บทที่ 16 ข้อเสนอ
คิ้วเรียวกระตุกเข้าหากัน มองหน้าพี่เขยในความมืดสลัวด้วยความสงสัย ในเมื่อขอไปเลี้ยงเองเขาก็ไม่ยอม
“แล้ววิธีไหนคะ”
“กล้าแต่งงานกับพี่ไหมล่ะ ถ้ากล้าเราก็มาแต่งงานกัน แต่ถ้าไม่กล้าก็อย่ามาขวางทางพี่”
ใจของเธอเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาจากอก เขากล้าพูดแบบนี้กับเธอได้อย่างไรกัน ในเมื่อพี่สาวของเธอเพิ่งจากไปยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
“อย่าต่อว่าพี่ด้วยสายตาแบบนั้น พี่ยังไม่ลืมภรรยาของพี่หรอก แก้วยังอยู่ในใจของพี่เสมอ แต่พี่ยังมีลมหายใจ ยังต้องก้าวต่อไปข้างหน้า จะให้โลกของพี่หยุดหมุนอยู่แค่นี้ไม่ได้หรอก หนูนิดต้องเข้าใจพี่ด้วย แล้วที่พี่ตัดสินใจแต่งงานใหม่ก็ไม่ใช่เพราะพี่อยากจะมีเมียใหม่ แต่พี่อยากทำหน้าที่พ่อที่ดีที่สุดคนหนึ่ง พี่อยากให้น้องกายโตมาพร้อมกับความทรงจำว่ามีแม่คอยเคียงข้าง ไม่ใช่โตมาเป็นเด็กกำพร้า โตมาแล้วถามหาว่าแม่เขาอยู่ที่ไหน ทำไมเขาถึงไม่มีแม่เหมือนคนอื่นๆ”
“พี่รามจะไม่บอกน้องกายเรื่องพี่แก้วเหรอคะ”
“ไม่ใช่ไม่บอก แต่เรามีวิธีบอกตั้งหลายอย่างที่ไม่ให้น้องกายรู้สึกเสียใจ น้องกายต้องมีแม่แก้วเป็นแม่ที่ให้กำเนิด แต่เขาก็ต้องมีแม่ที่คอยดูแลเอาใจใส่เขาด้วยเหมือนกัน และถ้าแม่คนนั้นคือน้าแท้ๆ ของเขามันคงจะดีกว่าไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวถอนหายใจด้วยความรู้สึกสับสน เธอรักหลานมากแต่ก็ไม่เคยคิดไกลไปถึงขั้นจะเป็นแม่เลี้ยงของเขาเลย แต่ข้อเสนอของเขาก็น่าสนใจมากทีเดียว ในโลกนี้คงไม่มีแม่เลี้ยงคนไหนรักลูกเลี้ยงได้มากเท่ากับแม่เลี้ยงที่มาจากสายเลือดเดียวกันอีกแล้ว
“นิดยอมรับข้อเสนอก็ได้ค่ะ แต่นิดมีข้อแม้อย่างหนึ่ง”
ชายหนุ่มนิ่งอึ้งจนลืมหายใจ คิดไม่ถึงว่าเธอจะยอมรับข้อเสนอที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมาได้สดๆ ร้อนๆ ข้อนี้ เขาสูดลมหายใจที่แสนอึดอัดเข้าเต็มปอด
“ข้อเสนออะไร”
“นิดทำเพื่อน้องกายเท่านั้น ดังนั้นเราจะแต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้น”
“..เสียใจด้วยนะ พี่รับข้อเสนอนี้ไม่ได้หรอก” เขาประหม่าไปบ้างเพราะยังไม่ได้คิดไปไกลถึงขั้นอื่น แต่ในเมื่อเธอพูดขึ้นมาเขาจะยอมรับง่ายๆ ก็คงไม่ได้ เดี๋ยวเธอจะหาว่าเขาไม่เป็นสุภาพบุรุษอีก
“ทำไมคะ”
“ถ้าพี่ยอมรับว่าเราแต่งงานกันในนามก็ได้ แต่พี่จะรับแพรหรือคุณนัดเป็นบ้านเล็ก หนูนิดยอมรับได้ไหมล่ะ”
“ไม่ได้ค่ะ”
“หนูนิดน่าจะคิดก่อนตอบสักหน่อยนะ”
“ไม่จำเป็นต้องคิดค่ะ”
“หนูนิดเห็นแก่ตัว”
“นิดไม่ได้เห็นแก่ตัว แต่นิดเห็นแก่หลานต่างหาก”
“แล้วชีวิตพี่ล่ะ ทำไมหนูนิดไม่คิดถึงพี่บ้าง พี่เป็นมนุษย์คนหนึ่ง พี่ไม่ใช่หุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก ไร้ความปรารถนา พี่ใช้ชีวิตจอมปลอมแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ”
“นิด.. นิด..”
“พี่รู้ว่าหนูนิดลำบากใจ เอาเป็นว่าเราลืมเรื่องนี้ไปซะเถอะ พี่จะค่อยๆ จัดการเรื่องนี้เอง” เขาบอกกับเธอแล้วใส่เกียร์เหยียบคันเร่ง เคลื่อนรถออกไปจากหน้าร้านอาหาร
ตลอดเส้นทางกลับบ้านทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีกเพราะต่างก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
เมื่อกลับถึงบ้านสิริญ่าก็ปิดประตูห้องนอนขังตัวเองอยู่ในนั้น เกือบๆ เที่ยงคืนถึงได้ออกจากห้องไปดูหลานชาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เธอต้องทำก่อนจะนอนทุกคืน
เธอพยายามเดินเข้าไปในห้องนอนของหลานชายให้เบาที่สุด เพราะไม่อยากรบกวนการนอนหลับของพี่เลี้ยง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเดินถึงเตียงนอนของหลานชายแล้วเห็นเขาลืมตาตื่นอยู่ก่อนแล้ว
“สุดหล่อของน้ายังไม่หลับอีกเหรอครับ” เธอถือโอกาสอุ้มหลานชายที่เพิ่งอายุครบสี่เดือนเมื่อวานนี้ขึ้นมาหอมเบาๆ อย่างรักใคร่ “น้านิดคิดถึงน้องกายจัง วันนี้เราไม่ได้เจอหน้ากันทั้งวัน คิดถึงน้านิดบ้างไหมครับ” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของหลานชาย “หลานน้ายิ้มสวยจัง น้ารักหนูที่สุดในโลกเลยรู้ไหมครับ”
เธอหอมเด็กชายซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความรักสุดบรรยาย โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกพ่อของเด็กแอบมองอยู่ที่ประตู
รามมองภาพของน้องเมีย ที่กำลังคลอเคลียกับลูกชายของตนด้วยความรู้สึกสับสนในหัวใจ ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เสนอไปเมื่อตอนหัวค่ำนั้นคือความต้องการที่แท้จริงของตัวเอง หรือว่าแค่เพื่อลูกชายกันแน่ แต่ตอนนี้สิ่งหนึ่งที่เขาตัดสินใจได้แน่ๆ ผู้หญิงคนนี้เท่านั้นที่เขาต้องการแต่งงานด้วยอีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม
แต่เขาจะต้องชักแม่น้ำอีกกี่สาย เธอถึงจะยอมรับข้อเสนอของเขาอย่างไม่มีข้อแม้
เขาค่อยๆ ปิดประตูแล้วเดินกลับที่ห้องนอนของตัวเอง ปล่อยให้สองน้าหลานอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขต่อไป
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ราม”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะแพร” รามทักทายตอบหญิงสาวที่มาถึงโต๊ะอาหารก่อน
“เมื่อคืนพี่รามนอนไม่หลับเหรอคะ”
“เปล่านี่ หลับสนิทดี ทำไมเหรอ” เขานอนไม่หลับเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของน้องเมียนี่แหละ คิดจะหาวิธีทำให้เธอยอมแต่งงานเป็นแม่ของลูกชายเขา
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แพรแค่เห็นพี่รามรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นเหมือนทุกวันก็เท่านั้น” เมื่อคืนวานเธอเห็นตอนที่เขากลับมาพร้อมกับสิริญ่า พวกเขาเหมือนทะเลาะกัน เพราะเมื่อลงจากรถได้ผู้หญิงคนนั้นก็เดินหน้าเครียดขึ้นบ้านไปก่อนโดยไม่พูดไม่จาสักคำ ส่วนต้นเหตุก็คงไม่ใช่ใครนอกจากปนัดดา “ทานข้าวเลยไหมคะ แพรจะได้บอกให้ป้าศรีตั้งโต๊ะ”
“จ้ะ ไปตามคุณนิดลงมาทานข้าว ถ้าคุณนิดไม่ลงมาฉันจะไล่เธอออก” เขาตอบรับ รอจนสาวใช้ยกอาหารเข้ามา จึงบอกให้ไปตามสิริญ่าลงมาขณะที่ยังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่
“คุณผู้ชาย” สาวใช้เสียงสั่นเครือ คิดไม่ถึงว่าความซวยจะมาเยือนแต่เช้าแบบนี้
“อย่าเสียเวลาคร่ำครวญ รีบทำตามที่ฉันสั่ง”
“ค่ะ” สาวใช้รับคำแล้วรีบทำตามคำสั่งทันที
พินแพรไม่พอใจสักนิดกับความห่วงหาอาทรนั้น ถึงแม้เขาจะไม่ได้แสดงออกมาชัดเจน แต่มันก็สื่อได้ดีว่าเขาแคร์สิริญ่าจนถึงขั้นข่มขู่คนใช้
เธอนั่งกินข้าวไปเงียบๆ โดยที่เขายังไม่แตะต้องข้าวต้มในถ้วยแม้แต่นิดเดียว ประมาณห้านาทีต่อมาคนที่เขาต้องการพบก็เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล เขาพับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วเริ่มตักข้าวต้ม
“พี่ราม”
“ทานข้าวก่อนแล้วค่อยพูด” เขาพูดตัดบท
“นิดไม่กิน นิดเคยบอกเหตุผลไปแล้วนะคะ” สิริญ่ามองหน้าเขาด้วยความขัดเคืองใจ ถ้าไม่ใช่เพราะคำขู่และน้ำตาของสาวใช้เธอจะไม่ลงมาเด็ดขาด เธออุตส่าห์หลบหน้าเขามาได้ตั้งสองวันแล้วเชียว