บทที่ 17 แต่งงานกันเถอะ
รามไม่สนใจคนเจ้าอารมณ์ที่ยืนค้ำหัว แต่มองไปที่คนใช้ด้านหลัง “เธอไปเก็บเสื้อผ้าของเธอได้เลย ป้าศรีคิดค่าแรงให้เธอด้วย”
“คุณผู้ชาย!”
“กินก็ได้” หญิงสาวจำใจต้องนั่งลงเพื่อเห็นแก่คนใช้ที่ร้องไห้ด้วยความแตกตื่น
“แค่นี้เธอก็ได้ทำงานต่อแล้ว” เขายิ้มแทบมองไม่เห็นก่อนจะไล่สาวใช้ดวงเกือบซวยออกไปทำงานต่อ
“ขอบคุณค่ะคุณราม ขอบคุณค่ะคุณนิด” ก้อยมองหน้าหญิงสาวด้วยความซาบซึ้ง ก่อนจะรีบเดินให้พ้นไปจากห้องอาหาร เพราะถ้าช้าความซวยอาจมาเยือนอีกก็ได้
“พี่รามไม่น่าทำแบบนี้กับก้อยเขานะคะ” สิริญ่าตำหนิพี่เขยตรง ๆ หลังจากสาวใช้ก้นครัวออกไปแล้ว
“ต่อไปนี้ตำแหน่งงานของก้อยขึ้นอยู่กับหนูนิดคนเดียวเท่านั้น รู้เอาไว้ด้วย” อย่านึกว่าเธอจะเจ้าอารมณ์เป็นคนเดียว เรื่องอยากเอาชนะอย่างไร้เหตุผลเขาก็ทำได้เหมือนกัน
“พี่รามทำเกินไปแล้วนะคะ”
“พี่ไม่ได้ทำเกินไป แต่หนูนิดนั่นแหละที่ไม่มีเหตุผล” ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขาจะไม่ว่าเธอสักคำ แต่หลังจากอาหารค่ำเมื่อสองวันก่อนเขาทนไม่ได้จริง ๆ เพราะเธอจงใจหลบหน้าเขาอย่างเห็นได้ชัด วันนี้จึงงัดกลเม็ดที่คิดว่าเด็ดที่สุดมาสู้กับเธอ “น้องกายเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เห็นเล่าให้พี่ฟังบ้างเลย”
“น้องกายยิ้มเก่งขึ้นมากค่ะ อารมณ์ดีแล้วก็เลี้ยงง่ายขึ้น” เธอลืมความขุ่นข้องหมองใจเมื่อพูดถึงหลานชายตัวจ้ำม่ำที่แสนจะน่ารัก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคืองเขาอยู่ก็ชักสีหน้าใส่เขาอีก “พี่รามทำไมไม่ถามกับพี่อรล่ะคะ”
“ก็พี่อยากได้ยินจากปากของน้านิดเขานี่” เขาช้อนสายตาจากถ้วยข้าวต้มไปมองหน้าใส ๆ สวย ๆ ไร้ที่ติของน้องเมีย “พี่คิดว่าหนูนิดควรจะยอมให้น้องกายเรียกตัวเองว่าแม่นะ เขาจะได้ไม่มีปมด้อยเมื่อเริ่มรู้ความ”
“จะดีเหรอคะพี่ราม” พินแพรทนนั่งนิ่งต่อไปไม่ได้อีกแล้ว “คุณนิดเธอยังเด็ก เธอคงจะรับไม่ได้แน่ ๆ ที่ถูกเรียกว่าแม่”
“ใครบอกว่านิดรับไม่ได้ค่ะ นิดรับได้อยู่แล้วเพราะคนที่เรียกคือหลานแท้ๆ ของนิด เพียงแต่นิดตกใจเพราะไม่ได้ตั้งตัวเท่านั้น” สิริญ่าสังเกตท่าทางหน้านิ่วคิ้วขมวดของหญิงสาวมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่ว่าเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทะเลาะกับพี่เขยจนไม่สนใจรอบข้าง
“แพรคิดว่ามันไม่เหมาะเหรอจ๊ะ” รามถามพินแพรด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน รู้แล้วว่าจะทำลายความใจแข็งของน้องเมียตัวแสบได้อย่างไร
“คือ...”
“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก เราก็รู้ใจกันอยู่ มีอะไรก็พูดกันตรง ๆ ดีหรือไม่ดีพี่จะได้แก้ไขถูก”
“ถ้าอย่างนั้นแพรขอพูดตามตรงเลยนะคะ”
“ได้สิจ๊ะ”
“เรื่องนี้แพรคิดว่าพี่รามไม่ควรทำให้น้องกายสับสนนะคะ ตอนนี้น้องกายยังเด็กมาก แต่เขาก็จะโตขึ้นและจะจำได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต ดังนั้นแพรคิดว่าพี่รามไม่ควรผูกมัดคุณนิดกับน้องกายด้วยคำว่าแม่ เพราะถ้าถึงเวลาที่พี่รามต้องการแต่งงานใหม่ขึ้นมาจริง ๆ คนที่เสียใจที่สุดก็คือน้องกายนะคะ เพราะเขาเข้าใจว่าคุณนิดคือแม่ของเขาไปแล้วนั่นเอง”
“เพราะน้องกายโตขึ้นทุกวันแบบนี้สิพี่ถึงไม่อยากให้เขาขาดแม่ พี่อยากหาแม่ให้น้องกายตามที่คุณนัดเขาแนะนำ แพรก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณนัดเธอพูดมีเหตุผลแค่ไหน”
“อย่าเพิ่งเครียดไปเลยค่ะ ทุกอย่างมันต้องมีทางออก” ปนัดดาก็แนะนำเขาไปเหมือนกันนี่ว่าให้มองหาผู้หญิงที่อยู่ใกล้ ๆ ตัวเอาไว้ ทำไมเขาไม่มองเธอล่ะ เธอยินดีที่จะเป็นแม่เลี้ยงให้ลูกชายเขาอยู่แล้ว เธอไม่รังเกียจเด็กชายคนนั้นสักนิด ถึงแม้จะไม่ค่อยรู้สึกรักใคร่เอ็นดูนักก็ตาม “ทำไมพี่รามไม่ลองปรึกษาคุณป้าดูล่ะคะ” ชี้ชวนให้เขานำเรื่องนี้ไปปรึกษากับมารดาของเขา
เมื่อหลายวันก่อนเธอเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากท่าน ท่านถามไถ่ถึงเรื่องทั่วไป และยังพูดตบท้ายให้มีความหวัง ว่าไม่เห็นผู้หญิงคนไหนเหมาะสม ที่จะดูแลลูกและหลานชายของท่านเท่าตนอีกแล้ว.. บางทีนี่อาจจะเป็นสัญญาณที่ดีของเธอก็ได้
“แพรคิดว่าคุณแม่พี่จะช่วยได้เหรอ”
“ท่านเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคะ เรื่องแบบนี้เราต้องเชื่อสายตาท่านค่ะ”
“คุณแพรพูดเหมือนคุณแม่พี่รามท่านมีตัวเลือกอยู่ในใจแล้วเลยนะคะ”
“แพรไม่ทราบหรอกค่ะคุณนิด แต่ถ้าพี่รามเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาท่าน แพรเชื่อว่าท่านจะต้องเลือกผู้หญิงที่เหมาะสมที่สุดให้พี่รามอยู่แล้วค่ะ”
“ผู้หญิงที่พร้อมจะเป็นทั้งแม่และภรรยาที่ดี โดยการถูกจับให้แต่งงานนี่ยังมีอีกเหรอคะคุณแพร”
“แล้วคุณนิดคิดว่าผู้ชายที่สมบูรณ์แบบแบบพี่ราม ยังมีผู้หญิงหน้าโง่คนไหนปฏิเสธอีกเหรอคะ”
สิริญ่าหันไปมองหน้าพี่เขยของเธอพร้อม ๆ กับที่เขาก็มองมา คนหนึ่งมองผู้ชายสมบูรณ์แบบตามคำพูดของเลขา ส่วนอีกคนมองผู้หญิงหน้าโง่ตามที่เลขาพูดถึง
“ไปทำงานกันเถอะแพร พี่ไปก่อนนะหนูนิด” เขาบอกลาเธอแล้วลุกออกไป “เที่ยงนี้ช่วยโทรจองร้านอาหารที่โรงแรมแม็คแคนเลย์ให้พี่สองที่นะ พี่จะนัดเจอกับคุณแม่หน่อย”
“จะให้แพรโทรนัดท่านด้วยไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก พี่โทรหาท่านเองดีกว่า อยากให้ท่านช่วยหาแม่ให้น้องกายทั้งที ก็ต้องโทรไปอ้อนท่านหน่อย” รามเจตนาพูดเสียงดังเพื่อให้คนที่ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารได้ยิน