจาก Demon’s Palace คฤหาสน์แสนตระการตาด้วยความเร็วสูง มุ่งสู่ถนนหลักในกรุงมอสโก
ดวงตาคมกริบสีเขียวมรกตที่คิริลได้รับเป็นมรกตตกทอดมาจากบรรพบุรุษตวัดมองออกไปยังวิวนอกหน้าต่าง ความรู้สึกประหลาดอัดแน่นอยู่ภายในอก คนสนิทของเขา ไมเคิล อาร์ไมคอฟ จู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มาทำงาน ไม่โทรแจ้ง เขารอคอยอย่างใจเย็นอยู่หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ จนในที่สุดก็จำต้องออกค้นหาความจริงด้วยตัวเอง
ความจริงผู้ชายระดับอย่างเขาไม่จำเป็นต้องลงทุนทำถึงเพียงนี้ เขาสามารถหาคนเก่งๆ มาทำงานด้วยได้อย่างง่ายดาย ผู้คนมากมายจำนวนกว่าครึ่งโลกต้องการร่วมงานกับนักธุรกิจมือทองคำอย่างเขา ต้องการจะก้าวหน้าไปพร้อมๆ กับธุรกิจยิ่งใหญ่ของเขา แต่เขาทอดทิ้งไมเคิลไม่ได้ เพราะไมเคิลไม่ใช่แค่เพียงคนสนิทธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ไมเคิลคือเพื่อนรักที่เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้เมื่อครั้งที่เขาเกือบจะถูกคลื่นยักษ์กลางทะเลกลืนหายไป ความกล้าหาญในครั้งนั้นของไมเคิลทำให้เขาซาบซึ้งใจ และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันทอดทิ้งไมเคิลเช่นกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม
“ถึงแล้วครับคุณคิลล์”
รถลีมูซีนคันหรูจอดสนิทลงที่หน้าบ้านชั้นเดียวหลังกะทัดรัดน่ารัก ดวงตาสีเขียวจัดมองผ่านความมืดสลัวตรงไปยังบ้านหลังน้อยตรงหน้าอยู่นานหลายอึดใจเลยทีเดียว ก่อนที่คิริลจะตัดสินใจก้าวลงไปจากรถคันงาม
“รอฉันอยู่ตรงนี้แหละอีริค เดี๋ยวฉันมา”
“ครับ คุณคิลล์”
คิริลไม่พูดอะไรออกมาอีก ชายหนุ่มพาร่างอันสง่างามเดินผ่าความมืดตรงไปยังบ้านหลังเล็กตรงหน้าทันที ไม่นานเขาก็มาหยุดที่หน้าประตูบ้าน มือหนากดกริ่งสองครั้งติด จากนั้นก็ยืนรอให้คนภายในบ้านออกมาเปิดประตู ซึ่งเขาคาดหวังว่าจะเป็นไมเคิลแต่ยืนรออยู่หลายนาทีก็ไม่มีวี่แววว่าเจ้าบานประตูตรงหน้าจะเปิดออกสักที ชายหนุ่มจึงกดกริ่งเรียกอีกครั้ง คราวนี้ย้ำหนักๆ หลายครั้งติด ได้ผล ไม่นานประตูตรงหน้าก็ถูกเปิดออก พร้อมๆ กับภาพสาวงามในชุดกระโจมอกด้วยผ้าขนหนูสีชมพูเพียงผืนเดียวยืนเผชิญหน้ากับเขาอยู่ที่ปากประตู