บรรยากาศเดิมๆ แบบนี้เวียนกลับมาในช่วงหัวค่ำของทุกๆ วัน แสงไฟหลากสีสัน เสียงเพลงที่เคล้าคลอแผ่วเบา จันทร์เจ้าขาถอนใจออกมาเบาๆ ด้วยความเบื่อหน่าย แต่ถึงจะรู้สึกเบื่อหน่ายยังไงกระนั้นหล่อนก็ท้อไม่ได้ หล่อนต้องสู้ ไม่ใช่แค่สู้เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ต้องสู้เพื่อพ่อกับแม่ที่รอคอยการกลับไปของหล่อนที่เมืองไทยด้วย
จากเสียงถอดถอนใจแปรเปลี่ยนเป็นเสียงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ทันที หญิงสาวฝืนยิ้มขณะก้มลงมองกระโปรงรัดรูปสีดำสั้นแค่คืบบนขานวลของตนเอง กระโปรงสีดำทั้งสั้นทั้งรัดรูปมันโชว์สัดส่วนที่หล่อนพยายามซ่อนเร้นเอาไว้จากสายตาของทุกคนเสมอออกมาอย่างชัดเจน ในขณะที่เสื้อเกาะอกสีเดียวกับกระโปรงก็แนบเนื้อไม่ต่างกัน หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแก้ผ้า แต่ก็ไม่มีทางเลือก งานตรงหน้าได้เงินดี แม้จะต้องแลกกับสายตาหยาบคายของนักท่องราตรีเพศผู้ก็ตาม
“เจ้าขาเร็วเข้าสิ แขกมาเยอะแล้วนะ” เสียงเพื่อนร่วมงานที่ดังขึ้นช่วยฉุดให้หญิงสาวรู้สึกตัว
“เอ่อ... จ้ะ ฉันจะรีบออกไปเดี๋ยวนี้”
“ดี... งั้นก็มาเร็วๆ เข้าเลย...”
จันทร์เจ้าขาตัดสินใจเดินตามร่างของเพื่อนร่วมงานออกไปยังหน้าร้านที่ตอนนี้พลุ่งพล่านไปด้วยกลุ่มนักท่องราตรีจำนวนมหาศาล แต่มันก็ไม่แปลกหรอกที่ร้านแห่งนี้คนจะเยอะทุกวัน ก็มันเป็นร้านอันดับหนึ่งของมอสโกเลยนี่ แถมที่นี่ยังมีสาวๆ สวยๆ ให้หนุ่มๆ นักล่าทั้งหลายหิ้วออกไปเสพสุขมากมายครึ่งร้อยกว่าคน
“โต๊ะสิบแปด ยกเหล้าไปเสิร์ฟเลย”
“ได้ค่ะ...”
จันทร์เจ้าขารับถาดใส่แก้วใสใบสวยสองใบ พร้อมกับเหยือกใส่น้ำแข็ง และเหล้าราคาแพงมาไว้ในมือ จากนั้นก็รีบเดินตรงไปยังโต๊ะหมายเลขสิบแปด ซึ่งไม่นานหล่อนก็เจอมัน เพราะโต๊ะหมายเลขนี้เป็นหนึ่งในโต๊ะวีไอพีของร้านเลยทีเดียว โต๊ะหมายเลขนี้จะถูกจัดเอาไว้ในส่วนที่ค่อนข้างจะเป็นส่วนตัวที่สุดในร้าน หล่อนรีบมาหยุด พร้อมกับรีบยกทุกอย่างบนถาดวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าอย่างสุภาพเรียบร้อย
“ต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ...”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องอ้าปากค้างเมื่อพบว่าแขกทั้งสองคนตรงหน้าคือไทเลอร์กับทอมสันนั่นเอง หล่อนหน้าซีดตัวสั่นและเต็มไปด้วยความประหม่า
“คุณ...”
“เธอทำเหมือนรู้จักพวกฉันอย่างนั้นแหละ สาวน้อย”
ไทเลอร์แค่นยิ้มหยัน พลางกวาดสายตามองไปทั่วเรือนร่างอวบอิ่มของสตรีตรงหน้าด้วยสายตาหิวกระหายไม่คิดปิดบัง
จันทร์เจ้าขาหน้าแดงก่ำด้วยความอับอาย แต่กระนั้นก็อดดีใจไม่ได้ที่ไทเลอร์กับทอมสันจำหล่อนไม่ได้ แต่มันก็ไม่แปลกหรอก ในเมื่อตอนนี้หล่อนแต่งหน้าเข้มจัด แถมยังไม่ได้ใส่แว่นสายตาอันใหญ่เฉิ่มเชยเหมือนตอนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเสียด้วย
“ถ้าพวกคุณไม่ได้ต้องการอะไรเพิ่มแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนค่ะ”
กำลังจะหมุนตัวเดินจากไป แต่ก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อบั้นท้ายถูกมือหนาใหญ่ของไทเลอร์ขยำเอาเต็มแรงด้วยกิริยาหยาบคายสุดๆ
“คุณ... ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะ!”
“กล้าหือกับลูกค้าวีไอพีอย่างพวกฉันอย่างนั้นหรือ” ทอมสันตวาดใส่หน้า มองหล่อนไปทั่วทั้งร่างอย่างดูถูกเหยียดหยาม
“ฉันจะจัดการกับแม่นี่เองทอมสัน” ไทเลอร์ผุดลุกขึ้นยืน รอยยิ้มหยันบนใบหน้าของเขายังคงชัดเจนไม่เปลี่ยนแปลง
“ค่าตัวเธอทั้งคืนเท่าไหร่ ฉันสนใจอยากจะมีเซ็กซ์กับเธอ”
คนฟังรู้สึกไม่ต่างจากมีไฟลุกท่วมใบหน้า สองมือบางกำเข้าหากันแน่น พยายามอย่างที่สุดที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
“ขอโทษนะคะ... ดิฉันไม่ขายตัวค่ะ”
หล่อนสะบัดหน้าหนี และตั้งใจจะเดินหนีเช่นกัน แต่ข้อมือบางก็ถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน “อย่าปฏิเสธฉันเลยน่า หรือว่าต้องการให้ฉันตั้งราคาเอง”
เขากระชากหล่อนให้มาหยุดตรงหน้าด้วยกิริยาหยาบคาย มองหล่อนไปทั้งตัวด้วยความหิวกระหายไม่คิดปิดบัง
“หมื่นเหรียญเป็นไง”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่กัดปากแน่น ไทเลอร์จึงพูดขึ้นอีก “น้อยไปหรือ งั้นสองหมื่นเหรียญล่ะเป็นไง แค่ดิ้นๆ ส่ายๆ ไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จงานแล้ว”
“ฉันไม่ตกลง...”
หญิงสาวเค้นเสียงเจ็บปวดออกไปใส่หน้าเขา หัวใจเต็มไปด้วยความเจ็บร้าวทรมาน หากเป็นผู้ชายคนอื่นพูดหล่อนคงไม่ขมขื่นมากเท่านี้ ไทเลอร์ใจร้าย ใจร้ายที่สุดเลย ในสายตาของเขาผู้หญิงคงเป็นแค่เพียงขยะไร้ประโยชน์เพียงเท่านั้นมั้ง
“กรุณาปล่อยมือดิฉันด้วยค่ะ ดิฉันมีงานอื่นที่ต้องไปทำอีกมากมาย”
“ตอบมาก่อนสิว่าตกลง แล้วคืนนี้เราจะได้สนุกกัน”
ไทเลอร์เปลี่ยนจากการแตะเอวคอดแผ่วเบามาเป็นโอบกระชับแทน และนั่นก็ทำให้เขาได้สัมผัสกับความนุ่มนิ่มไม่ผิดจากกำมะหยี่ ร่างกายของเขาเกร็งเครียด เลือดหนุ่มในสายเดือดพล่านขึ้นมาอย่างสุดควบคุม แถมไอ้เจ้าท่อนเนื้อที่เป้ากางเกงก็ผุดผงาดขึ้นอย่างน่าตกใจ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แค่กอดเอง แค่กอดหลวมๆ เท่านั้น ทำไม... ทำไมกายหนุ่มของเขาถึงได้ขานรับเสน่ห์นางของแม่สาวน้อยคนนี้นักหนานะ
“ดิฉันยังยืนยันคำเดิมค่ะ ดิฉันไม่ตกลง”
มือบางผลักแผ่นอกกว้างเต็มแรง จนเป็นอิสระ จากนั้นหล่อนก็เอื้อมไปคว้าแก้วน้ำเปล่ามาสาดใส่หน้าของไทเลอร์ทันที
“และอยากจะให้รู้เอาไว้ว่าผู้หญิงอย่างพวกดิฉันก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกัน ไม่ใช่อีตัวแบบที่คุณกับพวกของคุณเฝ้ามโนกันไปเอง”
จันทร์เจ้าขาพูดจบก็ก้าวยาวๆ เดินจากไปทันที
ทอมสันตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รีบส่งกระดาษทิชชูให้กับไทเลอร์อย่างรวดเร็ว พลางรีบผุดลุกขึ้นจะถลาตามร่างของจันทร์เจ้าขาออกไป แต่ไทเลอร์ห้ามเอาไว้เสียก่อน
“ปล่อยหล่อนไปเถอะ”
“แต่ว่า...”
“ฉันบอกให้ปล่อยหล่อนไปยังไงล่ะ”
มือหนาของไทเลอร์ยกขึ้นปาดหยาดน้ำออกจากใบหน้าของตัวเองอย่างเชื่องช้า ดวงตาคมกริบสีเขียวจัดเต็มไปด้วยความเดือดดาล กรามแกร่งขบกันแน่นจนขึ้นสันปูดเป่ง
“ผมจะจัดการกับแม่ผู้หญิงคนนี้ด้วยมือของผมเอง คุณไม่ต้องยุ่ง”
“คุณไทเลอร์รู้หรือครับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
ทอมสันถามด้วยความประหลาดใจเต็มเปี่ยม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดจากปากของไทเลอร์เลยแม้แต่นิดเดียว
“เรากลับกันได้แล้ว”
“เอ่อ แต่ว่าเรายังไม่เจอนักศึกษาคนนั้นเลยนะครับ เรายังไม่ได้หลักฐาน...”
ไทเลอร์ระบายยิ้มหยัน
“มันไม่จำเป็นอีกแล้วล่ะ กลับกันได้แล้ว ผมต้องการกลับไปพักผ่อน”
“เอ่อ ครับๆ คุณไทเลอร์”
ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยความสง่างามของไทเลอร์เดินนำหน้าออกไปไกลแล้ว ทอมสันจึงต้องรีบวิ่งกระหืดกระหอบตามไปอย่างรวดเร็ว แม้จะผิดหวังที่ยังไม่มีหลักฐานมามัดตัวจันทร์เจ้าขา แต่พรุ่งนี้ยังมีไง ทอมสันคิดแบบนั้น
จันทร์เจ้าขาแอบมองจนร่างของไทเลอร์ก้าวพ้นออกไปจากร้านแล้ว หล่อนจึงกล้าออกมาจากที่หลบซ่อนตัว ด้วยหัวใจที่เต้นแรงระรัว ตอนแรกนึกว่าหล่อนจะต้องถูกไล่ออกจากงานเสียแล้ว แต่ก็แปลกที่ไทเลอร์กลับไม่เอะอะโวยวายอะไรเลย แถมยังยอมกลับไปเฉยๆ แบบนั้น
“ฉันหวังว่าคุณจะจำฉันไม่ได้ อย่างที่คุณแสดงออกมานะคุณไทเลอร์”
หญิงสาวสวดภาวนาให้พระเจ้าคุ้มครอง แต่กระนั้นความหวาดหวั่น ความหวาดกลัวก็ยังคงเกาะติดอยู่ภายในหัวใจไปตลอดราตรี